บทที่ 315 แวบหนึ่งของความสงสัย
นางยังคงพูดต่อ “ตอนนั้นเจ้าบอกว่าอยากแต่งงานกับซูฉางชิง ข้าเป็นคนช่วยเกลี้ยกล่อมให้บิดาเจ้ายอม หากไม่มีข้าช่วย เจ้าคงไม่ได้แต่ง”
ซุนเจียงหรูถึงกับนิ่งอึ้ง นางไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ตอนนั้นนางมีใจอยากแต่งงานกับซูฉางชิงจนคิดว่าตนเองเป็นผู้ทำให้บิดายอมรับได้
ท่านอาสังเกตเห็นท่าทางประหลาดใจของซุนเจียงหรู จึงยกน้ำชาขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ
“บิดาของเจ้าก็ปล่อยให้เจ้าเอาแต่ใจ อยากแต่งก็แต่ง อยากหย่าก็หย่า ข้าว่าถ้ามารดาเจ้ายังอยู่ เจ้าคงไม่ได้ทำเช่นนี้หรอก”
ซุนเจียงหรูเงียบไป ใจยังคงคิดถึงเรื่องที่นางเพิ่งเล่า
“ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถอะ” นางสั่งให้ซุนเจียงหรูและฉินจื่อเหยียนกลับ โดยไม่พูดอะไรกับฉินจื่อเหยียนเลยแม้แต่น้อย
หลังออกจากเรือนเฉาหยุน ซุนเจียงหรูก็ดูเงียบไป
“เจียงหรู เจ้าน่าจะลองไปถามท่านพ่อดูนะ” ฉินจื่อเหยียนรู้สึกว่าการที่นางพูดถึงเรื่องนี้ชวนให้รู้สึกแปลกอยู่บ้าง แม้ไม่แน่ใจว่าแปลกตรงไหนก็ตาม
“ข้าจะลองถามดู” ซุนเจียงหรูเองก็เต็มไปด้วยคำถาม หลังจากมารดาเสียชีวิต พวกเขาก็ติดต่อกับท่านอาหญิงผู้นี้น้อยลง
ดังนั้นหากบิดาจะติดต่อเรื่องการแต่งงานของนางผ่านท่านก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่นางไม่เคยรู้มาก่อนจึงรู้สึกไม่สบายใจ
...
วันถัดมา
ฉินจื่อเหยียนไปส่งซุนอวี้เซวียนที่สำนักเรียน ส่วนทางจวนจิ้นอ๋องก็ยังไม่มีอะไรให้ซูเล่ออวิ๋นต้องไปช่วย นางจึงมีเวลาว่างในวันนี้
แม้จะมีเวลาว่าง นางก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองว่างเปล่า แต่กลับไปนั่งอ่านตำราแพทย์ที่ห้องหนังสือต่อ
“คุณหนู” เสียงเหลียนซินดังมาจากนอกห้อง “คุณหนูเซียงมาพบค่ะ”
เซียง? ซูเล่ออวิ๋นนึกถึงเซียงหลิงหลิง หลานสาวที่มากับพี่สาวท่านยายทันที
การที่เซียงหลิงหลิงมากับนางเพียงคนเดียวก็นับว่าแปลก คนในตระกูลเซียงมีไม่น้อย เหตุใดถึงมาด้วยกันแค่สองคน
ซูเล่ออวิ๋นวางตำราและเดินออกจากห้องหนังสือ
“คุณหนู ชุ่ยหลิ่วพาคุณหนูเซียงไปยังห้องรับแขกแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อเข้าไปในห้องรับแขก ซูเล่ออวิ๋นเห็นว่าเซียงหลิงหลิงไม่ได้กำลังนั่งรอ แต่มองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มสดใส ท่าทางเป็นมิตรจนใครๆ เห็นเป็นต้องรู้สึกดี
“พี่สาว”
เมื่อเห็นซูเล่ออวิ๋น เซียงหลิงหลิงก็ไม่รีรอ เอ่ยทักพลางชี้ไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบใบหนึ่ง “พี่สาว ขวดใบนี้ดูเหมือนจะมีราคาแพงไม่น้อยเลยใช่ไหมเจ้าคะ”
ซูเล่ออวิ๋นเดินเข้าไปดูขวดกระเบื้องเคลือบนั้น ขวดนี้เป็นของขวัญจากพี่ชาย นับว่าเป็นของที่ได้มาจากชัยชนะที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเป็นของที่ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินมอบให้เป็นรางวัลแก่ซูเยี่ย
ลวดลายและเทคนิคบนขวดแตกต่างจากงานในเมืองหลวงมาก ราคาคงไม่น้อย ซูเล่ออวิ๋นชอบลวดลายของขวดใบนี้ จึงนำมาตั้งโชว์ไว้
นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “พี่ชายให้ข้ามา”
“ท่านแม่ทัพซูเยี่ยหรือเจ้าคะ”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าพี่ชาย ดวงตาของเซียงหลิงหลิงก็เป็นประกายขึ้น ราวกับได้ยินเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเซียงหลิงหลิง หัวใจของซูเล่ออวิ๋นก็เต้นแรงขึ้นคล้ายกับจะค้นพบอะไรบางอย่าง แต่ความคิดนั้นก็แวบหายไปอย่างรวดเร็ว
“ใช่” ซูเล่ออวิ๋นพยักหน้า จากนั้นเซียงหลิงหลิงก็เดินเข้ามาควงแขนนางอย่างสนิทสนมแล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“พี่สาว เล่าเรื่องของพี่ชายให้ข้าฟังหน่อยสิเจ้าคะ”
“เจ้าอยากฟังเรื่องอะไรหรือ”
ซูเล่ออวิ๋นครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนถามกลับ
เซียงหลิงหลิงทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมา “พี่ชายไม่ได้อยู่จวนหรือเจ้าคะ”
“พี่ชายเดินทางไปทำงานนอกเมือง จะกลับมาก่อนวันที่สิบห้า”
“พี่สาว พี่ชายก็อายุสิบเจ็ดแล้ว ท่านน้ามองหาคู่ให้หรือยังเจ้าคะ”
เมื่อเซียงหลิงหลิงเอ่ยถาม ใบหน้าของนางก็พลันขึ้นสีแดงระเรื่อ
ทันใดนั้นซูเล่ออวิ๋นก็แวบเข้าใจบางอย่าง นางไม่ปล่อยให้ความคิดนั้นผ่านเลยไป
"พี่ชายเพิ่งอายุสิบเจ็ด ยังไม่รีบถึงขนาดนั้นหรอก" ในแคว้นต้าซ่ง ชายหนุ่มอายุยี่สิบจะเข้าสู่พิธีสวมหมวกเพื่อแสดงถึงวัยผู้ใหญ่ หลายคนก็เริ่มหาคู่หลังพิธีนี้ ต่างจากหญิงสาวที่หากไม่ได้แต่งงานหลังจากถึงวัยบรรลุนิติภาวะสองปี ก็จะถูกผู้คนซุบซิบกัน
ยิ่งซูเยี่ยมีผลงานเด่นชัด ก็ยิ่งไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครหมายตา
เซียงหลิงหลิงยิ้มกว้างอย่างดีใจ “อย่างนี้นี่เอง”
หลังจากถามถึงซูเยี่ยแล้ว เซียงหลิงหลิงก็เปลี่ยนเรื่อง หันมาพูดคุยเรื่องราวในบ้านอย่างสนุกสนาน นางเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจามีมารยาท ซูเล่ออวิ๋นจึงไม่ได้รู้สึกขัดใจ
ทั้งสองคุยกันไปมา จนกระทั่งดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
“พี่เล่ออวิ๋น!” เสียงซุนอวี้เซวียนดังมาจากหน้าลาน ดูเหมือนเขาจะมีเรื่องน่ายินดี
ซูเล่ออวิ๋นเงยหน้ามองออกไป ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของพี่ชายกำลังจูงมือซุนอวี้เซวียนเดินเข้ามา
“พี่ชาย...” ซูเล่ออวิ๋นเผยยิ้มแห่งความดีใจ แต่ก่อนที่นางจะพูดอะไรออกมา ก็มีอีกคนที่แสดงออกเร็วกว่า
“พี่เยี่ย!” เซียงหลิงหลิงจำซูเยี่ยได้ทันที รอยยิ้มของนางสดใสอย่างยิ่ง ขยับไม่กี่ก้าวก็เข้าไปยืนตรงหน้าซูเยี่ย
ซูเยี่ยตกใจเล็กน้อยที่เห็นเซียงหลิงหลิง แต่เมื่อคิดได้ว่าซุนอวี้เซวียนเคยเล่าให้ฟังว่าพี่สาวของท่านย่าและเซียงหลิงหลิงมาเยือนจวนตระกูลซุน ซูเยี่ยจึงเข้าใจทันที
“เจ้าคงเป็นเซียงหลิงหลิงสินะ พี่ชายไม่ได้เตรียมของรับขวัญสำหรับเจ้ามาในครั้งแรกที่พบกัน เอาไว้คราวหลังให้เล่ออวิ๋นพาไปเลือกในห้องเก็บของนะ เจ้าอยากได้สิ่งใดก็เลือกได้เลย”
ขณะที่ซูเยี่ยกำลังคุยกับเซียงหลิงหลิง ซุนอวี้เซวียนก็วิ่งเข้ามาหาซูเล่ออวิ๋น กระซิบเบาๆ ที่หูของนาง
“พี่เล่ออวิ๋น ข้าเตรียมของขวัญให้ฉิงฉิงไว้เรียบร้อยแล้วนะ”
“จริงหรือ ของขวัญนั้นคืออะไรหรื?” ซูเล่ออวิ๋นถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ซุนอวี้เซวียนยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก “ข้าบอกพี่ไม่ได้ เดี๋ยวพี่จะไปเล่าให้ฉิงฉิงฟัง”
“พี่ดูเหมือนคนที่จะทำอย่างนั้นหรือ” ซูเล่ออวิ๋นหัวเราะเบาๆ
ซุนอวี้เซวียนทำหน้าครุ่นคิดจริงจังอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆส่ายศีรษะด้วยท่าทีจริงจัง
“พี่ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ข้าก็ยังบอกพี่ไม่ได้อยู่ดี”
“ได้ งั้นรอให้เจ้ามอบของขวัญให้ฉิงฉิงแล้วค่อยบอกพี่ทีหลัง”
“ได้เลย!” ซุนอวี้เซวียนรีบพยักหน้าตอบตกลง
ซูเยี่ยกับเซียงหลิงหลิงเดินเข้ามาพอดี เมื่อได้ยินที่ซุนอวี้เซวียนพูดก็เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ”
“ความลับครับ บอกพี่ชายไม่ได้” ซุนอวี้เซวียนตอบด้วยท่าทีเคร่งขรึม
ซูเล่ออวิ๋นและซูเยี่ยมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา
ไม่มีใครสังเกตเห็นแววความขุ่นเคืองที่แวบผ่านดวงตาของเซียงหลิงหลิง
“พี่เยี่ย พี่เล่ออวิ๋น ข้ามาเมืองหลวงเป็นครั้งแรก พรุ่งนี้พวกท่านว่างหรือไม่ ช่วยพาข้าไปเที่ยวชมเมืองหน่อยได้ไหมเจ้าคะ”
รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเซียงหลิงหลิงกลับมาอีกครั้ง
ซูเล่ออวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นความคาดหวังในแววตาของเซียงหลิงหลิงและคิดถึงว่านางเป็นแขก นางจึงพยักหน้าตอบรับ