บทที่ 309 ลองดูสักตั้ง
จางผู้เฒ่าทำเสียงฮึเบาๆ ก่อนก้มหน้าลงอีกครั้ง ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีถึงนิสัยใจร้อนของอ๋องอัน
การคาดหวังให้อ๋องอันปรานีคนแก่เช่นเขานั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“ไม่ยอมพูดรึ เช่นนั้นข้าอยากจะดูหน่อยว่าปากของเจ้าจะทนหรือร่างกายของเจ้าจะทนได้มากกว่ากัน!”
อ๋องอันส่งสัญญาณให้ผู้คุมที่อยู่ข้างๆ ซึ่งพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินไปหยิบแส้จากชั้นวาง
เขานำแส้นั้นไปแช่ในน้ำพริก เมื่อหยิบขึ้นมามันยังมีชิ้นพริกแดงติดอยู่
ผู้เฒ่าจางไม่ได้สนใจการกระทำของผู้คุม เขาเพียงค่อยๆหลับตาลง เขารู้ดีว่าร่างกายอันแก่ชราของเขาจะทนได้สักแค่ไหน ตอนนี้หวังเพียงให้เสี่ยวหยางกับทาโนปลอดภัยก็พอ
ผู้คุมสะบัดแส้ไปในอากาศ เสียงแหวกอากาศดังขึ้นโดยไม่ทำให้ผู้เฒ่าจางขยับแม้แต่น้อย
อ๋องอันขมวดคิ้วก่อนออกคำสั่ง “ลงมือ!”
สิ้นเสียงสั่ง แส้ในมือผู้คุมก็ฟาดลงบนหลังของจางผู้เฒ่า บาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดปรากฏขึ้นทันที เขาส่งเสียงครางเบาๆใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด
ผู้คุมออกแรงทุกครั้งที่สะบัดแส้ ไม่ลดความแรงลงเลยแม้แต่น้อย ลงแส้ไม่กี่ครั้งก็ทำให้ร่างของผู้เฒ่าทนไม่ไหว เซล้มลงไปทางด้านข้าง เลือดไหลออกจากมุมปากของเขา
ผู้คุมมองอ๋องอันเพื่อรอฟังคำสั่งต่อ เพราะหากเผลอตีผู้เฒ่าจางจนตายไปเสีย จะหาเบาะแสมือสังหารได้อย่างไร?
อ๋องอันส่งสัญญาณให้ผู้คุมถอยออกไป เขาจ้องมองผู้เฒ่จางอยู่นาน
“ถึงเจ้าจะไม่ยอมพูด แต่ถ้าหลานของเจ้ามีความกตัญญูอยู่บ้าง ก็คงไม่ปล่อยให้เจ้าต้องลำบากเช่นนี้หรอกใช่ไหม?”
ผู้เฒ่าจางขยับตัวเล็กน้อย
มุมปากของอ๋องอันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “ลากเขาออกไปก่อน อย่าให้ตายก็พอ” พูดจบ อ๋องอันก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
...
จางหยางย่อมไม่อาจปล่อยให้ผู้เฒ่าจางลำบากได้ เขาปลอมตัวและมุ่งหน้าไปที่ร้านยาไป่เฉ่าถัง แต่ร้านกลับปิดเงียบ เกรงว่าคงถูกตรวจค้นไปแล้ว เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนทิศทางวิ่งไปยังบ้านของหมอเหอ
หมอเหอสีหน้าซีดเซียว ภรรยาข้างๆยื่นน้ำให้พร้อมปลอบใจ “ท่านเจ้าของร้านกำลังหาทางช่วยอยู่ ท่านไม่ต้องกังวลไปนะ”
“แต่ท่านจาง...”
ขณะที่กำลังพูด ก็มีหินก้อนหนึ่งถูกโยนเข้ามาจากนอกบ้านตกลงตรงหน้าทั้งสอง หมอเหอลุกพรวดและรีบออกไปดู
ทันทีที่ก้าวออกจากประตู มือหนึ่งก็ยื่นมาปิดปากเขาไว้
“หมอเหอ”
เสียงนี้ทำให้หมอเหอจำได้ทันทีว่าใคร เขามองเห็นจางหยางที่รีบพาเขากลับเข้าบ้านแล้วปิดประตูทันที
“จางหยาง เรื่องของท่านจางเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เช้านี้ร้านไป่เฉ่าถังเปิดตามปกติ แต่ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมง ก็มีทหารกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาพาตัวทุกคนไปสอบปากคำ โดยกล่าวว่าท่านจางได้ช่วยชีวิตมือสังหารไว้
พวกเขาไม่รู้อะไรสักอย่าง ถูกซักถามไม่กี่คำก็ปล่อยตัวออกมา เมื่อหมอหลวงหวังทราบเรื่องที่ท่านจางถูกจับ จึงรีบปิดร้านแล้วออกไปหาคนช่วย หมอเหอจึงต้องกลับมารอที่บ้านอย่างสิ้นหวัง
“ท่านปู่ช่วยมือสังหารคนหนึ่งจริงๆ” จางหยางตอบ
“ใช่มือสังหารที่เคยมีประกาศจับหรือไม่” หมอเหอถามทันที
ภรรยาของหมอเหอก็มีสีหน้ากังวล ท่านจางมีพระคุณต่อพวกเขาทั้งคู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากเห็นท่านจางต้องลำบาก แต่การช่วยเหลือมือสังหารนั้นเป็นเรื่องเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้ มือสังหารผู้นั้นคือคนที่คิดสังหารอ๋องอัน ไม่ใช่คนที่พวกชาวบ้านธรรมดาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ง่ายๆ
จางหยางไม่ได้หวังให้พวกเขาช่วย เขาเพียงต้องการมาหาข้อมูลจากหมอเหอ เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่จับท่านจางไปคือทหารของอ๋องอัน ไม่ใช่ทหารหลวง ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้ยังไม่ล่วงรู้ถึงในวัง ที่คุมขังผู้เฒ่าจางจึงอาจมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
ขณะที่จางหยางครุ่นคิดอยู่ หมอเหอก็สังเกตเห็นท่าทางของเขาและเตือนขึ้นว่า
“เสี่ยวหยาง ทหารพวกนั้นกำลังตามหาเจ้าอยู่ อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามเลย”
หมอเหอรู้ดีว่าจางหยางมีฝีมือไม่เลว แต่ต่อให้เก่งกาจเพียงใดก็ยากที่จะต่อสู้กับทหารจำนวนมากเพียงลำพัง
“ข้าเข้าใจดี หมอเหอ ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องของข้าหรอก”
จางหยางยิ้มให้ ก่อนจะรีบจากไปภายใต้สายตากังวลของหมอเหอและภรรยา
ทั้งสองสบตากันเข้าใจดีว่าคำพูดของจางหยางนั้นคงแค่ต้องการปลอบใจพวกเขาเท่านั้น
“ท่านพอจะคิดหาวิธีอะไรได้บ้างหรือไม่” ภรรยาหมอเหอถาม
หมอเหอส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ “จะให้ข้าทำอะไรได้เล่า คงต้องรอฟังข่าวจากเจ้าของร้านแล้วกัน”
หมอหลวงหวังมีฝีมือแพทย์สูงส่ง เคยรักษาโรคให้ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงมานักต่อนัก แต่ในคราวนี้กลับไม่มีใครกล้าช่วยเหลือ เขาไปขอความช่วยเหลือจากหลายแห่ง แต่แม้แต่จะเข้าไปในจวนก็ยังถูกปฏิเสธ หลายคนเกรงกลัวเกินกว่าจะเข้าไปช่วยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอ๋องอันและการรักษามือสังหาร
หมอหลวงหวังเดินทอดน่องอย่างสิ้นหวังอยู่บนถนน ในตอนนั้นเองก็มีเสียงสตรีดังขึ้น
“หมอหวัง!”
เขาเงยหน้าขึ้นมอง และเมื่อเพ่งมองชั่วครู่ก็จำได้ว่า “เจ้าเป็นสาวใช้ข้างกายคุณนายใหญ่แห่งตระกูลเวินใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
อวี้ถงยิ้ม ตั้งแต่ที่ออกจากจวนตระกูลเวินและกลับมาที่ตระกูลฉิน อวี้ถงก็มีชีวิตที่สดใสขึ้นมาก
“คุณหนูข้าเคยเอ่ยถึงท่านอยู่บ้าง ท่านกำลังประสบปัญหาอยู่หรือ”
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณหนูของเจ้ายังสบายดีหรือ”
หมอหลวงหวังคุยกับอวี้ถงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ บางทีนางอาจจะยอมช่วย
...
จวนสกุลซุน
หมอหลวงหวังที่หายใจหอบเหนื่อยเดินตรงไปที่ประตูของจวน “ขอถามหน่อยว่าคุณหนูซูเล่ออวิ๋นอยู่หรือไม่”
“ท่านมีธุระอันใดกับคุณหนูเล่า” คนเฝ้าประตูถาม
“ข้าเป็นเจ้าของร้านไป่เฉ่าถัง มาขอพบคุณหนูซูเพื่อขอความช่วยเหลือ”
เมื่อได้ยินว่าหมอหวังคือเจ้าของร้านไป่เฉ่าถัง ประตูจวนจึงเชิญเขาเข้ามารอในจวนทันที เนื่องจากรู้ว่าช่วงนี้ซูเล่ออวิ๋นไปนั่งตรวจที่ร้านไป่เฉ่าถังเป็นประจำ
เมื่อได้ข่าวว่าหมอหวังมาเยือน ซูเล่ออวิ๋นจึงรีบรุดไปยังห้องรับแขก เห็นหมอหลวงหวังนั่งรออยู่โดยหันมองประตูด้วยสีหน้าร้อนใจ
“คุณหนูซู!”
เมื่อเห็นซูเล่ออวิ๋น หมอหวังก็รีบลุกขึ้นและตรงเข้ามา สีหน้าและท่าทางของเขาดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
ซูเล่ออวิ๋นขมวดคิ้ว “หมอหวัง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
หมอหวังเม้มปากแน่น เขาไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดออกมา “ท่านผู้เฒ่าจางถูกคนของอ๋องอันจับตัวไป”
“ว่าอย่างไรนะ”
ซูเล่ออวิ๋นตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบได้สติและซักถามถึงเรื่องราวทั้งหมด เมื่อฟังจบ ใบหน้าของนางดูเคร่งขรึมขึ้นและมีความสงสัยมากมายในใจ
“ผู้เฒ่าจางมีความเกี่ยวข้องอะไรกับทาโนหรือ”
“ทาโนหรือ” หมอหวังขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่รู้จักชื่อนี้
“เป็นมือสังหารที่ประกาศจับอยู่นั่นแหละ”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน” หมอหวังส่ายหน้า
ซูเล่ออวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้หรือไม่ แต่ข้าจะลองดู”
“ขอบพระคุณคุณหนูซูยิ่งนัก”