บทที่ 300 : ฤดูใบไม้ร่วง (1)
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]
บทที่ 300 : ฤดูใบไม้ร่วง (1)
[“‘A: จางยอนอู’ การอ่าน (ประสบการณ์) สิ้นสุดลง”]
เสียงสังเคราะห์เย็นชาไร้ชีวิตชีวา ดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่คังวูจินจะถูกดึงกลับสู่โลกแห่งความจริง ณ บ้านของตนเอง ร่างกายในชุดลำลองสบาย ๆ ผมเผ้าฟูฟ่องราวกับเพิ่งตื่นนอน มือยังคงกำบท "มารร้ายผู้แสนดี" ที่ประดับด้วยสี่เหลี่ยมสีดำเอาไว้แน่น
ทว่า
"······ฮือ"
ความรู้สึกซ่าแปลบปลาบยังคงแล่นริ้วอยู่ทั่วร่าง
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แม้เวลาในโลกแห่งความเป็นจริงจะหยุดนิ่ง แต่สำหรับคังวูจิน เขากลับใช้ชีวิตอย่างเข้มข้นในโลกของ "มารร้ายผู้แสนดี" ในฐานะ "จางยอนอู" เขาได้ทุบกะโหลกศีรษะของใครบางคนจนแหลกละเอียด กระแทกใบหน้าลงกับพื้นจนเละเทะ เหนี่ยวไกปืนไรเฟิล AK ปล่อยกระสุนทะลวงอก บิดหักกระดูกคอ ใช้มีดกรีดควักไส้พุง ควักดวงตา เฉือนลำคอ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เขาพรากชีวิตผู้คนไปกว่าสิบชีวิต
วางเพลิงเผาผลาญอาคาร ฝ่าดงกระสุนที่สาดซัดราวกับสายฝน เผชิญหน้ากับรถยนต์ที่ระเบิด เฮลิคอปเตอร์ที่ร่วงหล่นจากฟ้า และในระหว่างนั้นก็ยังคงสังหารผู้คนอีกนับไม่ถ้วน
ความโหดเหี้ยมเกินกว่าจะพรรณนา
ทั้งหมดคือประสบการณ์ที่ไม่มีวันได้พบเจอในโลกแห่งความเป็นจริง และสำหรับคังวูจินแล้ว มันคือโลกที่เป็นไปไม่ได้ เว้นเสียแต่ในภาพยนตร์หรือสื่อบันเทิง แม้กระทั่งในกองทัพก็ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์อันโหดร้ายเช่นนี้
แต่วูจินกลับหายใจ ปรับตัว และใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่โหดร้ายป่าเถื่อนนั้นได้อย่างไม่เลวร้าย
'ยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของระเบิดอยู่เลย'
เปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นอย่างอลังการเบื้องหน้า สายลมร้อนแรงที่พัดพาทรายละเอียดกรวดทรายมากระทบผิวกาย เสียงอื้ออึงก้องอยู่ในโสตประสาท ความร้อนระอุที่แทบทำให้ลมหายใจขาดห้วง แรงระเบิดที่ผลักร่างปลิวไปอย่างไม่อาจต้านทาน แม้จะกลับคืนสู่โลกแห่งความจริงแล้ว แต่สำหรับวูจิน ชีวิตของ “จังยอนอู” ยังคงฝังรากลึกอยู่ในทุกอณูความรู้สึก ราวกับภาพฝันที่แจ่มชัดและน่าพิศวง
แม้กระทั่งกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นโลหะเย็นเยียบก็ยังคงติดตรึงอยู่ในสัมผัส
ทว่า คังวูจินจะยอมถูกกลืนกินโดยโลกของ “มารร้ายผู้แสนดี” หรือ? ไม่เลย การฆ่าฟัน การลั่นไกปืน ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยจากผลงานที่ผ่านมาแล้ว เพียงแต่ตัวละคร “จังยอนอู” ได้สังหารผู้คนมากกว่าเท่านั้น
ในเวลาไม่นาน คังวูจินก็
“อืม โอเคแล้ว”
รู้สึกได้ว่าการควบคุมจิตใจเสร็จสมบูรณ์ ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา “มารร้ายผู้แสนดี” ในครั้งนี้ก็ฝังลึกเช่นเดียวกับผลงานมากมายที่ผ่านมา แต่ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
คังวูจินปลดปล่อยจิตสำนึกอันหนักอึ้งออกมา
ยิ่งตอกย้ำความเป็นตัวตนของเขาให้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ภายในของเขามีตัวละครและโลกมากมาย แต่ผู้ที่กุมบังเหียนทั้งหมดก็คือ คังวูจิน เขาหยิบบทขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ เพราะถึงเวลาอาบน้ำแล้ว
ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดว่า
'การถ่ายทำ “มารร้ายผู้แสนดี” คงจะสนุกน่าดูสินะ?'
หากโลกของ “มารร้ายผู้แสนดี” ที่เขาได้สัมผัส(อ่านบท)มาถูกถ่ายทอดออกมาในโลกแห่งความเป็นจริงล่ะ? ถ้าหากในกองถ่ายนั้น “จังยอนอู” ที่มี “อิสระในการเลือกบท” ได้ออกมาโลดแล่นล่ะ? แม้ในขณะที่อาบน้ำ วูจินก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความคาดหวังที่ก่อตัวขึ้น มันแปลกประหลาด ที่ผ่านมาเขามักจะกังวลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงความกังวลนั้นอีกแล้ว
"การแสดงคงสมจริงมากทีเดียว"
ความรู้สึกสั่นไหวแล่นริ้วผ่านอก แต่หาใช่ความหวาดกลัวไม่ หากแต่เป็นความคาดหวังที่กำลังก่อตัวขึ้น
หลังจากเช็ดผมจนพอหมาด คังวูจินก็มาถึงลานจอดรถใต้ดิน รถตู้ที่รออยู่เลื่อนเข้ามาจอดเทียบรับเขาอย่างเคย ชเวซองกุน ชายหนุ่มผู้มีผมทรงหางม้าเป็นเอกลักษณ์ เอ่ยขึ้นเพื่อเริ่มต้นการบรรยายสรุป
"วันนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ก็เหมือนกับเมื่อวานครับ" วูจินตอบ
"เยี่ยมเลย!" ซองกุนอุทานด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
"เมื่อวานฉันได้ยินมาจากPDซงมันวูว่า 'มารร้ายผู้แสนดี' ได้ทีมงานจากต่างประเทศมาร่วมงานในส่วนของฉากต่อสู้ด้วยล่ะ"
"ทีมงานต่างประเทศเหรอครับ?" วูจินเลิกคิ้วเล็กน้อย
"ใช่ ทีมต่อสู้เดิมจะทำงานร่วมกับทีมต่างประเทศในฉากที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เป็นฉากต่อสู้แบบ 'CQC' ได้ยินมาว่าพวกเขาเชี่ยวชาญด้านนี้มาก"
"จริงเหรอครับ?"
"อืม ผู้กำกับคิวบู๊คนเดิมก็ทำได้อยู่หรอก แต่คงไม่เชี่ยวชาญเท่าไหร่" ซองกุนอธิบาย
นั่นหมายความว่าจะมีการเพิ่มความเชี่ยวชาญเข้าไปในฉากต่อสู้ที่วางแผนไว้แล้ว
"ยังไงก็เถอะ พอเริ่มซ้อมฉากต่อสู้ ทีมต่างประเทศก็จะมาร่วมด้วย"
ดูเหมือนว่าเขาจะได้ฝึกการต่อสู้มือเปล่าขั้นพื้นฐานตามบท ไปจนถึงการใช้อาวุธปืน มีด และอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่า คังวูจินไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลแม้แต่น้อย ผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ? ในขณะนี้คังวูจินที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถตู้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยก็เปรียบเสมือนอาวุธมีชีวิต
และสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์
ชเวซองกุนหันกลับมาถามวูจินอีกครั้ง
"คิดว่าไหวไหม? พวกทีมต่างประเทศ ตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ได้ยินมาว่าเทคนิค 'CQC' มันยากเอาเรื่อง"
คังวูจินยกนิ้วโป้งขึ้นในใจ
'เรื่องกล้วย ๆ '
แต่ภายนอกยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้เช่นเคย
"ต้องลองดูก่อนครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะยากเกินความสามารถ"
ชเวซองกุนหัวเราะหึในลำคอ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว
'ยอมรับมันไปเถอะ อย่าตั้งคำถาม! ชเวซองกุน นั่นคือคังวูจินนะ'
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ ห้องทำงานของนักเขียนชเวนานา
นักเขียนชเวนานาซึ่งเพิ่งพบกับคังวูจินเมื่อไม่กี่วันก่อน กำลังจดจ้องแล็ปท็อปของเธออย่างตั้งใจ เสียงคลิกของเมาส์ดังขึ้นเป็นระยะ
-กริ๊ก กริ๊ก!
แทนที่จะเขียนบทของ “มารร้ายผู้แสนดี” เธอกลับกำลังอ่านอีเมลที่เพิ่งส่งเข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผู้ส่งคือ “สตูดิโอ A10” จากญี่ปุ่น โดยปกติ “สตูดิโอ A10” จะส่งอีเมลอัปเดตความคืบหน้าของ “เพื่อนชาย: รีเมค” ให้นักเขียนชเวนานา ผู้ประพันธ์ต้นฉบับของ “เพื่อนชาย” อยู่เสมอ
และอีเมลฉบับนี้ก็เช่นกัน
“ว้าว เสร็จสิ้นการพากย์และมิกซ์เสียงแล้วเหรอเนี่ย”
นักเขียนชเวนานาพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้น ถึงแม้จะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะชนไปแล้ว แต่ด้วยภารกิจที่รัดตัวกับการเขียนบทเพิ่มเติมของ “มารร้ายผู้แสนดี” ทำให้เธอเพิ่งมาเห็นข่าวนี้ นิ้วเรียวเลื่อนดูเนื้อหาในอีเมลที่ “สตูดิโอ A10” ส่งมาอย่างรวดเร็ว
-แวบ
เธอกดปิดหน้าต่างอีเมลก่อนจะเปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล จุดประสงค์ของเธอคือการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “เพื่อนชาย: รีเมค” แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้วอนิเมะจากญี่ปุ่นมักจะมีข่าวในประเทศไม่มากนัก แต่ “เพื่อนชาย: รีเมค” นั้นแตกต่างออกไป การที่คังวูจินรับหน้าที่พากย์เสียงตัวละครเอกชาย ทำให้มีข่าวมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข่าวบางสำนักเป็นเพียงการคาดเดา ในขณะที่บางสำนักก็อ้างอิงข้อมูลจากสื่อญี่ปุ่นโดยตรง
หลังจากอ่านข่าวต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน นักเขียนชเวนานาถอดแว่นทรงกลมออกพลางถอนหายใจเบา ๆ
“เฮ้อ ตื่นเต้นจัง”
ช่วงนี้นักเขียนชเวนานารู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ผลงานเปิดตัวเรื่อง 'เพื่อนชาย' ได้รับเลือกให้ไปโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอนิเมะแดนอาทิตย์อุทัย ขณะที่ 'มารร้ายผู้แสนดี' ก็เตรียมจะอวดโฉมสู่สายตาชาวโลก สำหรับเธอที่ปีก่อนยังเป็นเพียงนักเขียนไร้ชื่อ หรืออย่างดีก็แค่นักเขียนหน้าใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ช่างเหมือนความฝันเหลือเกิน
และในผลงานทั้งสองเรื่องนี้ ก็มีคังวูจินเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ
“PDบอกว่าไม่ต้องห่วง มันจะต้องออกมาดีแน่”
แม้จะได้รับคำรับรอง แต่นักเขียนชเวนานาผู้มีพื้นเพเป็นคนขี้กังวลก็ยังคงกังวลอยู่เช่นเดิม ในทางกลับกันPDซงมันวูผู้มีเคราแพะประดับใบหน้า กลับเอ่ยถ้อยคำแปลกประหลาดออกมา
'เออ มันจะต้องออกมาดี เพราะเรามีคังโทเทมนี่ไง'
คำพูดนั้นไม่ได้ช่วยบรรเทาความกังวลของเธอได้เลยแม้แต่น้อย
แต่คังโทเทมทำไมถึงสุดยอดได้ขนาดนี้กันนะ?
อย่างไรก็ตาม นักเขียนชเวนานาก็ค่อย ๆ ปิดโน้ตบุ๊กของเธอลงอย่างเชื่องช้า เงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองเพดานห้องที่คุ้นเคย พลางนึกถึงคังวูจินที่ได้พบกันในวันประชุมเมื่อไม่กี่วันก่อน หรือถ้าจะให้ถูกต้อง ควรเรียกว่าบทสนทนาสั้น ๆ ที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกันมากกว่า
เรื่องราวเริ่มต้นจากนักเขียนชเวนานาที่เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เอ่อ...คุณวูจิน”
คังวูจินที่กำลังจะก้าวออกจากห้องประชุม หันกลับมาตอบรับด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
“ครับ คุณนักเขียน”
เมื่อชเวซองกุนเห็นท่าไม่ดีก็รีบปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว นักเขียนชเวนานาจึงพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ถามเรื่องนี้ในที่ประชุม 'มารร้ายผู้แสนดี' อาจจะดูแปลกสักหน่อยนะคะ แต่ว่า...ตอนที่คุณพากย์เสียงให้ 'เพื่อนชาย: รีเมค' คุณรู้สึกยังไงบ้างคะ?”
“ถ้าหมายถึงความรู้สึก...”
คุณชเวนานาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ถ้าพากย์เสียงเสร็จแล้ว แสดงว่างานวิดีโอก็น่าจะเสร็จแล้วด้วยสินะคะ?”
คังวูจินตอบรับทันควัน “ครับ พากย์เสียงไปพร้อมกับภาพที่เสร็จสมบูรณ์แล้วครับ”
“ว้าว! เป็นยังไงบ้างคะ? ออกมาดีไหม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
คังวูจินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
“ผมคงบอกรายละเอียดอะไรมากไม่ได้ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เข้าใจค่ะ” คุณชเวนานาพยักหน้ารับ
แต่แล้วคังวูจินก็พูดต่อ “แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันสนุกมากทีเดียว”
“จริงเหรอคะ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ
“ครับ”
“แล้วก็ต้องออกมาดีแน่ครับ”
“เอ่อ ทำไมคุณวูจินถึงมั่นใจจังเลยคะ?” เธอถามต่อด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิครับ แค่รู้สึก” คังวูจินตอบเรียบ ๆ
คำตอบนั้นทำให้นักเขียนชเวนานาถึงกับอึ้งไป ในทางกลับกัน คังวูจินกลับมีสีหน้าที่ผ่อนคลายและดูเคร่งขรึม ขณะที่เขาเดินออกจากห้องประชุม นักเขียนชเวนานามองตามแผ่นหลังของเขาพลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“รู้สึก? รู้สึกยังไงกันนะ?” เธอครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ
'เขาคนนี้ช่างลึกลับเสียจริง'
ชเวนานาคิดในใจ เธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ นั้นอยู่ในระดับ SS
อีกด้านหนึ่ง ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ภายใน “สตูดิโอ A10” บริษัทผลิตแอนิเมชั่นขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว ห้องสตูดิโอขนาดกลางที่ใช้สำหรับการบันทึกเสียงและการทดสอบ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย
บุคคลแรกที่สะดุดตาคือเหล่านักพากย์ที่นั่งเรียงรายอยู่บนเก้าอี้
นัตสึมิ อูมิ ผู้ให้เสียงตัวละครหญิงของแอนิเมชั่น ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ และอาซามิ ซายะ ผู้มีความเกี่ยวข้องกับวูจิน รวมถึงนักพากย์อีกหลายสิบคนที่เคยมารวมตัวกันในช่วงอ่านบท ต่างปรากฏตัวอย่างพร้อมเพรียง มีเพียงคังวูจินเท่านั้นที่หายไป
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ความเงียบปกคลุมทั่วห้องสตูดิโอ
“······”
“······”
“······”
สายตาของพวกเขามุ่งตรงไปยังจอภาพขนาดใหญ่เบื้องหน้า ณ บริเวณนั้น ซาคุอิจิ มาฮิโระ ผู้กำกับของ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ยืนเคียงข้างทีมงานคนสำคัญและผู้บริหารของ ‘สตูดิโอ A10’
ในวินาทีนั้นเอง
“เริ่มกันเลยค่ะ”
หญิงสาวผู้เป็นหัวหน้าทีมวางแผนของ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ เอ่ยขึ้นพลางกดปิดไฟ ร่างของเธอยืนอยู่ใกล้ทางเข้าสตูดิโอ
-ตั่ก ตั่ก!
ความมืดมิดคืบคลานเข้ากลืนกินทั่วทั้งสตูดิโอ ทุกคนเงียบเสียงลงราวกับนัดหมาย สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังจอภาพขนาดใหญ่เบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
ครู่ต่อมา
-♬♪
ท่วงทำนองอันไพเราะดังก้องกังวานขึ้นนำหน้าภาพ เสียงเพลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ เริ่มต้นขึ้นอย่างนุ่มนวลด้วยเสียงเปียโน ก่อนจะค่อย ๆ เร่งจังหวะขึ้น เสียงไวโอลินหวานละมุนแทรกสอดเข้ามา และในที่สุด เสียงร้องของนักร้องชายก็ดังขึ้น ซึ่งทุกคนรู้ดีว่านั่นคือเสียงของคังวูจิน
-♬♪
บทเพลงเปิดตัวของคังวูจินดังกึกก้องไปทั่วสตูดิโอ พร้อม ๆ กับที่ภาพเปิดตัวของอนิเมะ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ความยาวประมาณ 30 วินาที ปรากฏขึ้นบนจอภาพขนาดใหญ่ สีหน้าของเหล่านักพากย์หลายสิบคนดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางคนโยกศีรษะเบา ๆ ไปตามจังหวะเพลงอย่างเพลิดเพลิน
ไม่นานนัก
-กึก
เสียงเพลงเปิดตัวจบลง เนื้อหาของ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ เริ่มต้นขึ้น ดวงตากลมโตของนักพากย์ทุกคนเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง นั่นก็เป็นเพราะสิ่งที่พวกเขากำลังรับชมอยู่นั้นคือ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ตอนที่ 1 ฉบับสมบูรณ์ ที่ผ่านกระบวนการมิกซ์เสียงและตัดต่ออย่างพิถีพิถันเรียบร้อยแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือการทดสอบฉบับสมบูรณ์ก่อนออกอากาศอย่างเป็นทางการ
ไม่มีที่ติเลยสักจุด อย่างน้อยก็ในสายตาของเหล่านักพากย์ผู้คร่ำหวอด พวกเขามองเห็นเช่นนั้น ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากผลงานนับสิบเรื่อง ดวงตาของพวกเขาจึงเฉียบแหลมราวกับคมมีด
‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ตอนที่ตัวเอก ‘เซนโกคุ โทโอรุ’ ปรากฏกาย
เสียงของคังวูจินดังก้องขึ้น
เหล่านักพากย์ต่างตระหนักรู้ถึงความสามารถอีกครา
‘ยอดเยี่ยมมาก พอได้เห็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ยิ่งรู้สึกได้อย่างแจ่มชัด’
‘น้ำเสียงเข้ากับบทบาทของตัวเอกได้อย่างกลมกลืน’
‘ใครเลยจะคาดคิด…ว่าเขาจะเป็นนักแสดงเต็มขั้น แต่กลับมีพรสวรรค์ในการพากย์เสียงอย่างน่าทึ่ง’
ฝีมือในการพากย์เสียงของคังวูจินนั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจ และแล้ว ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ตอนที่ 1 ก็เดินทางมาถึงบทสรุป ด้วยความยาวประมาณ 24 นาที ต่อด้วยตอนที่ 2 ที่มีความยาวประมาณ 18 นาที ซึ่งกระชับกว่าตอนแรกเล็กน้อย
ก่อนที่ตอนที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้น
-กึก
ผู้กำกับที่นั่งประจำอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ หันไปทางเหล่านักพากย์ที่อยู่ด้านหลัง
“ทุกคนคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?”
ราวกับต้องการรับฟังเสียงสะท้อนก่อนที่จะฉายตอนที่ 3 สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักพากย์
-แปะ แปะ!
เสียงปรบมือที่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้ง แต่เป็นความรู้สึกที่เปี่ยมล้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เสียงปรบมือค่อย ๆ แผ่ขยายไปทั่วทั้งสตูดิโอ เหล่านักพากย์ต่างเปล่งเสียงแสดงความรู้สึกตื่นเต้นด้วยภาษาญี่ปุ่น ถึงความประทับใจที่มีต่อ 2 ตอนแรกที่เพิ่งได้รับชม
“วิเศษมากครับ! วิเศษสุด ๆ!”
“งานภาพงดงามมากเลยนะครับ? เอาจริง ๆ ถ้าพูดถึงคุณภาพของงานภาพ ผมว่านี่ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในบรรดาผลงานที่ออกฉายในช่วงนี้เลยนะครับ??”
“ในที่สุดอนิเมะแนวโรแมนติกคอมเมดี้ก็กลับมาอีกครั้ง!”
“สนุกมากเลยครับ ถึงผมจะเป็นหนึ่งในทีมพากย์ แต่ก็ยังรู้สึกสนุกไปกับมัน!”
“เพลงเปิดกับเพลงปิดสุดยอดมากเลยว่าไหมครับ? ผมนี่ฮัมเพลงวนไปวนมาเลย”
“ใช่เลยครับ โดยเฉพาะเพลงเปิด ผมชอบมาก น้ำเสียงของคังวูจินนี่มีเสน่ห์จริง ๆ”
“รู้สึกได้เลย! เพลงเปิดต้องฮิตติดชาร์ตแน่ ๆ ทันทีที่อนิเมะเริ่มออกอากาศ!”
เหล่านักพากย์เสียงต่างพูดคุยกันอย่างออกรส ไม่ได้โอ้อวดเกินจริงแต่อย่างใด เพราะแม้แต่ผู้บริหารของ ‘สตูดิโอA10’ ซึ่งติดอันดับท็อป 3 ของวงการก็ยังมีสีหน้าแช่มชื่นยินดีอย่างเห็นได้ชัด ในสายตาของผู้มากประสบการณ์ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ทั้งในด้านความสมบูรณ์และคุณภาพนั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมไร้ที่ติ
หัวหน้าทีมหญิงฝ่ายวางแผนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบเชียบบริเวณทางเข้าก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
“อีกไม่นานก็จะขึ้นชาร์ตแล้วค่ะ สถานีจะออกอากาศตอนแรกวันที่ 12 กรกฎาคม วันจันทร์ เวลา 4 ทุ่ม ทางช่องTBEค่ะ”
แท้จริงแล้ววันที่ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ จะเผยโฉมสู่สายตาสาธารณชนก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ
“ผลงานที่เข้าแข่งขันในไตรมาส 3 นี้มีประมาณ 30 เรื่องค่ะ”
สมรภูมิอันดุเดือดกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า
ณ สนามบินอินชอน
ผู้คนมากมายพลุกพล่านคับคั่งไปทั่วอาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่ามกลางฝูงชนนั้นปรากฏกลุ่มชาวต่างชาติขึ้นมา บ้างก็โกนผมเกรียน บ้างก็มีรูปร่างกำยำล่ำสัน หรือมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ชาวต่างชาติกลุ่มนี้มีประมาณ 5 คน เมื่อปรากฏตัวในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ชาวเกาหลีที่ยืนรออยู่บริเวณรั้วกั้นก็เข้ามาต้อนรับพวกเขา
เมื่อสังเกตดูให้ดี ชาวเกาหลีคนนั้นก็คือทีมงานของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’
ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนย้ายออกไป ชาวต่างชาติกลุ่มนั้นแยกย้ายกันขึ้นรถตู้ขนาดใหญ่สองคันที่จอดรออยู่ริมถนนด้านนอกสนามบิน ในรถคันหน้ามีชาวต่างชาติ 3 คน คือชายร่างกำยำหัวเกรียน และชายที่มีจมูกโด่งเป็นสัน หลังจากทุกคนขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว รถตู้ทั้งสองคันก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง ชายจมูกโด่งในรถคันหน้าเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษว่า
“ร้อนชะมัด ใครจะไปคิดว่าจะร้อนขนาดนี้”
ชายต่างชาติอีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
“ก็ได้ยินมาบ้าง แต่ร้อนกว่าที่คิดไว้นะครับ”
“แต่ก็ยังดีกว่าตอนไปญี่ปุ่นปีที่แล้วนะ?”
รู้สึกว่าชายจมูกโด่งน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาผู้นั่งสง่าริมหน้าต่าง รูปร่างสมส่วนแต่แฝงไว้ด้วยกล้ามเนื้อที่แน่นแข็ง ยื่นมือออกไปหาชายผมเกรียนที่นั่งอยู่ทางขวามือ
“ขอดูข้อมูลที่ได้มาหน่อย”
ชายผมเกรียนหยิบแท็บเล็ตออกมาจากกระเป๋าเป้ที่วางไว้ด้านหน้า นิ้วมือว่องไวจัดการบางอย่างบนหน้าจอ ก่อนภาพวิดีโอจะปรากฏขึ้น สิ่งที่สะดุดตาคือบุคคลในวิดีโอ คังวูจินในอดีตกำลังแสดงทักษะการต่อสู้ภายในโรงฝึกสตั๊นท์
“หืม...”
ชายจมูกโด่งพึมพำเสียงต่ำ ดวงตาจับจ้องไปที่คังวูจินบนหน้าจอแท็บเล็ตอย่างพินิจพิเคราะห์
“ท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูดีก็จริง แต่...ถ้าไม่ได้เห็นฝีมือด้วยตาตนเอง คงยากที่จะตัดสิน”
“แต่ดูเหมือนพื้นฐานการต่อสู้จะแน่นหนานะครับ” ชายผมเกรียนเอ่ยเสริม
“พื้นฐานแน่นก็จริง แต่ถ้าจะใช้ ‘CQC’ ได้อย่างคล่องแคล่วนั้น คงต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกนาน” ชายจมูกโด่งส่ายหน้าเล็กน้อย
“ผมได้ยินมาว่าวันถ่ายทำใกล้เข้ามาแล้ว หากยังไม่เข้าที่เข้าทาง คงต้องประนีประนอมกับการกำกับฉากบ้าง”
แท้จริงแล้ว พวกเขาคือทีมประสานงานสตั๊นท์จากฮอลลีวูดที่ทางทีมผู้สร้างภาพยนตร์ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ได้ว่าจ้างมาโดยเฉพาะ ชายจมูกโด่งลูบคางอย่างครุ่นคิด ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ดูจากวิดีโอแล้ว ยังไม่เห็นความสุดยอดอย่างที่ ‘แกรี่ เพ็ค’ บรรยายสรรพคุณไว้เลย”
‘แกรี่ เพ็ค’ ที่เขาเอ่ยถึง คือผู้ประสานงานสตั๊นท์ชื่อดังในฮอลลีวูด ผู้เคยประจักษ์ฝีมือของคังวูจินในการทดสอบหน้ากล้องของภาพยนตร์เรื่อง ‘ปิดบัญชีเลือด 3’
“ได้ยินมาว่าจะได้พบกับนักแสดงคังวูจินคนนี้ช่วงบ่ายนี้ใช่มั้ย?”
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_