บทที่ 292 : ลมหายใจ (2)
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]
บทที่ 292 : ลมหายใจ (2)
นายกเทศมนตรีเมืองจินจูผู้มีศีรษะล้านเลื่อมเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
“······ว่าไงนะ คังวูจินมาเหรอ? มาที่จินจูนี่หรือ? ตอนนี้เนี่ยนะ?”
ข่าวที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ท่านนายก อุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“แน่ใจหรือ? ฉันไม่ได้รับข่าวคราวมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่มีเค้าลางอะไรสักนิด เขาโผล่มาแบบกะทันหันได้ยังไง? ไปเอาข้อมูลมายืนยันจากที่ไหนกัน?!”
“เอ่อ ผม ผมเองก็ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการครับ แต่บังเอิญ–”
เจ้าหน้าที่ที่กำลังรายงานรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วเปิดแอปพลิเคชัน Instagram ก่อนจะพิมพ์ ‘คังวูจิน’ ลงในช่องค้นหา เขาแตะดูโพสต์ล่าสุดที่มีคังวูจินปรากฏอยู่จากผู้ใช้หลายคน ภาพเหล่านั้นเผยให้เห็นร่างของวูจินอย่างชัดเจน สถานที่คือร้านโจ๊กแห่งหนึ่งในจินจู เวลาโพสต์คือประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว พร้อมแท็กสถานที่ที่ยืนยันได้อย่างชัดเจน
“ยืนยันแล้วครับว่า คังวูจินไปปรากฏตัวที่ร้านโจ๊กของพ่อแม่เขาครับ! มีโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายเลยครับ”
“โอ้– อย่างนี้นี่เอง! แล้วตอนนี้เขายังอยู่ที่ร้านโจ๊กนั่นอยู่หรือเปล่า? อ้อ ใช่ ร้านโจ๊กนั่นเป็นของพ่อแม่คังวูจินนี่นะ?”
“ใช่ครับ! จากการตรวจสอบโพสต์ต่าง ๆ คาดว่าตอนนี้คังวูจินน่าจะออกจากร้านโจ๊กไปแล้วครับ”
“แย่แล้ว! เราน่าจะรู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้!”
“ขออภัยครับ! การมาเยือนของเขากะทันหันมาก ไม่มีวี่แววอะไรให้รับรู้ล่วงหน้าเลยครับ!”
“······ก็นั่นน่ะสิ”
นายกเทศมนตรีผู้มีศีรษะล้านเลื่อมกลืนน้ำลายอย่างเสียดาย แต่ดูเหมือนนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในตอนนี้
“คิดว่ายังไง? คังวูจินนั่น แค่แวะมาแล้วก็จะกลับไปเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“จากที่ผมตรวจสอบดูแล้ว คิดว่าไม่น่าจะใช่นะครับ”
“มีเหตุผลอะไรบ้างล่ะ?”
ดูจากข่าวแล้ว เหมือนหนัง 'ปลิง' จะปิดกล้องไปเมื่อวาน ถ้าคังวูจินกลับมาบ้านเกิดในวันถัดมา ก็น่าจะกลับมาพักผ่อนสักหน่อยล่ะนะ!"
"อืม" นายกเทศมนตรีเมืองจินจูพยักหน้าช้า ๆ เหตุผลที่ท่านนายกให้ความสำคัญกับคังวูจินมากถึงเพียงนี้เรียบง่ายยิ่ง
เพราะอิทธิพลของชายหนุ่มนั้นใหญ่หลวงนัก
ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ หากแต่ยังแผ่ขยายอิทธิพลไปไกลถึงญี่ปุ่น ณ เวลานี้ แทบจะไม่มีดาราคนใดเทียบชั้นคังวูจินได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในด้านความนิยม กระแส หรือแม้แต่ Brand Power ยิ่งพิจารณาจากความสำเร็จของภาพยนตร์ 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ที่กวาดรายได้เกือบ 19 ล้าน ก็ยิ่งประจักษ์ชัด
คังวูจินเป็นคนเมืองจินจู
ท่านนายกเทศมนตรีจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร
"ช่วงนี้ ร้านโจ๊กแถวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"
"กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไปแล้วครับ แทบจะเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจินจูต้องแวะ ยิ่งช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากด้วยครับ"
ก็สมควรแล้ว เพราะคังวูจินกำลังโด่งดังในญี่ปุ่น
"เมืองจินจูถูกพูดถึงบ่อยครั้งในโซเชียลมีเดียของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เคยมาเที่ยวครับ"
แค่การมีอยู่ของวูจินที่เป็นคนเมืองจินจู ก็เปรียบเสมือนการประชาสัมพันธ์และการตลาดชั้นยอด หนึ่งในภารกิจหลักของนายกเทศมนตรีเมืองจินจูคือการพัฒนาเมือง ดังนั้นในทุกปี คุณจึงทุ่มเทจัดงานเทศกาลขนาดใหญ่และกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย การใช้ Youtube และโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งจำเป็นในยุคสมัยนี้
และทุกครั้ง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการเชิญดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมงาน
เพราะมันเป็นวิธีที่ง่ายดายที่สุดในการดึงดูดสายตาและความสนใจจากสาธารณชน ฐานะทูตประจำภูมิภาคที่ได้รับความนิยมดุจดั่งคนดังก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าคังวูจินคือตัวเลือกอันดับหนึ่ง ไม่สิ อันดับศูนย์สำหรับนายกเทศมนตรีเมืองจินจู
‘แค่เขาเอ่ยถึงเมืองเราสักเล็กน้อย ข่าวก็คงจะแพร่สะพัดไปทั่ว’
นับตั้งแต่ปีกลาย คังวูจินก็ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ “ราชาแห่งกระแส” ของประเทศ วูจินสร้างปรากฏการณ์อะไรมาบ้างเล่า? แค่นั้นยังไม่พอ “ช่องตัวตนอีกด้านคังวูจิน” และโซเชียลมีเดียของเขาก็ทรงอิทธิพลจนน่าตื่นตะลึง ในอดีตคังวูจินก็เป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา แต่บัดนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป แน่นอนว่ามีคนดังและบุคคลมีชื่อเสียงมากมายที่ถือกำเนิดในเมืองจินจู
แต่กระแสของคังวูจินในขณะนี้กลับเหนือล้ำกว่าคนอื่น ๆ ทั้งหมด
เป็นธรรมดาที่นายกเทศมนตรีเมืองจินจูจะยื่นข้อเสนอให้คังวูจินหลายต่อหลายครั้ง ทั้งการเป็นทูตประชาสัมพันธ์ งานเทศกาลหรืองานอีเวนต์สำคัญ ๆ หรือแม้แต่การพบปะพูดคุยกันเพียงสั้น ๆ
‘ฉันเคยเอ่ยปากว่าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง’
นายกเทศมนตรีเมืองจินจูเคยกล่าวไว้ว่าจะเดินทางไปโซลด้วยตนเอง ความพยายามนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีก่อน น่าจะเป็นช่วงหลังจากที่ “ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล” โด่งดังเป็นพลุแตก
แต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลวทุกครา
ถึงจะพยายามอย่างหนักหลายครั้ง แต่เหตุผลที่ทางบริษัทสื่อบันเทิงBw นำมากล่าวอ้างก็คือตารางงานที่แน่นเอียดของคังวูจิน ซึ่งนายกเทศมนตรีเมืองจินจูก็พอเข้าใจได้ เพราะนับตั้งแต่เดบิวต์ คังวูจินก็ยังไม่เคยย่างกรายมาเยือนจินจูเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จู่ ๆ นักแสดงชื่อดังก็ปรากฏตัวขึ้นที่จินจู?
นายกเทศมนตรีเมืองจินจูไม่มีทางปล่อยโอกาสทองเช่นนี้ให้หลุดลอยไปได้อย่างเด็ดขาด
“ตอนนี้กระแสข่าวเป็นอย่างไรบ้าง? ถ้ามันขึ้นโซเชียลมีเดียแล้ว นักข่าวบางสำนักน่าจะเริ่มได้กลิ่นแล้วนะ”
“ครับ ใช่ครับ ตอนนี้มีข่าวที่คังวูจินเดินทางมาจินจูเผยแพร่ออกไปแล้วครับ”
“งั้นเหรอ งั้นเหรอ สมกับพลังของการประชาสัมพันธ์จริง ๆ”
นายกเทศมนตรีเมืองจินจูพึมพำเบา ๆ พลางค้นหาคำว่า ‘จินจู’ ในโทรศัพท์มือถือของตนเอง ปรากฏว่ามีบทความเกี่ยวกับคังวูจินปรากฏขึ้นมามากมายเหลือเชื่อ
『[ภาพถ่ายดารา] คังวูจิน ผู้สร้างตำนานยอดผู้ชม 19 ล้านคน ปรากฏตัวกะทันหันที่คยองนัม จินจู··· กลับบ้านเกิดเพื่อพักผ่อน? / ภาพ』
ช่วงนี้เมืองจินจูเคยได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้มาก่อนหรือ? ไม่เลย ถึงจะมีเทศกาลหรือกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ความสนใจก็มักจะจืดจางหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เพียงแค่การมาเยือนชั่วคราวของวูจิน ก็ทำให้เมืองจินจูกลับมาเฉิดฉายอยู่ในแสงสปอตไลต์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
“นี่สินะ... อานุภาพของคนดัง”
ทันใดนั้น นายกเทศมนตรีหัวล้านก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ราวกับถูกสปริงดีด แล้วตวาดลั่นบอกเจ้าหน้าที่
“ทำอะไรกันอยู่! เรียกทุกคนเข้ามาประชุมเดี๋ยวนี้!!”
เป็นการเรียกตัวอย่างกะทันหัน เหมือนกับมีเหตุการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงเกิดขึ้น
“ถ้าไม่ได้มีเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ให้ทุกคนมาอยู่ที่นี่!”
ตามคำสั่งของนายกเทศมนตรี เจ้าหน้าที่รีบรุดออกไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ประมาณสิบห้าคนที่ทยอยกันเข้ามาในห้อง นายกเทศมนตรีเมืองจินจูออกคำสั่งอย่างเร่งรีบ
“เริ่มจากสื่อก่อนเลย! ให้ข่าวออกมามากกว่านี้เป็นสองเท่า!!”
“ครับ!”
“เผยแพร่ลงในช่อง Youtube ของเราด้วย!”
“ช่อง Youtube ของเรามักจะนำเสนอเนื้อหาแบบ-”
“อย่ามากความ! แค่ใช้เป็นช่องทางกระจายข่าวสารก็พอ! เนื้อหาไม่สำคัญ! ใส่ชื่อ ‘คังวูจิน’ ลงในหัวข้อก็เพียงพอแล้ว! แล้วก็รีบติดป้ายให้ทั่วเมืองโดยเร็วที่สุด! ที่ไหนก็ได้ที่คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน”
มือของเจ้าหน้าที่ที่จดบันทึกลงสมุดจดเริ่มขยับอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก
'ยินดีต้อนรับคังวูจินสู่เมืองจินจู อะไรทำนองนี้ก็ไม่เลว'
การมาเยือนของวูจินครั้งนี้ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเมืองจินจูอย่างไม่น่าเชื่อ
เช้าวันเสาร์ที่ 26 ที่เวียนมาถึง
แสงอาทิตย์ยามเช้าราวแปดโมงสาดส่องลงมายังอพาร์ตเมนต์เก่าแก่ในย่านที่เงียบสงบของเมืองจินจู อพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีเพียงสี่อาคารตั้งตระหง่าน บนชั้นสิบของอาคารแรก คือบ้านที่คังวูชอลและซอฮยอนมี พ่อและแม่ของคังวูจิน จัดเตรียมไว้ตั้งแต่ครั้งย้ายมาอยู่ที่นี่
ภายในห้องชุดขนาดสามห้องนอนที่กว้างขวาง ห้องนอนใหญ่เป็นของพ่อแม่ ส่วนห้องที่เหลือเตรียมไว้สำหรับคังวูจินและคังฮยอนอา น้องสาวของเขา เผื่อวันใดที่ทั้งสองแวะมาเยี่ยมเยียน แน่นอนว่าทุกห้องเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้มากมาย ในห้องนอนใหญ่ คังวูชอลและซอฮยอนมีนอนเคียงข้างกันบนเตียงกว้าง
ทั้งสองตื่นแล้ว แต่กลับ...
“······”
“······”
ก้มหน้าจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือในมือ แท้จริงแล้ว พวกเขากำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกชายคนดังที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อวานนี้ แม้ปกติทั้งคู่จะชอบสืบเสาะเรื่องราวของลูกชายอยู่เป็นทุนเดิม แต่วันนี้ดูจะพิเศษกว่าทุกวัน
ผลการค้นหาเกี่ยวกับคังวูจินนั้นช่างน่าตื่นตะลึง
เริ่มตั้งแต่รูปโปรไฟล์สุดหล่อเหลาในข้อมูลส่วนตัว ตามมาด้วยบล็อก คาเฟ่ คอมมูนิตี้ โซเชียลมีเดีย ช่องYoutube และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งปริมาณการค้นหาและข้อมูลต่าง ๆ ล้วนบ่งบอกถึงความโด่งดังระดับซุปเปอร์สตาร์
ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวคราวเกี่ยวกับเขายังคงถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
『[ข่าวเด่น]คังวูจิน ปรากฏตัวที่เมืองจินจู ท่ามกลางตารางงานที่อัดแน่น···บ้านเกิดของเขาคือเมืองจินจู จังหวัดคยองซังใต้』
『“ราชาแห่งกระแส” คังวูจิน เซอร์ไพรส์เยี่ยมร้านของพ่อแม่ที่เมืองจินจู···ยังถ่ายรูปกับลูกค้า บริการแฟนคลับขั้นเทพ!』
『[ภาพถ่าย] "ถ่ายยังไงก็หล่อ" กระแสฮือฮาพุ่งพรวดใน SNS หลังคังวูจินปรากฏตัวที่จินจู / ภาพ』
ข่าวสารอื่น ๆ มีมากมาย ทว่าสายตาของพ่อแม่คังวูจินกลับจับจ้องอยู่เพียงข่าวที่เกี่ยวข้องกับจินจู ไม่ว่าจะมองรูปคังวูจินรูปไหน ก็สัมผัสได้ถึงความเท่และเสน่ห์อันเหลือล้น ราวกับเป็นนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ คังวูชอลและซอฮยอนมียังคงปรับตัวกับภาพลักษณ์ใหม่นี้ไม่ได้
ซอฮยอนมีวางโทรศัพท์มือถือลง พึมพำเสียงแผ่ว
“···นี่ลูกชายฉันจริง ๆ หรือเนี่ย?”
คังวูชอลทำแบบเดียวกันพลางพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมา
“จริงสิ แต่เราต้องทำใจให้คุ้นเคยได้แล้ว ในเมื่อวูจินก็กลับมาแล้ว”
ทันใดนั้น
“จริงด้วย!”
ซอฮยอนมีลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“เราต้องไปเตรียมอาหารเช้าให้ลูกสิ!!”
“เออ! ใช่! ต้มไก่รสเผ็ดที่ลูกชอบ!”
“คุณไปเตรียมไก่ที่ซื้อมาเมื่อวานนะ”
“ได้ ๆ”
สองสามีภรรยาเห็นพ้องต้องกัน ละสายตาจากภาพลักษณ์สุดเท่ของคังวูจิน แล้วเตรียมตัวออกจากห้องนอน
แต่ทว่า
-ซู้ดดดด!
เสียงซู้ดบะหมี่ดังขึ้นทันทีที่ทั้งสองก้าวออกมาจากห้องนอน เหตุผลนั้นแสนเรียบง่าย
“···วู วูจิน?”
คังวูจินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัว กำลังซดบะหมี่จากหม้ออย่างเอร็ดอร่อย ริมฝีปากขยับเคี้ยวบะหมี่ไปพลาง ดวงตามองพ่อแม่พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ม เมื่อคืนหลับสบายไหมลูก?”
ไม่มีท่าทีจะเสแสร้งทำหน้านิ่งหรือเล่นละครแต่อย่างใด
คังวูจินยิ้มกริ่มพลางคีบกิมจิเข้าปาก
เสื้อยืดพิมพ์ลายหมีที่ลอกหลุดลุ่ย กางเกงวอร์มสีเทาขาดวิ่นที่หัวเข่า ผมดำยุ่งเหยิงราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบ ทั้งหมดนี้กลับดูเข้ากันอย่างประหลาด คังวูจินกำลังเคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปพลาง เกาศีรษะไปพลางอย่างไม่หยุดหย่อน
คังวูจิน ตัวจริงเสียงจริงปรากฏกายเบื้องหน้า
“ยังรักกันหวานชื่นเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย? กำลังจะมีน้องเพิ่มแน่ ๆ ฮ่า ๆ”
คังวูชอลและซอฮยอนมีมองคังวูจินด้วยแววตาสับสน 'คังวูจิน' นักแสดงสุดเท่ที่เพิ่งปรากฏบนอินเทอร์เน็ตเมื่อครู่นี้หายไปไหนแล้ว เหลือเพียง "ไอ้ลูกขี้แพ้" อย่างที่ซอฮยอนมีมักเรียกขานอยู่เสมอ
ไม่นานนัก ทั้งสองก็สบตากัน ก่อนจะพึมพำออกมาพร้อมกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“······เฮ้อ ลืมไปว่านี้มันลูกชายเรานี่เอง”
ซอฮยอนมีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาคังวูจินแล้วฟาดเข้าที่หลังเต็มแรง
-ตุ้บ!!
“กินบะหมี่ตั้งแต่เช้าเลยรึไง!!”
หลังจากนั้น
แม้จะถูกฟาดหลังจนแทบจุก คังวูจินก็ยังคงโซ้ยบะหมี่จนหมดเกลี้ยง แน่นอนว่าเขายังจัดการไก่ตุ๋นเผ็ดที่ซอฮยอนมีและคังวูชอลเตรียมไว้ให้จนหมดเช่นกัน
“อืมมม- อร่อยอย่าบอกใครเชียว”
“กินข้าวบ้างหรือเปล่า? รู้ว่างานยุ่ง แต่น่าจะพยายามหาเวลากินข้าวให้ตรงเวลาหน่อยนะ”
“พ่อ ทำไมอยู่ ๆ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้ล่ะครับ? ผมจะเกิดอาการ PTSD เอาได้นะ”
“หมายความว่ายังไงกัน”
“เปล่าครับ แค่คิดคอนเซ็ปต์ออกเท่านั้นเอง”
“ช่วงนี้ที่พ่อเขาต้องคีพลุคก็เพราะลูกนั่นแหละ”
ในขณะนั้น คังวูจินก็เอ่ยถึงเรื่องที่เขาครุ่นคิดเอาไว้
“ว่าแต่เรื่องให้พ่อกับแม่หาบ้านใหม่น่ะครับ ผมดูตอนกินบะหมี่เมื่อกี้ เห็นว่ามีคอนโดใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาเยอะเลย หรือจะเอาเป็นบ้านเดี่ยวดีครับ?”
“ที่นี่ก็ดีจะตาย แล้วย้ายไปไหนกัน อุปกรณ์ในร้าน รถใหม่ที่ซื้อให้ก็เก็บไว้ใช้เองเถอะ”
ในบัญชีของคังวูจินตอนนี้ เงินก้อนโตกองอยู่มากมาย ทั้งเงินมัดจำ เงินโบนัส รายได้จากผลงานทุกชิ้นที่เขาได้สร้างสรรค์ล้วนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา ถ่ายแบบ หรือแม้แต่ ‘ช่องตัวตนอีกด้านของคังวูจิน’ รวมถึงช่องทางอื่น ๆ อีกมากมายที่เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย ราวกับธารน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง แม้แต่รายได้จากสมัยที่เขาร่ำเรียนวิชานิติจิตวิทยาก็ยังคงส่งเข้ามาเรื่อย ๆ จนพูดไปก็คงเสียเวลาเปล่า แม้จะไม่นับรวมเงินที่จะได้รับในอนาคต ยอดเงินก็ยังคงมหาศาลขนาดนี้
แต่ชะตาชีวิตก็เล่นตลก ถึงแม้จะอยากใช้เงินมากแค่ไหน แต่เวลาว่างในตารางงานอันแน่นเอี๊ยดกลับแทบไม่มี
“เหมือนโดนบังคับให้ออมโดยไม่รู้ตัวเลยแบบนี้ ผมก็ต้องหาทางใช้เงินบ้างสิ ท่านประธานก็บอกเองว่าให้ใช้เต็มที่ จะได้จ่ายภาษี”
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารร่วมกับครอบครัวเสร็จ คังวูจินก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด ราวกับต้องการชำล้างคราบ ‘ยาจก’ ออกไปให้สิ้น ในขณะเดียวกัน คังวูชอลและซอฮยอนมีก็ออกจากบ้านไปเปิดร้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จ คังวูจินก็เปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คข้อความต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามา ข้อความมากมายเหล่านั้นมาจากน้องสาวสุดที่รัก คังฮยอนอา ประธานแฟนคลับ ‘หัวใจคัง’
ว่ากันว่าช่วงนี้คังฮยอนอากำลังปิดเทอมและกลับมาพักผ่อนที่บ้านเกิดในจินจูเช่นกัน
ทันใดนั้น เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
-อืดๆ ๆๆ ๆ
สายเรียกเข้านั้นมาจากชเวซองกุน คังวูจินกระแอมไอเบา ๆ เพื่อปรับเสียง ก่อนจะกรอกเสียงทุ้มลงเล็กน้อยแล้วแนบโทรศัพท์เข้ากับใบหู
“ครับ ท่านประธาน”
เสียงทุ้มต่ำของเขาเปล่งออกไป ในขณะที่ปลายสาย น้ำเสียงของชเวซองกุนที่ดังมาจากโทรศัพท์กลับแอบแฝงไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
เสียงหัวเราะใส ๆ ดังขึ้น "สมกับเป็นคังวูจิน นักแสดงผู้สร้างกระแสจริง ๆ เลยนะ? นี่ไปสร้างฉากเปิดตัวอะไรที่จินจูรึไง ถึงได้เป็นข่าวใหญ่โตขนาดนี้?"
คังวูจินตอบกลับเสียงเรียบ "เปล่าครับ ผมแค่ 'กลับมาแล้ว' แค่นั้นเอง" ความคิดแล่นผ่าน
'แค่กลับบ้านเกิดเฉย ๆ น่ะ มันจะมีอะไรได้'
"แล้วก็ไม่สนสายตาคนรอบข้าง พุ่งชนเข้าไปแล้วพูดว่า 'กลับมาแล้ว' ใช่มั้ย?" น้ำเสียงติดจะแซวเล็กน้อย
คังวูจินพยักหน้ารับเบา ๆ "ประมาณนั้นครับ"
"ก็ดีแล้ว ช่วงพักสั้น ๆ แบบนี้ การเป็นข่าวก็ไม่เลวนะ แต่อย่าไปทำอะไรมากล่ะ ลงไปคนเดียวด้วย" น้ำเสียงห่วงใยอย่างชัดเจน
"ผมรู้ครับ" คังวูจินตอบรับสั้น ๆ
"ยังไงก็ได้พักแค่ 3 วัน ลืมทุกอย่างแล้วก็นอนพักผ่อนซะ สถานที่ถ่ายทำฉันเลื่อนไปหมดแล้ว" ชเวซองกุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
หลังจากแสดงความห่วงใย ชเวซองกุนก็เปลี่ยนเรื่องคุย "ที่โทรมาเนี่ย มีเรื่องจะถามและแจ้งให้ทราบหน่อย เป็นเรื่องด่วน ศาลาว่าการเมืองจินจูติดต่อมา เนื้อหาเหมือนเดิม ขอให้เป็นทูตประชาสัมพันธ์ อะไรทำนองนั้น จะรับมั้ย?"
"ไม่รับครับ" คังวูจินปฏิเสธทันควัน
"ช่วงพักผ่อนที่นั่น ก็คงไม่รับงานสั้น ๆ อะไรใช่มั้ย? เห็นว่ามีข้อเสนอให้เข้าร่วมงานการกุศลกับถ่าย Vlog ด้วย"
"ครับ ไม่รับครับ" คำตอบยังคงหนักแน่น
"งั้นเหรอ ที่นั่นเป็นบ้านเกิดด้วย เลยลองถามดู จริง ๆ แค่ไปที่นั่น จินจูก็เป็นที่พูดถึงมากพอแล้ว ยังไงฉันจะจัดการเอง งั้น... แต่ว่าเรื่องที่ศาลาว่าการเมืองจินจูจะติดป้ายอะไรนั่น ฉันไม่ขัดขวางนะ?"
'ป้าย? ป้ายอะไรกัน?' คังวูจินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายสงสัย กะพริบตาปริบ ๆ แล้วพยักหน้ารับ
"ครับ"
“และไมลีย์ คาร่า ทางฝั่งโน้นได้ส่งตารางงานและรายละเอียดอื่น ๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว รู้ไหม? ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานในอัลบั้ม รวมถึงไกด์เพลงก็ส่งมาครบถ้วน พอนายกลับมา ฉันจะสรุปให้ฟังอีกครั้ง คร่าว ๆ คือวางแผนไว้ว่า ก่อนจะเริ่มถ่ายทำ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ อย่างจริงจัง เราควรจะไปลอสแอนเจลิสกันก่อน”
“อย่างนั้นเหรอครับ?”
“อืม ไปลอสแอนเจลิสคงใช้เวลาทำอัลบั้มประมาณ 1 อาทิตย์ ถึงจะยังไม่คอนเฟิร์ม แต่คิดว่าน่าจะมีตารางสัมภาษณ์กับคาร่าด้วย พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนกลับมานะ พักที่นั่นสักสองสามวันก่อน” ชเวซองกุนเอ่ยผ่านโทรศัพท์มือถือ เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“แล้วก็…มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายเห็นที่ลอสแอนเจลิสด้วย”
ณ กรุงโซล อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทผลิตสื่อสารส่วนบุคคลแห่งหนึ่ง
พนักงานมากหน้าหลายตาต่างทยอยกันเข้ามาในห้องประชุมขนาดใหญ่ ภายในบริษัทผลิตสื่อสารส่วนบุคคล ซึ่งมี PD ซงมันวู ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายผลิตรายการและประธานกำกับดูแล ดูเหมือนจะมีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 20 คน แน่นอนว่าซงมันวู ผู้มีเคราแพะประดับใบหน้า นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้ประธาน
“ในส่วนของการคัดเลือกสถานที่ถ่ายทำในลำดับต่อไปครับ”
ภาพประกอบที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการผลิตในรูปแบบพรีเซนเทชั่นกำลังฉายอยู่บนจอภาพขนาดใหญ่ด้านหน้าของห้องประชุมที่ค่อนข้างมืดสลัว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากขณะนี้เป็นการประชุมในช่วงท้ายของขั้นตอนการเตรียมการผลิต ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ดังนั้นจึงเป็นการยืนยันขั้นสุดท้ายมากกว่าการตรวจสอบความคืบหน้า
ไม่นาน ภาพจำลองสถานที่ที่สร้างขึ้นด้วยระบบ 3 มิติ ก็ปรากฏขึ้นเรียงรายบนจอภาพ
‘มารร้ายผู้แสนดี’ ฉากที่หยิบยกมาจากบทภาพยนตร์ ปรากฏตัวละครมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกวาดเส้นสีฟ้าโดดเด่น นั่นคือ ‘จังยอนอู’ ตัวละครเอกของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ซึ่งคังวูจินได้ถ่ายทอดชีวิต ฉากเหล่านี้ล้วนแต่ดุดัน เดือดพล่าน ราวกับประกาศก้องให้โลกรู้ว่านี่คือฉากแอ็คชั่นพันธุ์แท้
PDซงมันวู จ้องมองสไลด์นำเสนอ นิ้วลูบไล้เคราอย่างใช้ความคิด ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“แบบนี้คงต้องไปถ่ายทำต่างประเทศแล้วล่ะ ถ่ายในประเทศหรือในเซ็ตคงไม่ตอบโจทย์”
“เริ่มประสานงานกับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ตัวเลือกอันดับหนึ่งของเราได้เลย”
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_