บทที่ 286 ตำรวจพิเศษ หลี่เอ้อร์
บทที่ 286 ตำรวจพิเศษ หลี่เอ้อร์
“ทำไมจู่ ๆ ถึงต้องเข้าค่ายอีกล่ะ พวกคุณไม่ได้เรียนจบไปแล้วเหรอ?” อาเหม่ยถามด้วยความสงสัยขณะช่วยเฉินเจียจวีเก็บของใส่กระเป๋าเดินทาง
“อืม... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นการฝึกที่ได้รับคำสั่งมาจากเบื้องบน” เฉินเจียจวีตอบอ้อม ๆ
“จริงเหรอ? คุณควรจะถามให้แน่ใจนะว่าเป็นค่ายฝึกอะไร ทำไมถึงห้ามติดต่อข้างนอกกันล่ะ โตขนาดนี้แล้วแต่ยังทำอะไรซุ่มซ่ามอยู่เลย คุณแม่ฉันฝากมาถามด้วยนะว่าเมื่อไหร่เราจะเตรียมงานแต่งงานกัน” อาเหม่ยบ่นพึมพำ
“เฮ้ย! ผมรู้แน่นอนว่ามันเป็นค่ายฝึกพิเศษ เพราะตลอดการฝึกต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามติดต่อข้างนอกเด็ดขาด!” เฉินเจียจวีทำเป็นจริงจัง
“งั้นฝึกเสร็จแล้วจะได้เลื่อนขั้นใช่ไหม?” อาเหม่ยถามอย่างตื่นเต้น เพราะหลี่เอ้อร์ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นจากหน่วยลาดตระเวน ตอนนี้ได้เป็นรองสารวัตรแล้ว
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เฉินเจียจวียิ้มมั่นใจ
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันกลัวว่าคุณจะถูกส่งไปทำภารกิจลับที่อันตราย การเข้าค่ายฝึกถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่ก็ไม่มีอันตราย ไม่ต้องเสี่ยงชีวิต” อาเหม่ยยิ้มดีใจ
เฉินเจียจวีได้ยินแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่รีบกลบเกลื่อน “ใช่แล้ว ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตก็ได้เลื่อนขั้น”
จากนั้นเฉินเจียจวีก็ส่งสมุดบัญชีเงินฝากกับกรมธรรม์ประกันชีวิตให้เธอ
“เอาของพวกนี้มาให้ฉันทำไม?” อาเหม่ยถามอย่างแปลกใจ ดูเหมือนเธอจะซื่อเกินกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย
“เธอเคยบอกว่าอยากเจอครอบครัวฉันใช่ไหม? ทรัพย์สินของครอบครัวต้องมอบให้ภรรยาดูแลสิ” เฉินเจียจวียิ้มด้วยความมั่นใจ “ชื่อผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ก็เป็นชื่อของเธอแล้วนะ อีกอย่าง บ้านที่หลี่เอ้อร์อยู่ตอนนี้ก็อยู่ในชื่อฉันด้วย”
“ฉันยังไม่ได้แต่งกับคุณซะหน่อย ไม่เอาหรอก” อาเหม่ยทำท่าเล่นตัว แต่ในใจกลับยิ้มด้วยความดีใจ
“นี่เป็นการให้สิทธิ์ควบคุมการเงินของครอบครัวเลยนะ ถ้าเธอไม่อยากได้ ฉันจะไปเช่าตู้เซฟเก็บแล้วกัน” เฉินเจียจวีแกล้งทำเป็นไปเช่าตู้เซฟ
อาเหม่ยรีบดึงเอกสารจากมือเขาอย่างตื่นเต้น “การเช่าตู้เซฟก็ต้องเสียเงินไม่ใช่เหรอ? อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายนักสิ เราต้องเก็บเงินไว้จัดงานแต่ง เช่ารถ และเลี้ยงแขกนะ”
“ถ้ามีอะไรที่เธอแก้ปัญหาไม่ได้จริง ๆ ก็ไปหาจางต้าจุ่ย แต่ถ้าจางต้าจุ่ยยังช่วยไม่ได้ ให้ไปขอความช่วยเหลือจากหลี่เอ้อร์ เขาจะมีทางช่วยแน่นอน” เฉินเจียจวีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อาเหม่ยขมวดคิ้วถาม “เจียจวี ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าคุณกำลังฝากฝังเหมือนฉากในละครเลยนะ”
“เฮ้ย!” เฉินเจียจวีเกาหัวแก้เก้อ
“จะเป็นไปได้ไง ต่อให้ฉันต้องฝากฝังก็ไม่ให้หลี่เอ้อร์แน่นอน”
เขาได้แต่บ่นในใจ ‘หลี่เอ้อร์นะ หื่นขนาดไหน...’
ทางด้านหลี่เอ้อร์ที่กำลังทำภารกิจอยู่ จู่ ๆ ก็ต้องหยุดลงแล้วขยี้จมูกพลางพึมพำ “ไม่รู้ทำไม จู่ ๆ รู้สึกเหมือนมีใครกำลังพูดถึงฉันอยู่ อยากจามขึ้นมาทันที”
หลี่เอ้อร์รู้ดีว่าการไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้จะต้องออกจากเกาะฮ่องกงเป็นเวลานาน อาจนานถึงหนึ่งหรือสองเดือน เขาจึงคิดว่าคืนนี้ต้องทำให้เหอหมิ่นอิ่มใจเต็มที่ก่อน เพราะถ้าทิ้งเธอไว้กับซาเหลียนหน่าทุกวัน อาจมีโอกาสที่เขาจะโดนสวมเขา
“ที่รัก ลองเปลี่ยนท่าหน่อยสิ ให้ฉันพักอยู่ข้างล่างบ้าง” หลี่เอ้อร์กระซิบเบา ๆ เพราะกลัวว่าซาเหลียนหน่าจะมาแอบฟัง เขาต้องรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้
“อื้ม...”
ที่สำนักงานมณฑลกวางตุ้ง
เฉินเจียจวีเพิ่งจะรู้ว่าคราวนี้ไม่ได้ต้องทำงานคนเดียว เพราะเขาต้องทำงานร่วมกับโจวซิงซิง ชายหนุ่มที่คุยกันไม่รู้เรื่อง นึกแล้วก็เครียด อย่ามาพาซวยล่ะนะ โจวซิงซิง!
“เฉินเจียจวี โจวซิงซิง นี่พวกแกจะมาเป็นสายลับหรือมาอวดสถานะพลเมืองระดับสามของอาณานิคม?” หลี่เอ้อร์แอบมองพวกเขาแล้วทนไม่ไหวจะบ่น
ส่วนใหญ่แล้วคนในฮ่องกงจะดูออกจากกิริยาท่าทางหรือการใช้ชีวิตว่าใครเป็นใคร พวกเขาเลยดูแตกต่างไปจากคนอื่นๆ แถมภารกิจนี้ก็เสี่ยงอยู่แล้ว เพราะการแสดงออกเล็ก ๆ ก็อาจถูกจับได้
หลี่เอ้อร์เห็นเฉินเจียจวีและโจวซิงซิงทำตัวประหลาดก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ชีวิตเขาที่เสี่ยง จึงไม่ได้สนใจนัก แต่คนที่ลำบากใจที่สุดคงจะเป็นเจียงหลาง เพราะต้องทำงานร่วมทีมกับเฉินเจียจวีและ โจวซิงซิง
“เฉินเจียจวี โจวซิงซิง! ทำตัวให้อยู่ในกรอบหน่อย อย่าทำตัวแปลกแยกไปนัก เข้าใจไหม?” หลี่เอ้อร์แกล้งพูดให้เขารู้สึกมั่นใจว่ามีคนคอยช่วยเหลืออยู่
“สวัสดีครับ คุณคือเฉินเจียจวีจากเกาะฮ่องกงใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนที่ดูเข้มแข็งเข้ามาทักเฉินเจียจวี
“ครับ ผมเฉินเจียจวี”
“ผมเจ้า ปิงเฟิง จากสำนักตำรวจประจำมณฑล ผมเป็นคนมารับคุณครับ เชิญขึ้นรถตามผมมาเลย” เจ้าปิงเฟิงโชว์บัตรประจำตัวและพาเฉินเจียจวีกับทีมขึ้นรถ
เมื่อเห็นรถตำรวจรับพวกเขาออกไป หลี่เอ้อร์ก็พยักหน้าเบา ๆ
“รู้เส้นทางไปที่สถานีตำรวจไหม?” หลี่เอ้อร์ถามชายร่างเล็กที่อยู่ข้าง ๆ
หลี่เจี๋ยยักไหล่ตอบ
หลี่เอ้อร์จึงต้องพาคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่มาด้วยเพื่อคอยนำทาง
“พวกเราน่าจะถูกสังเกตแล้ว ดูที่สามนาฬิกา มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินมาทางเรา” หลี่เจี๋ยที่เคยเป็นทหารแม่นปืน สังเกตเห็นได้ไวกว่าหลี่เอ้อร์
“สวัสดีค่ะ ฉันหยาง เจี้ยนฮว่า จากกรมสืบสวนอาชญากรรมระหว่างประเทศ คุณคงเป็น ‘ตำรวจพิเศษ’ หลี่เอ้อร์ ที่ว่ากันนะคะ” หยาง เจี้ยนฮว่า กล่าวด้วยความมั่นใจ
“หา?” หลี่เอ้อร์ถึงกับอึ้ง สถานีตำรวจตั้งฉายาแบบนี้ให้เขาตอนไหน
แถมเขายังไม่เคยเปิดเผยตัวตนเลยด้วยซ้ำ แม้แต่เฉินเจียจวี โจวซิงซิง และเจียงหลางก็ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน