ตอนที่ 68 ไปเดตกันเถอะ
ซ่งซีลงมาที่ลานจอดรถใต้ดินด้วยความขุ่นเคือง
หลงอวี่สตาร์ทรถและเห็นว่าซ่งซีมีสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนกับว่าเธอไม่พอใจ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอทะเลาะกับคุณหานหรือเปล่า แต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรถาม
ซ่งซีนึกถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ของหานซานในวันนี้
แม้หานซานจะไม่ใช่คนดี แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่มีอารมณ์แปรปรวน จู่ ๆ เขาก็ทำหน้าบึ้งแล้วพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจ มันดูไม่สมเหตุสมผล
ซ่งซีย้อนนึกถึงบทสนทนากับหานซานในออฟฟิศ เธอคิดอย่างละเอียดอยู่ประมาณ 10 นาที จู่ ๆ ก็ตาเบิกกว้าง
อารมณ์ของหานซานเปลี่ยนทันทีหลังจากที่เธอพูดประโยคหนึ่ง
ฉันพูดว่าอะไรนะ?
— แต่เราจะหย่ากันในอีกหนึ่งปี มันจะยุ่งยากตอนนั้น
หัวใจซ่งซีเต้นแรง
หานซานโกรธเหรอ?
โกรธเพราะฉันเผลอพูดถึงการหย่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้าอย่างนั้นหรือ?
หัวใจซ่งซีเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ถ้าฉันวิเคราะห์ถูก นั่นแปลว่าหานซานไม่อยากหย่าอย่างนั้นหรือ?
ทำไมเขาถึงไม่อยากหย่ากัน?
ซ่งซีนึกไม่ออก ในที่สุดเธอก็คิดว่าเป็นเพราะหานซานกลัวความยุ่งยากและไม่อยากหาภรรยาใหม่ให้ลูก อีกอย่าง ซ่งซีก็ดีทุกอย่าง เป็นคู่ครองที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดี
เขาจะไปหาคนที่ดีกว่านี้ได้จากที่ไหนอีก?
ให้ซ่งซีเป็นแม่แท้ ๆ ของลูกดีกว่าให้แม่เลี้ยงเป็นผู้ดูแลลูก แถมหานซานเองก็เคยพูดเมื่อวานว่าตำแหน่งคุณนายหานจะเป็นของเธอตราบใดที่เธอต้องการ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่งซีจึงเข้าใจถึงท่าทีเย็นชาของหานซานก่อนหน้านี้
เธอคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่างแต่กลับหลีกเลี่ยงคำตอบที่ดีที่สุด
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซ่งซีหยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความถึงหานซาน
ซ่งซี: พี่หาน ฉันไม่อยากหย่ากับพี่
ซ่งซีพูดความจริง เธอไม่อยากหย่ากับหานซาน ไม่ใช่เพราะว่าเธอหลงรักเขาจริง ๆ แต่เพราะหานซานเป็นผู้ใหญ่ มีคุณภาพสูง รู้จักยอมรับและเคารพตนเอง ซ่งซียังชื่นชมในตัวหานซานด้วย
ถ้าพวกเขามีลูกจริง ๆ ซ่งซีคงไม่สามารถทิ้งลูกได้ บางทีความรักอาจเติบโตขึ้นตามกาลเวลา
นอกจากนี้...
ซ่งซีนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ
ในชาติก่อน ซ่งซีล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักบินและเข้าทำงานในบริษัทของมู่เหมียน เธอทำงานที่นั่นสองปีจากนั้นก็แต่งงานกับเฉิงจื่ออังแล้วหยุดทำงาน พอหย่ากัน เธออายุก็เข้า 30 ปีแล้ว ความฝันที่จะเป็นนักบินกลายเป็นสิ่งที่เกินเอื้อม
ซ่งซีเรียนพิณมานาน 10 ปี หลังจากหย่า เธอกลายเป็นนักแต่งเพลงและแต่งเพลงให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้เรียบเรียงดนตรีและเป็นอาจารย์สอนนักร้องชื่อดังเหลียงป๋อ คว้ารางวัลสำคัญด้านการเรียบเรียงดนตรีได้อีกด้วย
ครั้งหนึ่งซ่งซีไปแสดงการกุศลที่โรงพยาบาลพักฟื้นและได้พบกับหานซานอีกครั้ง ตอนนั้นหานซานตาบอดแล้ว เขามองไม่เห็นอะไรเลย แต่ชอบฟังเพลงของซ่งซีมาก
หานซานชื่นชมงานของเธอและจ้างให้เธอมาแสดงที่โรงพยาบาลพักฟื้นเดือนละสองครั้ง
ตอนนั้นซ่งซีถึงได้รู้ว่าโรงพยาบาลพักฟื้นนั้นก่อตั้งโดยหานซาน เป็นโรงพยาบาลเพื่อการกุศลที่ดูแลผู้พิการที่ไม่มีเงินรักษา
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
ซ่งซีจำได้ว่าได้พบหานซานสามวันก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ตอนนั้นหานซานบอกให้เธอมาตรงเวลาในครั้งหน้า เพราะเขามีความลับจะบอก เธอถามว่าเป็นความลับอะไร หานซานตอบว่า “ในเมื่อเป็นความลับก็ต้องบอกไม่ได้สิ”
ซ่งซีไม่เคยรู้ว่าความลับนั้นคืออะไร
ซ่งซีจำได้ว่าเธอคว้ามือหมอก่อนเสียชีวิต ขอให้หมอบริจาคกระจกตาของเธอให้หานซาน
ไม่รู้ว่าหานซานได้มองเห็นอีกครั้งไหม…
ซ่งซีเคยเจ็บปวดในชีวิตคู่กับเฉิงจื่ออัง เธอจึงกลัวการแต่งงานเล็กน้อย หากต้องเลือกสามีจริง ๆ ซ่งซีรู้สึกว่าคนนั้นต้องเป็นหานซาน
หานซานแตกต่าง เขาเป็นพันธะในชีวิตก่อนของเธอ
…
ในห้องรับรองในออฟฟิศ
หานซานเพิ่งสวมใส่นิ้วปลอมและสวมถุงมือเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่น หานซานสวมถุงมือเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก
ซ่งซี: พี่หาน ฉันไม่อยากหย่ากับพี่
หานซานจ้องมองโทรศัพท์ ความคิดแรกของเขาคือความสงสัย
เธอกำลังคิดอะไรอีก?
เดาไม่ออกว่าผู้หญิงสมัยนี้คิดอะไร หานซานคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าเขาควรบอกซ่งซีในสิ่งที่คิด เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ดีว่าควรพูดในสิ่งที่คิดมากกว่าปิดบัง
ซ่งซีไม่ใช่คนที่อ่านใจใครได้ ถ้าเขาไม่พูด เธอจะเข้าใจได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่ซ่งซีจะเดาและเข้าใจความคิดของเขาได้เอง
ซ่งซียังจมอยู่ในความคิดเกี่ยวกับชีวิตก่อนของเธอ กระทั่งหานซานส่งข้อความใหม่มา เธอถึงรู้สึกตัว
เธอมองลงไปเห็นว่าหานซานส่งข้อความยาวมา
[ก่อนหน้านี้ ผมประเมินตัวเองว่าเป็นคนที่มีเหตุผลและมั่นคง ถึงจะมีเล่น ๆ บ้าง แต่ก็ไม่เคยทำอะไรที่เกินเลย แต่เมื่อวาน คุณพาผมไปที่อำเภอเพื่อจดทะเบียนสมรส ผมรู้ว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่หุนหัน แต่ผมก็ทำมันกับคุณ เมื่อคิดย้อนหลัง ผมรู้สึกตกใจไม่น้อย หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ ผมคิดว่าผมคงมีความรู้สึกดี ๆ ต่อคุณ อาจจะเป็นเพราะความกล้าของคุณที่ดึงดูดผม หรืออาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของคุณ ความรู้สึกดีนี้อาจยังไม่ถึงขั้นรัก แต่ซ่งซี ตลอดหลายปีมานี้ คุณเป็นเพียงคนเดียวที่ผมมีความรู้สึกดีด้วย]
หานซานยังพิมพ์อยู่
สักพักก็มีข้อความใหม่เข้ามา
[ผมอายุ 32 ปีแล้ว แม้ว่าจะประสบความสำเร็จทางการเงิน แต่ผมเป็นคนพิการและเคยมีความรักที่ไม่ดีมาก่อน ผมเคยบอกว่าผมเคยคบหามานานถึงห้าปี แต่ซ่งซี ถึงแม้ว่าคุณจะได้พบกับผู้ชายที่โดดเด่นหลายคน แต่ชีวิตรักของคุณยังคงสะอาด ในการเปรียบเทียบ ผมรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับคุณ]
ซ่งซีกำลังจะตอบ แต่หานซานส่งข้อความมาอีก
[ผมอายุมากกว่าคุณ 10 ปี เป็นคนพิการ และเคยมีความรักที่ล้มเหลว ผมไม่ค่อยมั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ เช้านี้คุณยังพูดว่าคุณคงทิ้งผมไม่ลงหลังจากหนึ่งปี แต่ตอนบ่ายคุณกลับพูดอย่างเฉยเมยว่าจะหย่ากันหลังจากหนึ่งปี ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณคิดอะไรอยู่]
[ในฐานะนักธุรกิจ ผมประสบความสำเร็จในหลายสนาม แต่ในฐานะผู้ชาย ผมคือความล้มเหลว ซ่งซี ผมอยากลองใช้ชีวิตร่วมกับคุณ ไม่ใช่ในฐานะผู้ร่วมงาน แต่เป็นในฐานะสามีภรรยา]
หลังจากส่งข้อความชุดนี้แล้ว หานซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาอยากพูดสิ่งนี้กับซ่งซีมานานแล้ว ตอนนี้เขาได้พูดออกไปสักที หานซานรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ซ่งซีที่ได้เห็นหานซานอธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอเคยคิดว่าหานซานทำเพียงแค่ทำตามข้อตกลงของพวกเขาเท่านั้น
แต่เธอเข้าใจผิดเขา
หานซานเหมือนน้ำอุ่น ตอนแรกมันแค่อุ่นสบาย ไม่มีความร้อนแรง แต่วันหนึ่งน้ำอุ่นจะกลายเป็นน้ำร้อน
ซ่งซีคิดทบทวนอย่างจริงจังก่อนตอบหานซานว่า: ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราทิ้งข้อตกลงที่น่าเบื่อนั่นไป แล้วลองโอบกอดกันและกัน ลอง…คบกัน!
หลังจากส่งข้อความนี้แล้ว ซ่งซีรู้สึกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าหานซานจะด่าว่าเธอฝันลม ๆ แล้ง ๆ
คำตอบของหานซานทำให้เธอประหลาดใจและชัดเจน: ได้สิ
อารมณ์ของซ่งซีที่หม่นหมองก็พลันสงบลงในทันที
เมื่อหลงอวี่เห็นนายหญิงยิ้มอีกครั้ง เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
อารมณ์ของผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนสัญญาณไฟจราจร — แดงเขียวเหลืองสลับกัน