บทที่ 97 เจ้าตัวน้อยแปลกประหลาด
จินเป่าเอ๋อชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยยิ่งนัก แม้แต่ตัวนางเองก็ยังประหลาดใจ
เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่จู่ๆก็สามารถวาดยันต์ลงบนกระดาษออกมาได้ ทั้งที่ความทรงจำบอกว่านางถูกตามล่าอยู่ตลอดเวลา ไม่มีแม้แต่เวลาจะศึกษาเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อค้นความทรงจำอย่างละเอียด นางกลับวาดยันต์นี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว…
คงเป็นเพราะหลังจากการกลับมาเกิดใหม่นี้ นางพยายามอย่างหนักเพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งอย่างลับๆ ใช่แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นนางก็คงต้องตายไปจริงๆ ความปรารถนาที่จะล้างแค้นคงไม่มีทางให้นางผ่อนคลายการฝึกฝนได้
ทันทีที่กระดาษยันต์ปล่อยพลังวิญญาณออกมา ก็เรียกความสนใจของเหล่าปีศาจในบริเวณนั้นทันที เหล่าปีศาจต่างกรูกันไปไล่ล่าตามไป ทิ้งให้เหลือปีศาจไม่มากนักที่ยังเฝ้าอยู่ ในบรรดาที่เหลือก็ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับจินตันหลายตน แต่นั่นกลับทำให้แรงกดดันน้อยลงไปมาก จินเป่าเอ๋อจึงระงับพลังวิญญาณแล้วอาศัยความรวดเร็วลอบเลี่ยงออกจากบริเวณนั้นไปอย่างคล่องแคล่ว…
นางก็ไม่รู้ว่าทำไม แค่รู้สึกว่าความเร็วของนางพอที่จะทำให้เหล่าปีศาจไม่ทันได้สังเกตเห็น
ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคิด พอมีสายลมพัดผ่าน เหล่าปีศาจก็ไม่รู้สึกถึงอะไรทั้งสิ้น ส่วนโมคาที่ยังยืนมองอยู่นั้นถึงกับมึนงง!
นี่มันความเร็วอันน่ากลัวอะไรกัน ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เขาคงไม่มีทางเชื่อว่ามีคนที่ไม่ใช้พลังวิญญาณก็สามารถมีความเร็วได้ถึงขนาดนี้!
ยกเว้นเสียแต่ว่า…นางจะเป็นผู้ฝึกวิชาแขนงกายภาพ ที่ใช้พละกำลังและความเร็วเหนือกว่าผู้อื่นจนเป็นสายแข็งแกร่งด้วยตัวเอง!
จินเป่าเอ๋อยังเป็นผู้ฝึกวิชาแขนงกายภาพอีกหรือ?! นางเป็นตัวตนแบบไหนกันแน่ ทั้งยันต์ พลังวิญญาณและวิชากายภาพ นางฝึกทั้งสามอย่างพร้อมกันได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ฝึกวิชาจากสายใดก็ตามหากได้รู้ คงจะอิจฉาจนกระอักเลือดแน่ๆ!
เมื่อจินเป่าเอ๋อเข้าไปในเหมือง ภาพที่เห็นคือคริสตัลสีน้ำเงินเข้มวาววับเรียงรายอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยไอเย็นและพลังปีศาจที่หนาแน่น บางจุดยังมีหินย้อยสีฟ้าที่ดูเยือกเย็นและแปลกประหลาดมากมาย
นางเดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ จนเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด อุณหภูมิรอบตัวเริ่มต่ำลงทุกที แม้นางจะเป็นร่างวิญญาณ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ทะลุเข้ามาในกระดูก
เวลาไหลผ่านไปช้าๆ แต่นางก็ยังไม่อาจออกจากเหมืองคริสตัลปีศาจนี้ได้เลย…
“แกร๊ง…แกร๊ง…”
ทันใดนั้น เสียงแปลกประหลาดหนึ่งดังขึ้นมาจากส่วนลึกของเหมือง ราวกับมีความเร่งรีบและความหงุดหงิดแฝงอยู่ในนั้น
จินเป่าเอ๋อตกใจเล็กน้อย เสียงนี้มาจากที่นี่งั้นหรือ ที่หนาวเย็นเช่นนี้ จนแม้แต่นางที่เป็นผู้ฝึกวิชาน้ำแข็งยังรู้สึกไม่สบายตัว แล้วจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่ได้… หรือบางทีอาจเป็นวิญญาณก็เป็นได้!
น้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ความหนาวเหน็บทำให้ขนลุกวูบ แม้นางจะตายไปแล้ว หากนางยังมีชีวิตอยู่ ร่างคงถูกแช่แข็งกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว
ไม่นานนางก็พบกรงเล็กๆ ที่สร้างด้วยวัสดุแปลกประหลาดตั้งอยู่ตรงหน้า กรงนั้นละเอียดงดงามและโปร่งใสราวกับทำจากผลึก แผ่นพื้นและผนังภายในกรงทำจากหยก ให้ความรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย แต่ข้างในนั้นกลับไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งใดอยู่เลย
แปลกจริงๆ! ในเหมืองปีศาจกว้างใหญ่เช่นนี้ เหตุใดถึงมีกรงเล็กๆ ถูกสร้างไว้ และเสียงที่นางได้ยินก่อนหน้านี้มาจากไหนกัน
แต่ไม่ทันที่นางจะได้คิดมากไปกว่านี้ นางก็ตัดสินใจว่าควรรีบไปหาดอกไม้ปีศาจให้ไวที่สุด
ขณะที่นางกำลังจะหันหลังกลับ ก็มีมือเล็กๆ มือหนึ่งที่มองไม่เห็นคว้าแขนของนางไว้ทันที ความเย็นที่สัมผัสนั้นทำให้จินเป่าเอ๋อรู้สึกแสบราวกับถูกแช่แข็ง นางรีบดึงแขนกลับพร้อมถอยหลังด้วยความระมัดระวัง สายตาจับจ้องไปยังเจ้าของมือนั้น
สิ่งที่เห็นคือเด็กน้อยน่ารัก อายุประมาณห้าหกขวบ ใบหน้าของเด็กน้อยนั้นน่ารักประดับด้วยขนตายาวสวย ดวงตากลมโตคล้ายผลองุ่นคริสตัล แก้มแดงระเรื่อ แลดูน่าเอ็นดู บนหัวมีมวยผมสองมวยดูสดใส เขาใส่เพียงเสื้อคลุมแดงเล็กๆ ดูแล้วไม่น่าจะรู้สึกหนาวเย็นแม้แต่น้อย
และที่สำคัญคือ เด็กน้อยปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบกริบ จนจินเป่าเอ๋อแทบไม่รู้สึกถึงพลังวิญญาณ หากนางไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองก็คงไม่รู้ว่ามีเด็กคนนี้อยู่ที่นี่
เด็กที่ไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีอุณหภูมิ...งั้นหรือ
“พี่สาว… มาช่วยข้าหรือเปล่า”
เสียงใสๆนุ่มนวลของเด็กสาวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความหวังในแววตากลมโตบริสุทธิ์ที่จ้องมองจินเป่าเอ๋อด้วยความคาดหวัง
รอยยิ้มใสซื่อบนใบหน้าเล็กๆ นั้นเปี่ยมไปด้วยความสุข ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
หากเป็นหญิงสาวคนอื่น คงจะอดใจไม่ไหวจนต้องรู้สึกสงสาร ห่วงใยอยากกอดปลอบเด็กน้อยที่ดูไร้เดียงสาและดูเปราะบาง จนอยากให้ความอบอุ่นด้วยการห่อตัวนางด้วยผ้า หรือแม้กระทั่งโกรธแค้นใครบางคนที่อาจจะใจร้ายทำให้เด็กต้องลำบาก
แต่สำหรับจินเป่าเอ๋อ นางกลับหยุดมองเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น ความเย็นชาในดวงตานางยิ่งทวีคูณขึ้นกว่าเดิม นางเอ่ยออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
"ข้าเพียงผ่านมาเท่านั้น"
คำพูดที่แสนเย็นชาของนางทำให้เด็กน้อยน้ำตาคลอและเริ่มร้องไห้เงียบๆใบหน้าเศร้าสลด ดวงตากลมโตแดงก่ำขึ้นอย่างน่าเวทนา ยิ่งทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาดูยิ่งน่าสงสาร ทว่า…
หญิงสาวในชุดดำกลับเพียงเม้มปากนิ่งเงียบ ไม่มีท่าทีตอบสนองแต่อย่างใด ทั้งยังรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะเย็นยะเยือกลงไปอีก
เมื่อเด็กสาวสะอื้นอยู่นานจนกระทั่งจินเป่าเอ๋อเริ่มรู้สึกเบื่อและกำลังจะหมุนตัวจากไป…
“พี่สาว…ข้ากลัว ช่วยอยู่เป็นเพื่อนข้าได้ไหม…”
เด็กน้อยยื่นมือเล็กๆ มาจับชายแขนเสื้อของนางไว้ ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาแหงนมองด้วยความหวัง
ทว่าจินเป่าเอ๋อกลับเบิกตากว้างขึ้นทันที นางสะบัดแขนเสื้อแล้วผลักเด็กสาวออกห่างอย่างไม่ไยดี
เด็กน้อยล้มลงไปบนพื้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเสียใจ ดูราวกับจะแตกสลายไปในน้ำตาที่ไหลพรั่งพรู นางกุมสะโพกไว้พร้อมกับร้องไห้เสียงดัง
“ฮือ ฮือ~ เจ็บจังเลย! พี่สาวใจร้ายผลักข้า… ฮือ ฮือ เจ็บจริงๆ…”
จินเป่าเอ๋อยืนนิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่า...นางคิดผิด?
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ดังก้องอยู่ข้างหูทำให้นางรู้สึกทนไม่ไหว จินเป่าเอ๋อขมวดคิ้ว หากปล่อยให้ร้องไห้เสียงดังแบบนี้ต่อไปเกรงว่าจะถูกพวกด้านนอกจับได้ หากฃราชาผีซาเหลิ่งมาที่นี่ นางก็คงหนีไม่พ้นแน่!
“หุบปาก!! หยุดร้องเดี๋ยวนี้!”
คำตะโกนดุดันของนางกลับทำให้เด็กสาวร้องไห้เสียงดังขึ้นกว่าเดิม เสียงสะอื้นเหมือนจะขาดใจ
“ฮือ!! พี่สาวใจร้าย! พี่สาวดุข้า! ฮือๆ…”
จินเป่าเอ๋อถึงกับหมดคำพูด นางเกลียดที่สุดก็คือเด็กแบบนี้!
“พอแล้ว เลิกเสียใจได้ไหม”
เด็กน้อยสะอื้นอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยดวงตาแดงก่ำ แววตาที่ส่งมาเหมือนจะบอกว่าไม่เชื่อใจ
นางถึงกับลอบถอนหายใจทั้งหนาวเหน็บไปทั้งตัว ยังต้องมาปลอบเด็กอีก นี่มันอะไรกัน ในเหมืองหินวิญญาณแห่งนี้ทำไมถึงมีเด็กแบบนี้
ทันใดนั้นเอง จินเป่าเอ๋อรู้สึกตัวแข็งค้าง ดวงตาจับจ้องไปที่เด็กหญิงไม่วางตา เด็กคนนี้ไร้ซึ่งลมหายใจ อยู่ในสถานที่ที่หนาวเย็นถึงเพียงนี้แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย และจากเสียงร้องไห้ดังลั่นเมื่อครู่ ก็พอจะบอกได้ว่าเด็กน้อยไม่ได้รับผลกระทบจากความเย็นยะเยือกเลย เหล่าวิญญาณหรือแม้แต่สัตว์ประหลาดสายพลังน้ำแข็งยังทนสภาพนี้ได้ยากยิ่ง นอกจากว่า...นางไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เราคุ้นเคย!
หากเป็นเช่นนั้น ก็มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น!
เมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของจินเป่าเอ๋อก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้น นางถามเสียงอ่อนโยนลง
“เด็กน้อย เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว”
คำพูดอ่อนโยนพร้อมกับสีหน้าจำนนเมื่อครู่ ทำให้เด็กหญิงหยุดร้องไห้แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนจากพื้น ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ