บทที่ 84 ร้านเต้าหู้ถนนเฉียนเหมิน
เมื่อหลันถิงเห็นลู่หยางใช้มวยเลียนแบบจนเปลี่ยนร่างเป็นหม่านกู่ได้ นางก็หยิบยันต์สีเหลืองออกมาเงียบๆ
ให้นางวาดยันต์แปลงกายเองดีกว่า
ไม่เสียทีที่เป็นสำนักดังด้านความคิดสร้างสรรค์และวิชาพิเศษ ใช้มวยปลอมเป็นวิชาแปลงกาย ต้องมีความเข้าใจวิชาลึกซึ้งถึงเพียงนี้จึงจะทำได้
คงไม่มีใครในระดับเดียวกันจะเทียบความเชี่ยวชาญด้านวิชาของลู่หยางได้
ลู่หยางนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้หลันถิงเอาหนังเสือไปก็เพื่อทำยันต์ ดูเหมือนนางจะมีความเชี่ยวชาญด้านยันต์อยู่ไม่น้อย
หลันถิงชี้ที่ดวงตาของตน "ดวงตาของข้ามีความพิเศษ ไวต่อลวดลาย สามารถมองทะลุแก่นแท้ของยันต์และจุดสำคัญของค่ายกล เกิดมาก็ถนัดการทำยันต์และวางค่ายกล"
"แต่ข้ามีพลังจำกัด จึงทุ่มเทไปที่การทำยันต์เป็นหลัก ส่วนค่ายกลรู้แค่เล็กน้อย"
หลันถิงพูดถ่อมตัว แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก พรสวรรค์นี้ทำให้นางมีอนาคตไกลในด้านยันต์และค่ายกล ทำให้ปรมาจารย์ด้านยันต์และค่ายกลหลายคนอิจฉา
ไม่นานหลันถิงก็วาดยันต์แปลงกายเสร็จ แปะลงบนร่างกาย ทั้งร่างก็เปลี่ยนจากงามเลิศเป็นธรรมดา น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้ ร้านย่างจึงได้พนักงานใหม่มา
สองวันหลังจากหลันถิงเข้าร่วม ร้านย่างก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม แต่มีพนักงานใหม่เข้ามาช่วย ทำให้งานของทั้งสามคนเบาลงไม่น้อย
ลู่หยางสังเกตเห็นว่าหม่านกู่ดูไม่ค่อยมีความสุข จึงใช้จิตถามระหว่างเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า "เกิดอะไรขึ้นหรือ ดูเจ้าไม่ค่อยมีความสุข?"
หม่านกู่พยักหน้า "ไม่ทราบว่าพี่ลู่สังเกตเห็นหรือไม่ ช่วงนี้ลูกค้าร้านย่างของพวกเราลดลง ข้าคำนวณรายได้ช่วงนี้ก็เป็นเช่นนั้นจริง"
ลู่หยางชะงัก เขาไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เลย "เพราะหลันถิงหรือ?"
มีพนักงานหญิงเข้ามา ควรจะทำให้ธุรกิจดีขึ้นมากกว่า
"ไม่ใช่ ลดลงก่อนหลันถิงมาเสียอีก ข้าก็คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาตรงไหน" หม่านกู่ครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอด
ลู่หยางไม่ได้ใส่ใจ เขาดีใจเสียอีกที่ร้านย่างมีลูกค้าน้อยลง "เจ้าคิดต่อไปก่อนแล้วกัน ข้าไปส่งอาหาร"
หนึ่งเดือนก่อน ตามข้อเสนอของเมิ่งจิ่งโจว ร้านย่างเพิ่มบริการส่งถึงบ้าน กลางวันจะวางกล่องไว้หน้าร้าน ใครอยากสั่งก็เขียนรายการอาหาร เวลา และที่อยู่ลงกระดาษ ตอนกลางคืนทั้งสามจะสุ่มผลัดกันไปส่ง
วันนี้เป็นคิวของลู่หยาง
ช่วงนี้ลู่หยางไม่ได้ออกมาตอนกลางคืนเลย คราวนี้เดินออกมาก็พบว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้า คนเดินถนนน้อยลง
อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ร้านย่างมีลูกค้าลดลง ลู่หยางคิด
"ดูซิว่าครั้งนี้ต้องส่งที่ไหน... ร้านเต้าหู้ถนนเฉียนเหมิน?"
เวิ่นเซียงอวี้ได้ยินมานานแล้วว่าแถวนี้มีร้านย่างดังเปิดใหม่ นางอยากลองชิมว่าอร่อยสมคำเล่าลือหรือไม่ แต่หลังจากสามีเสียชีวิต นางรับช่วงร้านเต้าหู้ต่อจากสามี ก็แทบไม่ได้ออกไปไหนตอนกลางคืน
ไม่ใช่ว่านางอวดตัว แต่นางผิวขาวหน้าตางาม มีคนหมายปองไม่น้อย การออกไปคนเดียวเป็นเรื่องอันตรายมาก
ภายหลังนางได้ยินว่าร้านย่างมีบริการส่งถึงบ้าน จึงเขียนรายการอาหารที่อยากกินลงกระดาษ หย่อนลงกล่องหน้าร้านย่าง
ช่วงนี้นางง่วงมาก วันนี้ยิ่งหนัก อาหารยังไม่มาส่ง นางก็ทนความง่วงไม่ไหว เข้านอนแต่หัวค่ำ
พนักงานร้านย่างคงปลุกนางได้
ลู่จื้อเป็นขโมยที่ทำให้ตำรวจปวดหัวช่วงนี้ เขามักจะแอบเข้าบ้านคนอื่นตอนกลางคืน รอจนเจ้าของบ้านหลับสนิท จึงขโมยเงินทอง แล้วรีบหนีไป แทบไม่ทิ้งร่องรอย ตำรวจสอบถามเพื่อนบ้าน ก็ได้คำตอบว่าตอนนั้นหลับสนิท ไม่ทันสังเกตความเคลื่อนไหวข้างนอก
คราวนี้เขาเล็งเป้าหมายไปที่ร้านเต้าหู้ถนนเฉียนเหมิน เจ้าของร้านเป็นหญิงม่ายสวย ทำเต้าหู้อร่อยเลื่องชื่อ ช่วงหลังมานี้ทำเงินจนร้านค้าแถวนั้นอิจฉา
ลู่จื้อว่องไวราวกับลิง ปีนขึ้นหลังคาอย่างเงียบกริบ บิดตัวเข้าหน้าต่างชั้นสอง
"คงหลับแล้ว"
ลู่จื้อมั่นใจมาก บังเอิญเขาได้ยันต์ที่ทำให้คนหลับมา แปะไว้นอกบ้าน คนในรัศมีห้าสิบเมตรจะได้รับผลกระทบ หลับสนิท วิธีนี้ใช้ได้ผลทุกครั้ง
ลู่จื้อย่องอย่างระมัดระวัง กลั้นหายใจ เห็นสาวงามนอนอยู่บนเตียง ก็ยิ้มอย่างสมใจ
แล้วหันไปค้นตู้หาของมีค่า ตามประสบการณ์ ผู้หญิงชอบเก็บของไว้ที่นี่
"ไม่มีหรือ?" ลู่จื้อขมวดคิ้ว หันไปมองที่เจ้าของร้านเต้าหู้นอน
เมื่อที่นี่ไม่มี ก็น่าจะอยู่ใต้เตียง
เขาค่อยๆ ย่อตัวลง มองลอดใต้เตียง หัวใจแทบหยุดเต้น
ใต้เตียงมีใบหน้าคนอยู่!
"ผี!"
เจิ้งโซ่วเหอเป็นโจรลวนลามที่ทำให้ตำรวจปวดหัวช่วงนี้ เขามักจะแอบซ่อนใต้เตียงหญิงโสด รอจนหญิงหลับสนิท จึงคลานออกมาจากใต้เตียง ทำร้ายหญิงนั้น
แต่บางครั้งเขาก็เจอหญิงแอบมีชู้ เขาก็ต้องซ่อนตัวใต้เตียงรอไปอย่างนั้น
คราวนี้เขาเล็งเป้าไปที่ร้านเต้าหู้ถนนเฉียนเหมิน เจ้าของร้านเป็นหญิงม่ายสวย ไม่รู้ว่าทำให้ใจใครหลายคนหวั่นไหว
เจิ้งโซ่วเหอเหมือนทุกครั้ง แอบซ่อนใต้เตียงแต่เนิ่นๆ รอให้ถึงกลางคืน จะได้สมสู่กับเจ้าของร้านเต้าหู้
"ง่วงจัง" เจิ้งโซ่วเหอไม่เคยง่วงแบบนี้มาก่อน โดยปกติเขายิ่งรอยิ่งตื่นเต้น แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมความง่วงถาโถมเข้ามา
เขาพยายามลืมตาหลายครั้ง แต่ต้านความง่วงไม่ไหว หลับไป
เสียงกรีดร้องปลุกเขาตื่น เหมือนมีคนตะโกนเรื่องผี
เจิ้งโซ่วเหอลืมตาผึ่ง เห็นลู่จื้อทาบตัวอยู่ใต้เตียงมองตนด้วยความหวาดกลัว เขารีบยื่นมือปิดปากลู่จื้อ คลานออกมาจากใต้เตียง มืออีกข้างชักมีดจากเอวจ่อที่คอลู่จื้อ
เจิ้งโซ่วเหอเห็นเวิ่นเซียงอวี้บนเตียงหดตัวสั่นเทา
เห็นได้ชัดว่าเวิ่นเซียงอวี้ตื่นเพราะเสียงร้องของลู่จื้อ
"เจ้าก็ลุกขึ้นมา! วันนี้เป็นวันซวยอะไรกัน!"
เจิ้งโซ่วเหอสบถ หาเชือกมามัดลู่จื้อ คิดว่าหลังจากสมใจกับเวิ่นเซียงอวี้แล้ว ก็จะฆ่าทั้งสองคนทิ้ง
ตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากชั้นล่าง
"มีคนอยู่ไหม ข้ามาส่งอาหารขอรับ"
เจิ้งโซ่วเหอทำเสียงขัดใจ วันนี้โชคร้ายจริงๆ เขามัดลู่จื้อไว้ แล้วบังคับให้เวิ่นเซียงอวี้ลงไปด้วยกัน
เจิ้งโซ่วเหอใช้มีดข่มขู่เวิ่นเซียงอวี้ กระซิบว่า "เจ้าไล่คนข้างนอกไป!"
ทุกคนในมณฑลเหยียนเจียงรู้ว่าเจ้าของร้านเต้าหู้อยู่คนเดียว หากให้ตนไล่คนข้างนอก พอได้ยินเสียงผู้ชาย ต้องสงสัยแน่
"ท่านวางของไว้หน้าประตูก็ได้ เดี๋ยวข้าออกไปรับเอง" เวิ่นเซียงอวี้ตะโกนด้วยเสียงอ่อนหวาน
"ไม่ได้ขอรับ ท่านยังไม่ได้จ่ายเงินเลย" คนหน้าประตูตอบ
เจิ้งโซ่วเหอสีหน้าโหดเหี้ยม ในเมื่อเจ้าอยากตาย ก็อย่าโทษใครเลย!