บทที่ 278 คนที่ต้องทำงานกินข้าวอย่างน่าสงสาร
บทที่ 278 คนที่ต้องทำงานกินข้าวอย่างน่าสงสาร
ที่สถานีตำรวจจิมซาจุ่ย
ในแผนก CID โจวซิงซิงรีบรุดมาถึงสถานีตำรวจตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด นอกจากต้องการให้เพื่อนร่วมงานได้ ‘ประทับใจ’ ในตัวเขา
“โจวซิงซิง คุณโดนยิงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้?” เสาไป่ซิงถามด้วยความอยากรู้ ทำให้ความหลงตัวเองของโจวซิงซิงพุ่งสูงขึ้นทันที
“แค่…” โจวซิงซิงเชิดอกพูดเสียงดังอย่างภูมิใจ “โดนไปสองนัดเอง ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
ใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของเสาไป่ซิงกลายเป็นแววตาเคารพทันที
“เมื่อวานคดีที่โรงพยาบาลหมิงซินมันอันตรายมากเลยใช่ไหม! เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง พวกคนร้ายช่างเลวจริง ๆ ถึงขั้นบังคับให้หลี่เซอร์ถอดกางเกงต่อหน้าผู้คนเลยนะ” เสาไป่ซิงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“มีด มีดล่ะ!” โจวซิงซิงพูดบอกเป็นนัยอย่างชัดเจน
“มีดอะไร? อ้อใช่ โจวซิงซิง ในข่าวบอกว่าคุณมีมีดคมมาก เอามาให้ดูหน่อยสิ” เสาไป่ซิงถามอย่างตื่นเต้น
“แค่ก แค่ก…” โจวซิงซิงแสร้งไอแล้วพูดด้วยท่าทางภูมิใจ “หนังสือพิมพ์ไม่ได้บอกหรือว่าก็เพราะผม โจวซิงซิง ที่ใจเย็นได้ในสถานการณ์วิกฤต ตัดสินใจเด็ดขาด ตัดข้อมือจอห์นนี่ หวัง และชิงตัวจุดระเบิดมาได้ ทำให้รอดพ้นจากการสังหารหมู่ที่ไร้มนุษยธรรม”
“ไม่มีนะ!” เสาไป่ซิงตอบอย่างซื่อ ๆ
โจวซิงซิง: “…”
“เป็นไปได้ยังไง?” โจวซิงซิงรีบคว้าเอาหนังสือพิมพ์บนโต๊ะมาเปิดดู
หนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะมีอยู่ห้าหกฉบับ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮ่องกง แต่ในเนื้อหาของทุกฉบับนั้นกล่าวถึงการตัดข้อมือของจอห์นนี่ หวังและการชิงตัวจุดระเบิดเพียงสั้น ๆ และแม้แต่ชื่อของโจวซิงซิงก็ไม่ปรากฏ พวกเขากลับให้ความสนใจอย่างมากกับกางเกงในสีแดงแสบตาของหลี่เซอร์ แต่โจวซิงซิงไม่มีชื่อแม้แต่ที่มุมเล็ก ๆ ของข่าว
“เฮ้อ…” โจวซิงซิงถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง
“นี่ค่ะ บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงนี่ก็ลงเรื่องราวความกล้าหาญของคุณ” เสาไป่ซิงยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นให้โจวซิงซิง
ความผิดหวังของโจวซิงซิงหายไปในทันทีและรีบคว้าหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านอย่างดีใจ
‘ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด แสงมีดวาบขึ้นทันใด บรรยากาศเงียบสงัด และเมื่อทุกคนเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เห็นชายขายหมูรูปงามคนหนึ่ง โอ๊ะ! ขอโทษที่พิมพ์ผิด ต้องเป็นตำรวจหนุ่มผู้หล่อเหลา ยืนอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาของทุกคน มือซ้ายชี้ไปที่พระจันทร์ มือขวาถือมีดธรรมดา แม้จะเป็นเพียงมีดทำครัวธรรมดา แต่เมื่ออยู่ในมือของโจวซิงซิง มันก็กลายเป็น…’
“บ้าอะไรเนี่ย เหมือนเขียนนิยายกำลังภายในเลย ใครจะไปเชื่อ โคตรไร้สาระ” โจวซิงซิงโวยวายอย่างขุ่นเคือง
“เปล่านะ! ฉันว่ามันเขียนได้ดีมากเลย! ฝ่ายบัญชีไม่อนุมัติค่าใช้จ่ายหนังสือพิมพ์พวกนี้หรอก ฉันต้องจ่ายเองเพื่อมาดูเรื่องราวของคุณเลยนะ” เสาไป่ซิงแย้ง
โจวซิงซิงหันไปมองปกหนังสือพิมพ์จึงเห็นว่าทั้งหมดนั้นเป็นหนังสือพิมพ์บันเทิง เนื้อหาที่รายงานส่วนใหญ่คือข่าวซุบซิบดารา แต่ถึงจะรู้เช่นนั้น โจวซิงซิงก็ไม่กล้าเถียงกับเสาไป่ซิง
โจวซิงซิงมองชื่อผู้เขียนบทความด้วยความแค้น: ‘ผู้ใฝ่ฝัน’
“คนเขียนบทความนี่คงเป็นคนบ้าแน่ ๆ!” โจวซิงซิงสรุปในใจ
ในศตวรรษที่ 21 ที่ไหนสักแห่ง นักเขียนตัวอ้วนคนหนึ่งจามหนัก ๆ เขาขยี้จมูกแล้วก้มหน้าพิมพ์ต่อไป
“หรือว่าการเป็นคนพึ่งคนอื่นมันจะดีกว่าการทำงานด้วยตัวเองนะ?” โจวซิงซิงมองภาพของเฉาเต๋อฮวาที่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วยความน้อยใจ คนที่ต้องทำงานกินข้าวอย่างเขาต้องพยายามทำงานอย่างหนัก แต่ก็ยังถูกเฉาเต๋อฮวาคนไร้ฝีมือทิ้งห่างไปหลายช่วง ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“คิดจะกินให้คนอื่นเลี้ยงด้วยหรือไง?” ผู้กองหูปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของโจวซิงซิงพลางพูดเยาะ ๆ
ผู้กองหูที่ข่าวสารไวพอตัวได้สืบข้อมูลของเฉาเต๋อฮวา จอมพึ่งพาคนอื่นตัวจริงมาหมดแล้ว
โจวซิงซิงหันไปมองผู้กองหู สายตาเขาเป็นประกายแวววาวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ผมทำได้ครับ!”
ผู้กองหูขมวดคิ้ว
“ผู้กองหู โจวซิงซิงอยากให้คุณเลี้ยงเขานะ” เสาไป่ซิงยิงคำพูดเข้าเป้าทันที
สีหน้าของโจวซิงซิงเปลี่ยนไป รีบหันหลังวิ่งหนีทันที
“ป้าบ!”
โจวซิงซิงเพิ่งเริ่มวิ่งก็สะดุดขาของหุ้ยอิงหงที่ยื่นมาขวางจนหน้าคะมำไปที่พื้น ขณะที่หุ้ยอิงหงกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองร่วมกับเฉินหย่าหลุน
“ซวยละ!” โจวซิงซิงร้องในใจ แต่ก็พลันนึกถึงแผนการบางอย่างได้ในทันที เขารีบคลายกล้ามเนื้อและทิ้งตัวลงไปเหมือนคนหมดสติ โจวเซอร์นั้นอาจจะไม่มีความสามารถในด้านอื่น แต่ด้านการแสดงนี่จัดเต็มอย่างถึงใจ เขาชอบแสดงเองและเขียนบทเอง
ความจริงโจวซิงซิงไม่จำเป็นต้องอิจฉาเฉาเต๋อฮวา เพราะยิ่งสื่อยกย่องเฉาเต๋อฮวามากเท่าไร วันหนึ่งก็ยิ่งจะดึงเขาตกต่ำลงมากเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้อำนวยการฝ่ายตะวันตกผู้เป็นชาวต่างชาติก็กำลังร่วมมือกับหวงปิ่งเหยาเต็มที่เพื่อต่อต้านเย่เต๋อเซียน หากเย่เต๋อเซียนต้านแรงกดดันไม่ไหวเฉาเต๋อฮวาก็ต้องถูกโยนลงเหว
ที่สถานีตำรวจฝั่งตะวันตก
“อาหลาง คุณจะลาออกจริง ๆ หรือ? จะไม่ลองคิดอีกทีเหรอ?” เผิงซินเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย “เอาอย่างนี้ไหม? ผมให้คุณลาพักร้อนครึ่งเดือนนะ ลองใช้เวลาคิดทบทวนดูก่อน หรือไม่ก็เปลี่ยนไปทำงานในฝ่ายเอกสาร ผมจะจัดการให้ได้”
เจียงหลางหันไปมองห้องโถงทำงานด้านนอกสำนักงานของเผิงซินเจี้ยน ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้ว ช่วยจัดการเรื่องใบลาออกให้ผมดีกว่า จัดการเรื่องเงินเดือนและโบนัสให้ผมด้วย
เจียงหลางทำงานเป็นสายลับแฝงตัวมาแปดปี จากที่เคยเป็นเพียงนักเลงระดับล่างจนเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นถึงมือขวาของหัวหน้าแก๊งอาชญากรรม ต่อให้เผิงซินเจี้ยนจะจัดโต๊ะทำงานให้อยู่ในสถานี ก็ไม่มีใครเชื่อใจเขาได้อีก เพราะมองว่าเขาเป็นคนสองหน้า
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาวหรือฝ่ายมืด คนอย่างเจียงหลางที่มีมลทินนั้นไม่เป็นที่ต้อนรับ แต่เผิงซินเจี้ยนผู้เป็นหัวหน้าที่ดูแลเขามาตลอดก็ยังเชื่อมั่นในตัวเจียงหลางอย่างแท้จริง
“ไม่ว่าจะยังไง ผมก็หวังให้คุณพิจารณาให้ดีก่อน” เผิงซินเจี้ยนยื่นแฟ้มเอกสารให้เจียงหลาง
“ครับ” เจียงหลางตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะเปิดแฟ้มออกดูข้างในซึ่งมีเอกสารประจำตัวของเขาและเช็คฉบับหนึ่ง
“ไม่จริงน่า! ผมเป็นสายให้ตำรวจมาตั้งแปดปี แปดปีที่ต้องเสี่ยงตายทุกวัน มีค่าเท่ากับเงินหกแสนสี่หมื่น?” เจียงหลางหัวเราะอย่างขมขื่น เมื่ออยู่ใต้บังคับบัญชาของไห่ซู ออกงานแต่ละครั้งก็ได้เงินมากกว่านี้ แต่การเป็นสายให้ตำรวจกลับได้เงินเพียงเท่านี้
เดิมทีเจียงหลางวางแผนไว้ว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อบ้านที่ไอซ์แลนด์แล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้กลับมีเงินไม่พอสำหรับชีวิตอย่างที่ฝันไว้
“หกแสนสี่หมื่นนี่ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ!” เผิงซินเจี้ยนตบไหล่เจียงหลางด้วยความเห็นใจ “เดิมทีเขาให้แค่ห้าแสนหก ผมต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะเพิ่มให้ได้ขนาดนี้”
ขณะที่เจียงหลางเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม หยวนห่าวอวิ๋นก็เปิดประตูเข้ามา
“เผิงซินเจี้ยน นายมีสิทธิ์อะไรถึงย้ายฉันไปอยู่ฝ่ายจราจร!” ยังไม่ทันที่หยวนห่าวอวิ๋นจะเข้ามาถึง เสียงโวยวายก็ดังก่อนตัวแล้ว
เผิงซินเจี้ยนทำหน้าเย็นชาทันทีที่ได้ยินหยวนห่าวอวิ๋นเรียกชื่อตัวเองตรง ๆ “การโยกย้ายตำแหน่งงานเป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคล”
“แต่นายเซ็นอนุมัติไม่ใช่หรือไง!” หยวนห่าวอวิ๋นตัดบท
“ใช่!” เผิงซินเจี้ยนขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ฉันนี่แหละที่ย้ายแกไปอยู่ฝ่ายจราจร ไม่พอใจงั้นเหรอ? งั้นยื่นลาออกซะตอนนี้เลย ฉันจะออกใบลาออกให้เดี๋ยวนี้”
หยวนห่าวอวิ๋นอึ้งไปสักพัก เมื่อเห็นว่าเผิงซินเจี้ยนพูดจริงเขาก็สงสัยว่าเผิงซินเจี้ยนเจอใครที่สามารถมาแทนเขาได้แล้วหรือไม่? เขาหันไปมองเจียงหลาง
“เอ่อ... ไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงผมดีใจที่จะได้ไปฝ่ายจราจร เลยมาถามว่าจะไปรับเครื่องแบบที่ไหนครับ?”