ตอนที่แล้วบทที่ 277 กางเกงในสีแดงที่สะดุดตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 279 การเข้ากลุ่ม เรื่องนี้สำคัญมาก

บทที่ 278 คนที่ต้องทำงานกินข้าวอย่างน่าสงสาร


บทที่ 278 คนที่ต้องทำงานกินข้าวอย่างน่าสงสาร

ที่สถานีตำรวจจิมซาจุ่ย

ในแผนก CID โจวซิงซิงรีบรุดมาถึงสถานีตำรวจตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด นอกจากต้องการให้เพื่อนร่วมงานได้ ‘ประทับใจ’ ในตัวเขา

“โจวซิงซิง คุณโดนยิงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้?” เสาไป่ซิงถามด้วยความอยากรู้ ทำให้ความหลงตัวเองของโจวซิงซิงพุ่งสูงขึ้นทันที

“แค่…” โจวซิงซิงเชิดอกพูดเสียงดังอย่างภูมิใจ “โดนไปสองนัดเอง ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”

ใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของเสาไป่ซิงกลายเป็นแววตาเคารพทันที

“เมื่อวานคดีที่โรงพยาบาลหมิงซินมันอันตรายมากเลยใช่ไหม! เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง พวกคนร้ายช่างเลวจริง ๆ ถึงขั้นบังคับให้หลี่เซอร์ถอดกางเกงต่อหน้าผู้คนเลยนะ” เสาไป่ซิงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

“มีด มีดล่ะ!” โจวซิงซิงพูดบอกเป็นนัยอย่างชัดเจน

“มีดอะไร? อ้อใช่ โจวซิงซิง ในข่าวบอกว่าคุณมีมีดคมมาก เอามาให้ดูหน่อยสิ” เสาไป่ซิงถามอย่างตื่นเต้น

“แค่ก แค่ก…” โจวซิงซิงแสร้งไอแล้วพูดด้วยท่าทางภูมิใจ “หนังสือพิมพ์ไม่ได้บอกหรือว่าก็เพราะผม โจวซิงซิง ที่ใจเย็นได้ในสถานการณ์วิกฤต ตัดสินใจเด็ดขาด ตัดข้อมือจอห์นนี่ หวัง และชิงตัวจุดระเบิดมาได้ ทำให้รอดพ้นจากการสังหารหมู่ที่ไร้มนุษยธรรม”

“ไม่มีนะ!” เสาไป่ซิงตอบอย่างซื่อ ๆ

โจวซิงซิง: “…”

“เป็นไปได้ยังไง?” โจวซิงซิงรีบคว้าเอาหนังสือพิมพ์บนโต๊ะมาเปิดดู

หนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะมีอยู่ห้าหกฉบับ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮ่องกง แต่ในเนื้อหาของทุกฉบับนั้นกล่าวถึงการตัดข้อมือของจอห์นนี่ หวังและการชิงตัวจุดระเบิดเพียงสั้น ๆ และแม้แต่ชื่อของโจวซิงซิงก็ไม่ปรากฏ พวกเขากลับให้ความสนใจอย่างมากกับกางเกงในสีแดงแสบตาของหลี่เซอร์ แต่โจวซิงซิงไม่มีชื่อแม้แต่ที่มุมเล็ก ๆ ของข่าว

“เฮ้อ…” โจวซิงซิงถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง

“นี่ค่ะ บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงนี่ก็ลงเรื่องราวความกล้าหาญของคุณ” เสาไป่ซิงยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นให้โจวซิงซิง

ความผิดหวังของโจวซิงซิงหายไปในทันทีและรีบคว้าหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านอย่างดีใจ

‘ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด แสงมีดวาบขึ้นทันใด บรรยากาศเงียบสงัด และเมื่อทุกคนเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เห็นชายขายหมูรูปงามคนหนึ่ง โอ๊ะ! ขอโทษที่พิมพ์ผิด ต้องเป็นตำรวจหนุ่มผู้หล่อเหลา ยืนอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาของทุกคน มือซ้ายชี้ไปที่พระจันทร์ มือขวาถือมีดธรรมดา แม้จะเป็นเพียงมีดทำครัวธรรมดา แต่เมื่ออยู่ในมือของโจวซิงซิง มันก็กลายเป็น…’

“บ้าอะไรเนี่ย เหมือนเขียนนิยายกำลังภายในเลย ใครจะไปเชื่อ โคตรไร้สาระ” โจวซิงซิงโวยวายอย่างขุ่นเคือง

“เปล่านะ! ฉันว่ามันเขียนได้ดีมากเลย! ฝ่ายบัญชีไม่อนุมัติค่าใช้จ่ายหนังสือพิมพ์พวกนี้หรอก ฉันต้องจ่ายเองเพื่อมาดูเรื่องราวของคุณเลยนะ” เสาไป่ซิงแย้ง

โจวซิงซิงหันไปมองปกหนังสือพิมพ์จึงเห็นว่าทั้งหมดนั้นเป็นหนังสือพิมพ์บันเทิง เนื้อหาที่รายงานส่วนใหญ่คือข่าวซุบซิบดารา แต่ถึงจะรู้เช่นนั้น โจวซิงซิงก็ไม่กล้าเถียงกับเสาไป่ซิง

โจวซิงซิงมองชื่อผู้เขียนบทความด้วยความแค้น: ‘ผู้ใฝ่ฝัน’

“คนเขียนบทความนี่คงเป็นคนบ้าแน่ ๆ!” โจวซิงซิงสรุปในใจ

ในศตวรรษที่ 21 ที่ไหนสักแห่ง นักเขียนตัวอ้วนคนหนึ่งจามหนัก ๆ เขาขยี้จมูกแล้วก้มหน้าพิมพ์ต่อไป

“หรือว่าการเป็นคนพึ่งคนอื่นมันจะดีกว่าการทำงานด้วยตัวเองนะ?” โจวซิงซิงมองภาพของเฉาเต๋อฮวาที่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วยความน้อยใจ คนที่ต้องทำงานกินข้าวอย่างเขาต้องพยายามทำงานอย่างหนัก แต่ก็ยังถูกเฉาเต๋อฮวาคนไร้ฝีมือทิ้งห่างไปหลายช่วง ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

“คิดจะกินให้คนอื่นเลี้ยงด้วยหรือไง?” ผู้กองหูปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของโจวซิงซิงพลางพูดเยาะ ๆ

ผู้กองหูที่ข่าวสารไวพอตัวได้สืบข้อมูลของเฉาเต๋อฮวา จอมพึ่งพาคนอื่นตัวจริงมาหมดแล้ว

โจวซิงซิงหันไปมองผู้กองหู สายตาเขาเป็นประกายแวววาวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ผมทำได้ครับ!”

ผู้กองหูขมวดคิ้ว

“ผู้กองหู โจวซิงซิงอยากให้คุณเลี้ยงเขานะ” เสาไป่ซิงยิงคำพูดเข้าเป้าทันที

สีหน้าของโจวซิงซิงเปลี่ยนไป รีบหันหลังวิ่งหนีทันที

“ป้าบ!”

โจวซิงซิงเพิ่งเริ่มวิ่งก็สะดุดขาของหุ้ยอิงหงที่ยื่นมาขวางจนหน้าคะมำไปที่พื้น ขณะที่หุ้ยอิงหงกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองร่วมกับเฉินหย่าหลุน

“ซวยละ!” โจวซิงซิงร้องในใจ แต่ก็พลันนึกถึงแผนการบางอย่างได้ในทันที เขารีบคลายกล้ามเนื้อและทิ้งตัวลงไปเหมือนคนหมดสติ โจวเซอร์นั้นอาจจะไม่มีความสามารถในด้านอื่น แต่ด้านการแสดงนี่จัดเต็มอย่างถึงใจ เขาชอบแสดงเองและเขียนบทเอง

ความจริงโจวซิงซิงไม่จำเป็นต้องอิจฉาเฉาเต๋อฮวา เพราะยิ่งสื่อยกย่องเฉาเต๋อฮวามากเท่าไร วันหนึ่งก็ยิ่งจะดึงเขาตกต่ำลงมากเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้อำนวยการฝ่ายตะวันตกผู้เป็นชาวต่างชาติก็กำลังร่วมมือกับหวงปิ่งเหยาเต็มที่เพื่อต่อต้านเย่เต๋อเซียน หากเย่เต๋อเซียนต้านแรงกดดันไม่ไหวเฉาเต๋อฮวาก็ต้องถูกโยนลงเหว

ที่สถานีตำรวจฝั่งตะวันตก

“อาหลาง คุณจะลาออกจริง ๆ หรือ? จะไม่ลองคิดอีกทีเหรอ?” เผิงซินเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย “เอาอย่างนี้ไหม? ผมให้คุณลาพักร้อนครึ่งเดือนนะ ลองใช้เวลาคิดทบทวนดูก่อน หรือไม่ก็เปลี่ยนไปทำงานในฝ่ายเอกสาร ผมจะจัดการให้ได้”

เจียงหลางหันไปมองห้องโถงทำงานด้านนอกสำนักงานของเผิงซินเจี้ยน ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้ว ช่วยจัดการเรื่องใบลาออกให้ผมดีกว่า จัดการเรื่องเงินเดือนและโบนัสให้ผมด้วย

เจียงหลางทำงานเป็นสายลับแฝงตัวมาแปดปี จากที่เคยเป็นเพียงนักเลงระดับล่างจนเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นถึงมือขวาของหัวหน้าแก๊งอาชญากรรม ต่อให้เผิงซินเจี้ยนจะจัดโต๊ะทำงานให้อยู่ในสถานี ก็ไม่มีใครเชื่อใจเขาได้อีก เพราะมองว่าเขาเป็นคนสองหน้า

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาวหรือฝ่ายมืด คนอย่างเจียงหลางที่มีมลทินนั้นไม่เป็นที่ต้อนรับ แต่เผิงซินเจี้ยนผู้เป็นหัวหน้าที่ดูแลเขามาตลอดก็ยังเชื่อมั่นในตัวเจียงหลางอย่างแท้จริง

“ไม่ว่าจะยังไง ผมก็หวังให้คุณพิจารณาให้ดีก่อน” เผิงซินเจี้ยนยื่นแฟ้มเอกสารให้เจียงหลาง

“ครับ” เจียงหลางตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะเปิดแฟ้มออกดูข้างในซึ่งมีเอกสารประจำตัวของเขาและเช็คฉบับหนึ่ง

“ไม่จริงน่า! ผมเป็นสายให้ตำรวจมาตั้งแปดปี แปดปีที่ต้องเสี่ยงตายทุกวัน มีค่าเท่ากับเงินหกแสนสี่หมื่น?” เจียงหลางหัวเราะอย่างขมขื่น เมื่ออยู่ใต้บังคับบัญชาของไห่ซู ออกงานแต่ละครั้งก็ได้เงินมากกว่านี้ แต่การเป็นสายให้ตำรวจกลับได้เงินเพียงเท่านี้

เดิมทีเจียงหลางวางแผนไว้ว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อบ้านที่ไอซ์แลนด์แล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้กลับมีเงินไม่พอสำหรับชีวิตอย่างที่ฝันไว้

“หกแสนสี่หมื่นนี่ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ!” เผิงซินเจี้ยนตบไหล่เจียงหลางด้วยความเห็นใจ “เดิมทีเขาให้แค่ห้าแสนหก ผมต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะเพิ่มให้ได้ขนาดนี้”

ขณะที่เจียงหลางเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม หยวนห่าวอวิ๋นก็เปิดประตูเข้ามา

“เผิงซินเจี้ยน นายมีสิทธิ์อะไรถึงย้ายฉันไปอยู่ฝ่ายจราจร!” ยังไม่ทันที่หยวนห่าวอวิ๋นจะเข้ามาถึง เสียงโวยวายก็ดังก่อนตัวแล้ว

เผิงซินเจี้ยนทำหน้าเย็นชาทันทีที่ได้ยินหยวนห่าวอวิ๋นเรียกชื่อตัวเองตรง ๆ “การโยกย้ายตำแหน่งงานเป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคล”

“แต่นายเซ็นอนุมัติไม่ใช่หรือไง!” หยวนห่าวอวิ๋นตัดบท

“ใช่!” เผิงซินเจี้ยนขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ฉันนี่แหละที่ย้ายแกไปอยู่ฝ่ายจราจร ไม่พอใจงั้นเหรอ? งั้นยื่นลาออกซะตอนนี้เลย ฉันจะออกใบลาออกให้เดี๋ยวนี้”

หยวนห่าวอวิ๋นอึ้งไปสักพัก เมื่อเห็นว่าเผิงซินเจี้ยนพูดจริงเขาก็สงสัยว่าเผิงซินเจี้ยนเจอใครที่สามารถมาแทนเขาได้แล้วหรือไม่? เขาหันไปมองเจียงหลาง

“เอ่อ... ไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงผมดีใจที่จะได้ไปฝ่ายจราจร เลยมาถามว่าจะไปรับเครื่องแบบที่ไหนครับ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด