บทที่ 266 งานชิ้นเอก (3)
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]
บทที่ 266 งานชิ้นเอก (3)
เมแกน สโตน ผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดงชื่อดังแห่งฮอลลีวูด ปัดปอยผมบ็อบสีน้ำตาลขึ้น พลางพินิจเอกสารโครงการภาพยนตร์ในมืออย่างตั้งใจ สีหน้าเคร่งเครียดบ่งบอกถึงความมุ่งมั่น เอกสารที่เธออ่านนั้นอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดมากมาย แต่ด้วยประสบการณ์ในฐานะผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดง เธอจึงให้ความสำคัญกับเรื่องย่อและแก่นเรื่องเป็นพิเศษ
“ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์” บริษัทผู้จัดจำหน่ายและสร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวูด เป็นบริษัทชั้นนำที่ติดอันดับท็อป 5 ของวงการ
เรื่องย่อที่บริษัทระดับนี้เลือกย่อมไม่ธรรมดาแน่
เมแกน สโตน ก็คิดเช่นนั้น เธอรู้สึกว่าทั้งเรื่องย่อและแก่นเรื่องนั้นน่าสนใจ โดยมีเค้าโครงมาจาก “ด็อกเตอร์จีคิลกับมิสเตอร์ไฮด์” ผสมผสานกับอาการทางจิต Multiple personality disorder หรือภาวะบุคลิกภาพแยกส่วน
หมายความว่าตัวละครจะมีหลายบุคลิกภาพ หรือมีหลายบุคลิกร่วมอยู่ในคนคนเดียว
จากข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในเรื่องย่อ ด้วยเหตุผลบางประการ เมแกน สโตน กลับนึกคิดขึ้นมาว่า
‘คังวูจิน…น่าจะเหมาะกับบทนี้เหลือเกิน’
เธอนึกถึงนักแสดงหนุ่มชาวเกาหลี คังวูจิน หรือจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือการแสดงอันทรงพลังของคังวูจินที่เธอได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเองในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “บุปผาเร้น” ที่ญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเมแกน สโตน จะมีโอกาสได้ชมการแสดงของวูจินเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันกลับตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเธออย่างมิรู้ลืม
อย่างที่เห็นในตอนนี้
การแสดงของวูจินยังคงติดตาตรึงใจเธอแม้จะกลับมาฮอลลีวูดแล้ว นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ในเวลานี้เมแกน สโตน ตกหลุมรักการแสดงของคังวูจินเข้าอย่างจังแล้ว
‘ตอนนั้นคังวูจิน…เปลี่ยนบุคลิกได้หลากหลายราวกับสวมหน้ากากภายในเวลาไม่กี่วินาที เหมือนคนที่มีหลายบุคลิกภาพ หรือจริง ๆ แล้วเขาอาจจะเป็นคนที่มีหลายบุคลิกภาพในตอนนั้นจริง ๆ ก็ได้’
การสวมบทบาทบุคคลอื่นราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย ทว่ากลับแนบเนียนไร้ที่ติ มองเห็นอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจเชื่อสายตาได้ การแสดงที่เหนือชั้นหรือแท้จริงแล้วใกล้เคียงกับความวิปลาส
‘หลังจากการแสดงจบลง เขากลับคืนสู่ตัวตนราวกับเป็นเพียงมายา การสลับสับเปลี่ยนบทบาทระหว่างการแสดงและตัวตนที่แท้จริงช่างน่าพิศวง’
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เมแกนยกย่องคังวูจินไม่ใช่เพียงแค่การแสดงอันน่าทึ่งนั้น
‘มันไม่ใช่ฉากที่ดึงดูดใจอะไร ทว่าเพียงบทพูดสั้น ๆ กับการแสดงอันแสนสั้น เขากลับสะกดผู้คนกว่าร้อยชีวิตไว้ได้’
ออร่า ใช่แล้ว คังวูจินเปี่ยมล้นไปด้วยออร่าของดารา อย่างน้อยในสายตาของเมแกน สโตน ผู้คร่ำหวอดในวงการฮอลลีวูดก็มองเห็นเช่นนั้น
‘เขาจะถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนผู้คนต้องตะลึงแน่’
ทันใดนั้น
“เมแกน เป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงชายหนุ่มเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษดังมาจากฝั่งตรงข้ามของเมแกน สโตนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ไม่คิดว่าจะตั้งใจดูขนาดนี้นะ”
เบื้องหน้าเมแกนมีคนนั่งอยู่สามคน ชายต่างชาติสองคนกับหญิงอีกหนึ่ง ต่างก็มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกัน และดูเหมือนจะมีอายุมากพอสมควร แน่นอนอยู่แล้ว พวกเขาคือผู้บริหารของ ‘ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์’ บริษัทผู้จัดจำหน่ายและสร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่
“แม้ว่าผู้กำกับยังไม่ได้ข้อสรุป แต่การสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้ว”
เมแกน สโตนวางเอกสารโครงการที่กำลังอ่านลง แล้วหันไปตอบชายร่างท้วมคนหนึ่งในกลุ่มคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“งั้นเหรอ แล้วPDหลักล่ะ?”
“โจเซฟ เฟลตันเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง เราได้ยื่นข้อเสนอไปแล้วและกำลังรอคำตอบ ฮ่า ๆ เขาเป็นPDที่งานยุ่งมาก แต่เราก็ต้องการเขา อ้อ เมแกน คุณก็เคยร่วมงานกับโจเซฟมาแล้วใช่ไหม?”
เมแกนหวนนึกถึงโจเซฟ ยักษ์ใหญ่ผู้ร่วมงานกันใน 'ปิดบัญชีเลือด 3' ก่อนพยักหน้ารับอย่างสุภาพ
“ค่ะ เคยร่วมงานกันมาบ้าง แล้วยังพอจะมีรายชื่อผู้กำกับที่คาดการณ์ไว้บ้างแล้วหรือยังคะ?”
ระบบการสร้างภาพยนตร์ของฮอลลีวูดนั้นแตกต่างจากเกาหลีใต้หลายประการ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องผู้กำกับ ในเกาหลี ผู้กำกับเปรียบเสมือนผู้กุมบังเหียน มีอำนาจตัดสินใจแทบทุกเรื่อง แต่ในฮอลลีวูดกลับไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขามีสถานะคล้ายกับผู้กำกับรับจ้าง ถึงจะมีสิทธิมีเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เด็ดขาดเท่ากับในเกาหลี หากจะเปรียบเทียบกันจริง ๆ แล้ว PDต่างหากคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดในวงการมายาแห่งนี้
อย่างไรก็ดี ตำแหน่งผู้กำกับก็ยังคงได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง
ผู้บริหารจาก 'ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์' ตอบคำถามของเธอทันที
“แน่นอนครับ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องขออภัยด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เมแกนตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“แต่ทางเราก็อยากร่วมงานกับคุณเมแกนเช่นกัน สนใจมาร่วมงานกับเรามั้ยครับ?”
นี่คือข้อเสนออันน่าเย้ายวนใจจาก 'ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์' หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดของฮอลลีวูด เมแกนแทบจะไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธ แต่ตัวเธอเองก็เป็นบุคคลสำคัญในวงการเช่นเดียวกัน การตอบตกลงในทันทีคงไม่ใช่การตัดสินใจที่เฉียบแหลมนัก
“ขอบคุณค่ะ ขอเวลาตัดสินใจสักครู่นะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ได้ครับ แต่ถ้าหากช้าเกินไปผมคงลำบากใจ” ผู้บริหารส่งเสียงอ้อมแอ้มมาเล็กน้อย
“สัปดาห์หน้าฉันจะติดต่อกลับไปค่ะ” เมแกนยืนยันคำตอบ
“ตกลงครับ”
การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่น เมแกนจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ถ้าหากบทภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านมือทีมเขียนบทเรียบร้อยแล้ว ทาง 'ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์' จะพิจารณานักแสดงเอเชียบ้างไหมคะ? เช่น นักแสดงเกาหลี”
เหล่าผู้บริหารของ 'ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์' เอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
“นักแสดงเกาหลี?” พวกเขาเอ่ยทวนคำถามด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัย
บุรุษร่างท้วมผู้ดูภูมิฐานราวกับเป็นผู้นำของกลุ่มเผยยิ้มละไม
“ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของPDและผู้กำกับล่ะครับ แต่ถ้านักแสดงคนนั้นเข้ากับบทบาท หรือมีฝีมือที่ทำให้เราและผู้ชมประทับใจได้ เราก็พร้อมร่วมงานด้วยเสมอ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันเป็นผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดงค่ะ จำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของบริษัทผู้สร้างอย่างถ่องแท้ ถึงบางครั้งจะเสนอนักแสดงที่เหมาะสมไป แต่ก็มักถูกปฏิเสธเพราะเรื่องสัญชาติอยู่บ่อยครั้ง”
“อ้อ เช่นนั้นเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงเกาหลี ฮอลลีวูด หรือชาติไหน หากถ่ายทอดบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม เรายินดีต้อนรับเสมอ ฝีมือการแสดงต่างสิ สำคัญที่สุด”
รอยยิ้มของผู้บริหารร่างท้วมนั้นดูเจิดจ้าขึ้น
“ต่อให้คน ๆ นั้นจะเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ไม่เป็นไรครับ”
เวลาล่วงเข้าเที่ยงวันในเกาหลีใต้
ณ โรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ขนาดใหญ่ใจกลางย่านกังนัม โรงที่โอ่อ่าที่สุดเพิ่งฉายภาพยนตร์จบลง หรือจะเรียกว่างานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่อง ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เพิ่งปิดฉากลงจะถูกต้องกว่า เครดิตรายชื่อผู้มีส่วนร่วมในภาพยนตร์เริ่มปรากฏขึ้นบนจอภาพยนตร์ขนาดมหึมา แสงไฟภายในโรงภาพยนตร์ที่เคยมืดมิดก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น
ทันใดนั้น
-กึก
เหล่านักข่าวและนักวิจารณ์มากมายที่ได้ชม ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ จบลง ต่างพร้อมใจกันยกมือขึ้น
-แปะ แปะ!
-แปะ แปะ!
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วโรงภาพยนตร์ เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งในงานแถลงข่าวทั่วไป แน่นอนว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้กำกับภาพยนตร์คือ ควอนกีแท็ก ผู้กำกับชื่อดัง พวกเขาจึงต้องแสดงความเคารพ แต่สิ่งนี้ดูเหมือนจะมากกว่าแค่การให้เกียรติธรรมดา
-แปะ แปะ!
เสียงปรบมือของนักข่าวและนักวิจารณ์ดังก้องไปทั่วโรงภาพยนตร์ บ่งบอกถึงความชื่นชมอย่างจริงใจ ใบหน้าทุกคนเปื้อนยิ้มพิมพ์ใจ ราวกับจะเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “สนุกมาก” ต่อมาเหล่านักแสดงที่นั่งเรียงรายอยู่ด้านหน้าจอ รวมถึงผู้กำกับควอนกีแท็กผู้ใจดี ก็ลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่คังวูจินผู้ดูสุขุมเยือกเย็นก็ไม่เว้น
วูจินยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่วางไว้ แม้จะโค้งคำนับอย่างสุภาพเรียบร้อย แต่ในใจกลับปั่นป่วนด้วยความปลาบปลื้ม 'ไม่เหมือนที่ดูตอนทดสอบเลยนี่! สุดยอด สนุกมาก ดูอีกกี่ครั้งก็คงไม่เบื่อ' ความจริงที่ว่าคุณภาพหนังพัฒนาขึ้นกว่าตอนทดสอบนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่เขาก็อดลำเอียงเข้าข้างตัวเองไม่ได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม วูจินและเหล่านักแสดงก็โค้งคำนับนักข่าวและนักวิจารณ์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจากโรงภาพยนตร์ นักข่าวที่ยังคงอยู่ในโรงภาพยนตร์ต่างพิจารณาภาพถ่ายที่ตนเองบันทึกไว้ พลางเก็บสัมภาระของตน
ในเวลาเดียวกัน
“โอ้โห 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' นี่มันดีเกินคาดแฮะ? บอกตรง ๆ เลยว่าผิดหวังกับหนังที่ขายชื่อผู้กำกับกับนักแสดงมาเยอะ รอบนี้เลยไม่ได้หวังอะไรมาก”
“ดีเกินคาด? แค่นั้นเองเหรอ? ให้คะแนนน้อยไปหน่อยมั้ง? ฉันนี่แทบจะกลั้นฉี่ดูเลย”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของนักข่าวที่จับกลุ่มคุยกันดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศในโรงภาพยนตร์ครื้นเครงขึ้นมาทันที
“สมกับเป็นผู้กำกับควอนกีแท็กจริง ๆ ฝีมือการกำกับนี่มัน… หนังเรื่องนี้ต้องดังระเบิดแน่ ฉันนี่ปากพระกาฬ พูดว่าสนุกทีไร หนังดังทุกที”
“ฮ่า ๆ นักข่าวคิม นี่หลงเสน่ห์หนังเข้าให้แล้วสิเนี่ย? เออ… แต่ก็นะ ถ้าเทียบกับหนังที่เข้าฉายช่วงนี้ ต้องบอกว่าคุณภาพต่างกันราวฟ้ากับเหว ความสนุก ความตื่นเต้น เนื้อเรื่อง ไม่มีที่ติเลยจริง ๆ”
“ตั้งแต่ไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นโผล่มา นึกว่าหนังล่าสัตว์ซะอีก… ที่ไหนได้ มนุษย์นี่แหละคือปีศาจตัวจริง”
“โอ๊ะ ๆ สปอยล์ไม่ได้นะ”
แน่นอนว่าเสียงชื่นชมไม่ได้ดังกึกก้องไปเสียทุกทิศ
“สนุกไหม? ฉันว่าตั้งแต่ช่วงที่สัตว์ประหลาดโผล่ออกมา มันเริ่มออกทะเลไปหน่อย”
“เหรอ? อืม— ก็จริงนะ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน รู้สึกเนือย ๆ ตลอดทั้งเรื่องเลย เหมือนถูกยัดเยียดความตึงเครียดที่ไม่มีที่มาที่ไปยังไงก็ไม่รู้”
“ใช่เลย น่าเสียดายจัง ผู้กำกับควอนกีแท็กคงคาดหวังไว้สูงเกินไปหน่อยมั้ง?”
“สเกลใหญ่โตอลังการ แต่น้ำมากเนื้อน้อย”
ทว่านั่นเป็นเพียงเสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา เสียงส่วนใหญ่กลับเปล่งประกายด้วยความประทับใจ คะแนนที่มอบให้ก็สูงลิบลิ่ว
“ไม่มีใครแสดงได้ย่ำแย่เลยใช่ไหม?”
“ใช่เลย พูดได้ถูกต้องทีเดียว ถ้ามีใครสักคนยัดเงินใต้โต๊ะเอาคนแสดงห่วย ๆ มาใส่แม้แต่คนเดียว หนังทั้งเรื่องก็พังพินาศได้ แต่เรื่องนี้ดูแล้วไม่ขัดตาเลยสักนิด ดีจริง ๆ”
อย่างน้อยก็แปดสิบคะแนน เต็มร้อยก็มีให้เห็นเกลื่อนกลาด
“รยูจองมินดูฟอร์มดีกว่าตอนนิติจิตวิทยาอีกนะ ส่วนฮายูราก็หายหน้าหายตาไปพักหนึ่ง นึกว่าจะตะกุกตะกัก ที่ไหนได้ กลับมาคราวนี้แสดงได้ดีมาก”
“พวกนั้นน่ะมีประสบการณ์โชกโชนอยู่แล้วก็ไม่แปลก แต่······คังวูจินนี่สิ มันอะไรกัน? ตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไป ฉันนึกว่าเขาบ้าไปแล้วจริง ๆ”
“เออ— พูดตรง ๆ เรื่องฝีมือการแสดง คังวูจินนี่ไม่มีใครเทียบได้เลย เห็นข่าวซุบซิบบอกว่าโดนผีเข้า แต่ฉันว่าโดนเทพเข้ามากกว่า เทพแห่งการแสดง! อ้า นี่มันคำพูดชั้นยอดนี่นา ต้องเอาไปเขียนลงข่าวซะแล้ว”
“รางวัลนักแสดงสมทบอะไรกัน รางวัลนักแสดงนำสิ นักแสดงนำ! ปีหน้ารับรองได้รางวัลนักแสดงนำแน่ ๆ ไอ้หมอนั่น”
“คุณภาพระดับนี้ ผู้ชมห้าล้านคนสบาย ๆ แน่ ๆ BEP (จุดคุ้มทุน) อยู่ที่เท่าไหร่นะ?”
“แค่สเกลขนาดนี้ กับระดับของนักแสดงก็ราว ๆ ห้าล้านคนแล้วล่ะ”
เหล่านักข่าวทยอยแยกย้ายกันไปหลังจากได้สัมภาษณ์ความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ที่มาร่วมงาน
“ไม่นะ... ตอนที่คังวูจินกับรยูจองมินแสดงคนละบทบาทสวมสองหน้า มีแต่ฉันคนเดียวเหรอที่รู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง?”
ความทรงจำเกี่ยวกับอิมแพคการแสดงอันทรงพลังของคังวูจินยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน
กระแสข่าวเกี่ยวกับ 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วทุกสำนักข่าว
『ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมของผู้กำกับควอนกีแท็ก ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ จัดรอบปฐมทัศน์วันนี้...นักข่าวต่างพากันชื่นชม』
เหล่านักข่าวมากหน้าหลายตาที่เข้าร่วมงานเปิดตัวรอบสื่อ ต่างเร่งนำเสนอข่าวสารกันอย่างไม่รอช้า
『[ภาพถ่าย] นักแสดงนำของ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’! รยูจองมิน คังวูจิน ฮายูรา และคนอื่น ๆ ชูสองนิ้วโป้ง/ภาพถ่าย』
『‘เสียงชื่นชมดังกึกก้อง’ นักวิจารณ์ที่เข้าร่วมงานเปิดตัว ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ต่างมีสีหน้าเปี่ยมสุข』
แน่นอนว่าคำชื่นชมเหล่านั้นล้วนมาจากใจจริง แม้จะได้รับชมภาพยนตร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่นักข่าวที่เข้าร่วมงานเปิดตัวมักจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา หากภาพยนตร์ไม่สนุก พวกเขาก็พร้อมจะเขียนบทความวิจารณ์ในแง่ลบโดยไม่ลังเล แต่ ณ ขณะนี้ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ยังคงไร้เสียงวิจารณ์ในเชิงลบใด ๆ
『“ไร้ที่ติในด้านการแสดง” เหตุผลที่ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ควรค่าแก่การจับตามอง』
ทว่าการเปิดตัวรอบสื่อยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ยังมีรอบฉายอีกหลายรอบก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉายจริง นั่นหมายความว่า กลยุทธ์ทางการตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ของ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์ก่อนเข้าฉายจริง จึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอีกหลายเท่าตัว
เวลาผ่านไปราวสองวัน
เดือนเมษายนก็ลาลับ เดือนพฤษภาคมเริ่มต้นขึ้น วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม ช่วงเวลาที่การประชาสัมพันธ์ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ กำลังแผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ภาพยนตร์เรื่อง "เกาะแห่งผู้สูญหาย" เดิมทีมีกำหนดฉายในวันที่ 20 พฤษภาคม แต่ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี
วันที่ 19 พฤษภาคม วันหยุดสำคัญทางศาสนา "เกาะแห่งผู้สูญหาย" ก็ได้ฤกษ์ออกฉายสู่สายตาผู้ชม
ในตอนนั้นเอง คังวูจินเหยียบผืนแผ่นดินญี่ปุ่นอีกครั้ง
[คุยข่าวดารา] ข่าวคราวเกี่ยวกับ "เกาะแห่งผู้สูญหาย" เริ่มใกล้เข้ามาทุกขณะ คังวูจินกล่าวอำลาสื่อมวลชนก่อนเดินทางกลับญี่ปุ่น/ภาพถ่าย
ด้วยตารางงานที่รัดตัวราวกับใยแมง วูจินจึงจำต้องเดินทางกลับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การกลับมาเกาหลีอีกครั้งของเขาคงเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมโน่น หมายความว่า เขาจะต้องเฝ้าติดตามความเป็นไปของ "เกาะแห่งผู้สูญหาย" จากแดนปลาดิบ แม้ตัวจะไม่อยู่ในเกาหลี แต่ผลงานของเขาก็ยังคงโลดแล่นต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพยนตร์เรื่อง "ปลิง"
"คัท! NG ฮีรยอง ฉันอยากให้แววตาของเธอสื่อถึงความขัดแย้งภายในมากกว่านี้อีกหน่อยนะ"
"ค่ะ ผู้กำกับ ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ"
"เอาใหม่"
"ปลิง" เหมือนขบวนรถไฟที่กำลังเร่งเครื่อง พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าคังวูจินจะอยู่ในกองถ่ายหรือไม่ก็ตาม ทุก ๆ วันมันเพิ่มความเร็วและความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ผู้กำกับอันกาบกต้องทำงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน หลายครั้งต้องอดหลับอดนอนเพื่อทำงานข้ามคืน
เพราะต้องถ่ายทำไปพร้อมกับตัดต่อเบื้องต้น
หากไม่เร่งมือให้ทัน ก็คงไม่มีทางไปให้ทันเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ได้แน่นอน
เวลาผ่านไปสี่วัน
มีการจัดฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง “เกาะแห่งผู้สูญหาย” ให้แก่ผู้ชมตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยมีผู้ชมจำนวนมาก รวมถึงคนรู้จักของนักแสดงจาก “เกาะแห่งผู้สูญหาย” ได้รับเชิญมาร่วมงานด้วย เช่น ในกรณีของคังวูจิน ก็มีPDซงมันวูจาก “มารร้ายผู้แสนดี” และนักเขียนชเวนานา
“ว้าว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้รับเชิญมางานแบบนี้ แปลกใหม่ดีจัง...”
“น่าเสียดายที่เราคงไม่ได้เจอคุณวูจินนะ”
“หือ? หมายความว่านักแสดงจะมาร่วมงานด้วยเหรอคะ?”
“ผมได้ยินมาว่ามีกำหนดการขึ้นเวทีทักทาย ยกเว้นคุณวูจินที่ไปญี่ปุ่นแล้ว นักแสดงคนอื่นน่าจะมาร่วมงานด้วย”
“สุดยอดไปเลย”
“คงต้องทำใจและพอใจกับการได้เห็นคุณวูจินในผลงานไปก่อนล่ะนะ”
“ฉันตื่นเต้นมากเลยค่ะ ดูตัวอย่างแล้ว บทของคุณวูจินคาดเดาไม่ได้เลย”
“ฮ่า ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนกัน อยากรู้ว่าการแสดงครั้งนี้ของเขาจะทำให้คนดูตะลึงพรึงเพริดยังไงบ้าง แต่ยังไงก็คงแตกต่างจากตอนที่เขารับบทอีซังมัน”พ่อค้ายาเสพติด“ครั้งนั้นก็ดังมากอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นตัวเอกเต็มตัวเลยนะ”
รวมถึงผู้จัดการทั่วไปคิมโซฮยางและผู้บริหารระดับสูงของ Netflix เกาหลี และแน่นอนว่ามีบุคคลมากมายที่เคยร่วมงานกันในผลงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ผู้กำกับชินดงชุนจาก “สำนักงานนักสืบ” ไปจนถึง “ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล” และ “เพื่อนชาย”
ฮวาลินก็ได้รับเชิญเช่นกัน แต่
“ขอผ่านละ ฉันจะดูหนังของคุณวูจินอย่างตั้งใจตอนดึก ๆ ที่บ้าน ในฐานะแฟนคลับ ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน”
เธอดูจะมุ่งมาที่นี่ในฐานะแฟนคลับมากกว่าจะมาร่วมงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ ทั้งผู้กำกับคิมโดฮีแห่ง "พ่อค้ายาเสพติด" และเหล่านักแสดงก็เช่นกัน
“ในที่สุดหนังที่คุณวูจินแสดงนำก็เข้าฉายแล้วนะครับ แต่ว่า... ผู้กำกับ? ทำไมดูสีหน้า...”
“เฮ้อ... รู้สึกแปลก ๆ แหละค่ะ มันก็น่าดีใจอยู่หรอก ฉันเองก็รู้ว่าควรสนับสนุน แต่อีกใจก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงดีกว่า”พ่อค้ายาเสพติด" แน่” ผู้กำกับคิมโดฮีถอนหายใจยาว แววตาฉายแววกังวลอย่างปิดไม่มิด
“ผมก็ใจหายนิดหน่อยเหมือนกันครับ แต่วงการหนังก็เป็นแบบนี้มาตลอดนี่ครับ ผมตื่นเต้นมากกว่าเสียดายนะ อยากรู้ว่าคราวนี้คุณวูจินจะถ่ายทอดตัวละครออกมาได้สุดยอดขนาดไหน นอกจากบทอีซังมันแล้ว”
“ฉันก็คิดเหมือนกัน พอคิดแล้วก็ร้อนใจ ไปกันเถอะ”
อีวอลซอน นักเขียนชื่อดังแห่ง "รักน้ำค้างแข็ง" ก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ทุกคนจะไม่ได้มารวมตัวกันที่โรงภาพยนตร์เดียวกัน แต่ก็ถือเป็นการรวมตัวของบุคคลสำคัญในวงการอย่างคับคั่ง
บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น
แต่ภาพความร้อนแรงเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับ "เกาะแห่งผู้สูญหาย" เท่านั้น เดือนพฤษภาคม เดือนแห่งครอบครัว ถือเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นช่วงไฮซีซั่นของวงการภาพยนตร์ นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงราวเดือนกันยายน ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและวันหยุดยาวต่าง ๆ จะทำให้โรงภาพยนตร์มีผู้ชมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
แน่นอนว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ "เกาะแห่งผู้สูญหาย" และพวกเขาก็ตั้งใจเลือกวันฉายในช่วงไฮซีซั่นนี้
ปัญหาคือ
『"วันวิสาขบูชา" 19 พฤษภาคม มีหนังเข้าฉายถึง 4 เรื่อง รวมทั้ง "เกาะแห่งผู้สูญหาย" วงการหนังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นอย่างเป็นทางการ』
ภาพยนตร์เรื่องใหม่ ๆ มากมายเตรียมลงโรงฉาย ทั้งผลงานฟอร์มยักษ์จากผู้กำกับระดับตำนาน และภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ภาพยนตร์ฮอลลีวูดก็จะเข้าฉายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะค่ายหนังทั้งเกาหลีและต่างประเทศต่างก็ไม่ยอมพลาดโอกาสทองในการกอบโกยรายได้ในช่วงเวลานี้
กล่าวคือ
『ในยามนี้ โรงภาพยนตร์ได้กลายเป็น "สมรภูมิรบ" ใครกันที่จะกุมชัยชนะในสงครามภาพยนตร์ครั้งนี้? การเลือกเฟ้น "ภาพยนตร์ตัวท็อป" จึงเป็นเรื่องที่ทุกสายตาจับจ้อง』
นั่นหมายความว่า "เกาะแห่งผู้สูญหาย" จะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งมากมายเหลือคณานับ
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_