บทที่ 19 ต้อนรับชีวิตใหม่ (2)
วันที่สอง จัวเซ่าไม่ได้ไปเรียน แต่ไปที่สถานีตำรวจแทน
ในสถานีตำรวจ จัวหรงหมิงให้เงินจัวเซ่าสามหมื่นหยวนและเขียนใบแสดงหนี้ให้เขาอีกสองหมื่นหยวน จากนั้นเขาก็เหลือบมองมายังจัวเซ่าด้วยสายตาโกรธเคือง และจากไปพร้อมกับจัวเจียเป่า
หลังจากนั้นจัวหรงอู้ก็นำบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของจัวเซ่าที่ทำใหม่ไปที่ธนาคาร เพื่อทำสมุดบัญชีเงินฝากให้แก่จัวเซ่าและฝากเงินสามหมื่นหยวนในนั้น
“จากนี้ป้าจะมาหาเธอบ่อย ๆ ทุกเดือนป้าจะเอาเงินให้เธอห้าร้อยหยวนเอาไว้ใช้จ่าย ถ้าเธอจะจ่ายค่าเทอมอะไรพวกนั้น ป้าก็จะมาด้วย” จัวหรงอู้กล่าว
“ขอบคุณครับป้า” จัวเซ่ากล่าวขอบคุณป้าของเขาด้วยความซาบซึ้ง ด้วยอายุของเขาตอนนี้ ไม่อาจถอนเงินด้วยตนเองคนเดียวได้
เวลานี้ภายในอำเภอฟูหยางไม่มีตู้เอทีเอ็ม อีกทั้งผู้คนก็ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้บัตรเอทีเอ็มนัก
“ขอบคุณป้าทำไมเหรอ?” จัวหรงอู้เอ่ยถาม พาจัวเซ่าไปบ้านที่พ่อแม่ของเขาทิ้งเอาไว้ให้
นี่เป็นครั้งแรกที่จัวเซ่าได้กลับมายังสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมานับตั้งแต่วันที่เขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง...ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลากลับมาดูที่นี่มาก่อน
บ้านที่พ่อแม่ของจัวเซ่าสร้างเป็นอาคารสองชั้น ภายนอกติดกระเบื้องโมเสคและกระเบื้องเซรามิก แผ่นกระเบื้องใช้กระเบื้องแดงแผ่นใหญ่ หน้าต่างเป็นสีฟ้า ภายนอกดูสวยงามมาก
ที่ตั้งของอำเภอฟูหยางอยู่ติดทะเล เนื่องจากที่ดินน้อยลงและประชากรมากขึ้น จึงมีบ้านไร่น้อยมากที่ได้รับการอนุมัติในหมู่บ้าน ดังนั้นตั้งแต่ช่วงปี 80 เป็นต้นมา เมื่อมีคนเริ่มสร้างบ้านสองชั้น คนอื่น ๆ ก็เริ่มสร้างตามจนตอนนี้ทุกบ้านล้วนเป็นแบบนี้
อาคารสองชั้นเหล่านั้นสร้างขึ้นในช่วงยุค 80 หรือต้นยุค 90 กระเบื้องมุงหลังคาเป็นสีดำเทา ผนังด้านนอกทาด้วยปูนขาว ชั้นบนมีเพียงสองห้อง อาคารมีลักษณะเป็นสีเทา แต่บ้านที่สร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกือบทั้งหมดแทบจะเหมือนกับบ้านของจัวเซ่า
แน่นอนว่าภายนอกของบ้านเหล่านี้ล้วนสวยงาม แต่ภายในนั้นธรรมดามาก ทั้งธรรมดาและยังไม่ได้ตกแต่งอะไร เหมือนกับบ้านของจัวเซ่า ภายในไม่ได้ตกแต่งอะไร พื้นดินเทด้วยปูนซีเมนต์
แต่ครอบครัวของเขาตกลงกันแล้ว พ่อแม่ของเขาได้ทำห้องน้ำไว้ชั้นบนและได้ติดตั้งชักโครกเอาไว้ด้วย
ในเวลานี้ผู้คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังใช้ห้องส้วมกันอยู่
ตอนนี้บ้านหลังนี้จัวหรงหมิงให้ครอบครัวหนึ่งที่เป็นคนนอกหมู่บ้านที่เลี้ยงปศุสัตว์เช่า
ในอำเภอฟูหยางไม่มีใครเลี้ยงวัว ครอบครัวนี้ย้ายมาจากนอกเมืองเมื่อครึ่งปีก่อน นาน ๆ ทีจะไปซื้อวัวสองสามตัวแล้วเอามาฆ่าเพื่อนำเนื้อไปขาย ตอนนี้ยังมีแผงผักอยู่ในตลาดที่อำเภอฟูหยางด้วย กิจการเป็นไปได้ด้วยดี
ทุกครั้งที่พวกเขาไปซื้อวัว จะซื้อประมาณเจ็ดถึงแปดตัว เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าวัวทั้งหมดนี้ในคราวเดียว จึงต้องเลี้ยงเอาไว้...
ต้องเลี้ยงวัว พวกเขาจึงไม่สามารถไปเช่าห้องในเมืองได้ ก็เลยเช่าบ้านของจัวเซ่า ชั้นล่างใช้สำหรับเลี้ยงและฆ่าวัว ส่วนชั้นบนใช้เป็นที่อยู่อาศัย
เพราะพวกเขาอยู่ที่นี่ได้ไม่เลว พวกเขาจึงชวนญาติจากบ้านเกิดมาอาศัยอยู่ด้วยกัน แน่นอนว่าญาติของพวกเขาเลิกขายเนื้อวัวแล้ว แต่เปลี่ยนมาทำงานที่โรงงานใกล้เคียงแทน
จัวเซ่ารู้เรื่องพวกนี้ตอนที่ให้พวกเขาย้ายออกในชีวิตก่อน จัวเซ่าไล่พวกเขาออกไปด้วยความโมโห
ส่วนทำไมเขาถึงโกรธ...
ทันทีที่จัวเซ่าและจัวหรงอู้เดินเข้าประตูมา ก็ได้กลิ่นเหม็นของมูลวัว ในเวลาเดียวกันก็เห็นหนังวัวเรียงซ้อนกันอยู่ในห้องหลักที่หันไปทางทิศใต้ ที่มุมหนึ่งของบ้านก็มีเขาวัวกองเอาไว้...
ในตอนนั้นจัวเซ่าและครอบครัวจัวหรงหมิงวิ่งกลับไปพร้อมน้ำตานองหน้า พวกเขาต่างตกใจเมื่อเห็นฉากตรงหน้า แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรับไม่ค่อยได้นัก
ใช้ชีวิตมายี่สิบปี ใครจะรับสภาพแวดล้อมที่เละเทะ ยุ่งเหยิง มีแมลงยั้วเยี้ยไปหมดแบบนี้ได้กัน?
ในตอนแรกจัวเซ่าวางแผนที่จะพาจัวถิงกลับมาใช้ชีวิตที่นี่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เขาลังเลเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะทำความสะอาดบ้านได้เป็นอย่างดีแค่ไหน แต่ดูแล้วกลิ่นคงไม่หายไป
สีหน้าของจัวหรงอู้ไม่ค่อยดีนัก “นี่น่ะเหรอบ้านใหม่! ไม่คิดว่าจัวหรงหมิงจะนิสัยแย่ขนาดนี้!” บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน น้องชายของเธอยังบอกด้วยว่าบ้านหลังนี้จะใช้สำหรับการแต่งงานของจัวเซ่าในอนาคต ไม่คิดว่าจะถูกคนนิสัยเสียทำให้กลายเป็นแบบนี้!
“พวกคุณมาทำอะไรกัน? ต้องการซื้อเนื้อวัวเหรอ?” มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากบ้านและเอ่ยถามขึ้นมาทันที เธอเป็นคนเช่าที่นี่ ครอบครัวของเธอมีแผงขายผักอยู่ในตลาด แต่ในหมู่บ้านมีคนเยอะมาก พวกเขามักจะตรงมาที่บ้านของเธอเพื่อซื้อเนื้อ เธอคิดว่าจัวหรงอู้และจัวเซ่าก็เป็นเช่นนั้น
“ไม่ใช่ ฉันมาดูบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านของฉัน” จัวเซ่าเอ่ย
ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึง
จัวหรงอู้เรียกคนจากหมู่บ้านเพื่อมายืนยันว่าบ้านหลังนี้เป็นของจัวเซ่าจริง ๆ
“งั้นต่อไปพวกเราต้องจ่ายค่าเช่าให้กับคุณใช่ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นถามพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงอายุสองหรือสามขวบ
“พวกคุณย้ายออกไปก็พอ ตอนนี้เขาไม่มีที่อยู่” จัวหรงอู้เอ่ย
“แต่พวกเราจ่ายค่าเช่าบ้านไปแล้ว...” เมื่อผู้หญิงคนได้ยินก็รู้สึกไม่มีความสุขนัก
ไม่ใช่ว่าเธอเสียดายบ้านหลังนี้ แต่ก็ตัดใจทิ้งบ้านหลังนี้ไม่ลง
พวกเขาเลี้ยงฝูงวัว แม้บ้านจะเล็กเกินกว่าจะอาศัยอยู่ แต่บ้านหลังใหญ่ก็เช่าไม่ง่าย ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็มีบ้านกันหมด แต่บ้านพวกนั้นเป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ จะมีใครให้พวกเขาเช่ากัน?
“ค่าเช่าบ้านพวกคุณก็ไปเอาคืนจากคนที่ให้เช่าได้เลย” จัวหรงอู้เอ่ย
“แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็หาบ้านที่จะย้ายไปอยู่ไม่ได้ทันที...”
จัวเซ่ารู้ว่าครอบครัวนี้ยังสามารถหาที่ที่จะย้ายไปอยู่ได้ ในชีวิตก่อน ต่อมาครอบครัวนี้ได้เช่าโรงเลี้ยงหมู พร้อมสนามหญ้าและบ้านที่หันไปทางทิศเหนืออีกสองหลังที่สร้างโดยครอบครัวในหมู่บ้าน
เพียงแต่...
จัวเซ่าดึงเสื้อของจัวหรงอู้
“จัวเซ่า มีอะไรเหรอ?” จัวหรงอู้ถาม
“ป้าครับ ผมกับน้องจะยังไม่กลับมาอยู่ที่นี่”
“งั้นพวกเธอจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?” จัวหรงอู้ขมวดคิ้ว
“เราสามารถใช้เงินที่พวกเขาจ่ายค่าเช่าไปเช่าบ้านในเขตปกครองได้” จัวเซ่าพูดและมองไปทางหญิงสาว “พวกคุณเช่าบ้านผมเดือนล่ะเท่าไร?”
“สามร้อยห้าสิบหยวน” ผู้หญิงคนนั้นตอบ ในตอนแรกที่พวกเขาเช่าที่นี่ จัวหรงหมิงเก็บค่าเช่าเพียงสองร้อยหยวน แต่ต่อมาพวกเขามีคนมาอยู่เพิ่ม จัวหรงหมิงจึงขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละสามร้อยห้าสิบหยวน
“จากนี้ถ้าคุณจ่ายให้ผมเดือนละห้าร้อยหยวน ผมก็จะให้พวกคุณเช่าต่อ” จัวเซ่าเอ่ย
จัวหรงอู้ประหลาดใจที่ได้ยินว่าบ้านของจัวเซ่าถูกเช่าในราคาสามร้อยห้าสิบหยวน และยิ่งประหลาดใจที่ได้ยินว่าจัวเซ่าให้จ่ายค่าเช่าห้าร้อยหยวน
ทุกวันนี้หลายคนมีรายได้เพียงห้าหรือหกร้อยหยวนต่อเดือน!
เป็นผลให้ผู้หญิงคนนั้นคิดแล้วคิดอีก และสุดท้ายก็ตอบตกลง “ได้ แต่จากนี้ไม่สามารถเพิ่มค่าเช่าตามใจได้”
จัวหรงอู้รู้สึกประหลาดใจมาก แต่จัวเซ่าไม่แปลกใจ ในชีวิตก่อนตอนที่เขาไล่ครอบครัวนี้ออกไป พวกเขาบอกว่าสามารถเช่าบ้านหลังนี้ได้ในราคาห้าร้อยหยวนต่อเดือน
ในเวลานี้ค่าแรงของคนก็น้อยจริง ๆ แต่รายได้จากการค้าขายไม่เลวเลย อีกทั้งบ้านของจัวเซ่าค่อนข้างใหญ่ ชั้นบนมีทั้งหมดเจ็ดห้อง คุ้มค่ากว่าถ้าปล่อยให้พวกเขาเช่า
สำหรับจัวเซ่า นี่เป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก
ในเวลานี้ถ้าเช่าบ้านเก่าแบบหนึ่งห้องนอนในเขตปกครอง หนึ่งร้อยหยวนก็เพียงพอแล้ว และเงินที่เหลือก็เพียงพอสำหรับเขาและจัวถิงที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน