บทที่ 19 ต้อนรับชีวิตใหม่ (1)
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในบ้านเก่าของจัวหรงหมิง
ท้องฟ้ามืดแล้ว ภายในห้องเล็ก ๆ นี่อัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย มีจัวหรงหมิง จัวเจียเป่า ในขณะเดียวกันป้าและลุงเขยของจัวเซ่าก็ถูกเรียกมา
ปู่ของจัวเซ่ามีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน จัวหรงอู้ ป้าของจัวเซ่าเป็นลูกคนโต
จัวหรงอู้คนนี้ เมื่อเทียบกับจัวหรงหมิงย่อมดีกว่ามาก ในตอนที่พ่อแม่ของจัวเซ่าจากไป เธอร้องไห้ออกมาอย่างจริงใจอยู่เป็นเวลานาน ต่อมายังให้เงินจัวเซ่าอีกร้อยหยวน
แต่เธอเป็นผู้หญิงที่แกร่งมาก เป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ จัวเซ่าจำได้ว่าในงานศพ จัวหรงหมิงขอให้จัวหรงอู้ออกเงินค่าใช้จ่าย โดยอ้างว่าพ่อแม่ของจัวเซ่าไม่ได้ทิ้งเงินเอาไว้ให้ แต่จัวหรงอู้ไม่ยอม และยังด่าจัวหรงหมิงไป
ในชีวิตก่อนตอนที่เกิดเรื่อง จัวเซ่าอยากให้เธอดูแลจัวถิง แต่เธอไม่ยอม เพราะรู้สึกว่าจัวถิงไม่ใช่คนบ้านจัว
ผู้หญิงแบบนี้ เธอไม่น่าจะรวมหัวกับพวกจัวหรงหมิงเรื่องเงินของจัวเซ่า แต่เมื่อได้รู้ว่าพ่อแม่ของจัวเซ่าทิ้งเงินมากมายเอาไว้ให้ ทั้งยังถูกความโลภของจัวหรงหมิงเอาไป แน่นอนว่าเธอไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย
และจัวเซ่า...หากไม่ใช่ว่าเพราะจู่ ๆ ก็พบว่าพ่อแม่ทิ้งเงินมากมายเอาไว้ให้ เขาคงไม่คิดที่จะตามป้าของตนมาแน่
เมื่อจัวเซ่าเห็นป้าของเขา ก็พูดออกไปว่า “ป้าครับ ลุงเอาเงินแสนกว่าหยวนที่พ่อแม่ของผมทิ้งไว้ให้ไป ทั้งยังไม่เคยให้พวกเราได้กินจนอิ่มท้องเลย” หลังจากนั้นจัวหรงอู้ก็ทะเลาะกับจัวหรงหมิงอย่างรุนแรง และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกห้องเต็มไปด้วยความวุ่นวาย จัวเซ่าพาจัวถิงกลับเข้าไปในห้องของพวกเขา ไม่ได้เข้าไปแทรกอะไร
เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้จริง ๆ คนด้านนอกต่างรู้สึกว่าเด็ก ๆ ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
“พี่ ต่อไปพวกเราจะทำยังไงกันดี?” จัวถิงมองไปยังจัวเซ่า เอ่ยถามด้วยความกังวล
“ถิงถิง จากนี้เราสองคนใช้ชีวิตด้วยกัน แค่พวกเราสองคน” จัวเซ่าเอ่ย
จัวเซ่าวางแผนจะเริ่มจากการนำบ้านของพ่อแม่คืนมา จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับจัวถิง
เขายังไม่เป็นผู้ใหญ่ อายุยังไม่ถึงสิบหก แต่เขาเชื่อว่าตนสามารถดูแลและเลี้ยงดูจัวถิงได้เป็นอย่างดี
และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าจัวหรงหมิงมีเงินอยู่ในมือ ทั้งยังมีป้าของเขาเข้ามาร่วมด้วย...เขารู้สึกว่าตนเองได้กำจัดจัวหรงหมิง และในขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าจะได้เงินจากจัวหรงหมิงด้วย
เพียงแต่บ้านนั้นเป็นของจัวเจียเป่า เขาเกรงว่าคงไม่ได้มันมา
เขายังเด็กเกินไป มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และจัวหรงอู้ก็ยินดีที่จะทะเลาะกับจัวหรงหมิงเพื่อเขา แต่คงไม่มีทางฟ้องจัวหรงหมิงเพื่อเขาอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้ก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น รอเขาโตแล้ว สิ่งที่ควรเป็นของเขา เขาจะเอาคืนมาทั้งหมดแน่นอน!
ใบหน้าของจัวเซ่าไม่ได้แสดงอารมณ์ใด เขาและจัวถิงช่วยกันทำความสะอาดห้องของพวกเขา
หลังจากมาถึงที่นี่ จัวเจียเป่าคิดว่าจัวเซ่าอาจจะซ่อนเงินเอาไว้ที่นี่ เขาจึงรื้อห้องของจัวเซ่าและโยนข้าวของของจัวเซ่ากับจัวถิงจนภายในห้องรกไปหมด...แน่นอนว่าจัวเจียเป่าหาเงินไม่เจอเลย แต่กลับพบข้าวที่ถูกล็อคเก็บเอาไว้ในห้องแทน นั่นยิ่งทำให้ตำรวจรู้สึกแย่กับจัวเจียเป่าขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อจัวเซ่าทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว การทะเลาะด้านนอกก็จบลงเช่นกัน
ที่จริงแล้วจัวหรงหมิงไม่ต้องการที่จะเลี้ยงจัวเซ่า แต่เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะคืนเงินจัวเซ่าเช่นกัน
จัวหรงอู้ด่าจัวหรงหมิงอยู่ตลอด เธอเป็นยายแล้ว ไม่สามารถที่จะพาจัวเซ่ากลับไปเลี้ยงได้ และก็ไม่ได้อยากจะได้เงินของจัวเซ่าด้วย แต่เธอยอมไม่ได้ที่จะเห็นจัวหรงหมิงเอาเปรียบขนาดนี้
เธอรู้สึกว่าจัวหรงหมิงควรมอบบ้านหลังใหม่ให้กับจัวเซ่า และควรให้เงินจัวเซ่าอีกสามหมื่นหยวน
เพราะจัวเจียเป่าให้ตำรวจไปที่บ้านของตนเพื่อสอบสวนคดี ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงรู้ว่าจัวหรงหมิงได้เงินจากพ่อแม่จัวเซ่าอีกแสนกว่าหยวน แต่ยังรู้อีกว่าเขามีใบรับรองเงินฝากอีกสามหมื่นหยวน
ทะเลาะกันจนถึงสามทุ่มแล้วเรื่องนี้ก็ยังคงไม่ได้ข้อสรุป เพราะชวีกุ้ยเซียงไม่ได้อยู่ที่นี่ จัวหรงหมิงและจัวเจียเป่าทั้งสองคนเห็นได้ชัดว่าเสียเปรียบมาก
และในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็สามารถเจรจากันได้
บ้านหลังใหม่นั้น หลังจากจัวหรงหมิงซื้อบ้านหลังนั้นก็เปลี่ยนเป็นชื่อของจัวเจียเป่า คงยากหากจะให้บ้านหลังนั้นเป็นของจัวเซ่า แต่บ้านเดิมของพ่อแม่จัวเซ่าต้องกลับมาเป็นของจัวเซ่าตามเดิม
นอกจากนี้ครอบครัวของจัวหรงหมิงยังต้องให้เงินจัวเซ่าอีกห้าหมื่นหยวน
จัวหรงหมิงยืนยันว่าพ่อแม่ของจัวเซ่าไม่ได้ทิ้งเงินอะไรเอาไว้ให้ และบอกว่านั่นเป็นเงินของตนเองอยู่แล้ว ยอมรับเพียงเรื่องเงินชดเชยห้าหมื่นหยวนเท่านั้น ทุกคนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมรับตามนั้น
หลังจากปรึกษากันแล้ว จัวเซ่าก็ถูกเรียกออกมา
“จัวเซ่า เธอคิดว่าแบบนี้โอเคไหม ?” ตำรวจเหล่านั้นเอ่ยถาม จากนั้นก็พูดถึงอนาคตของจัวเซ่า “จากนี้เธอก็ไปอาศัยอยู่กับป้า...”
เมื่อได้ยินดังนั้น จัวหรงอู้ก็ลังเลเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไร แต่เป็นจัวเซ่าที่พูดคัดค้านขึ้นมา “ไม่ครับ ผมสามารถทำอาหารและซักผ้าเองได้ สามารถอยู่กับถิงถิงสองคนได้ครับ”
“นี่...ด้วยอายุของเธอยังเด็กเกินไป” ทุกคนในที่นั้นต่างอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“ผมไม่เป็นไรครับ แล้วก็บ้านของป้าก็ไกลเกินไป ไปเรียนไม่สะดวก” จัวเซ่าพูดเหตุผลของเขาออกมา
ทันทีที่จัวเซ่าพูดออกมา ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
บ้านของจัวหรงอู้ค่อนข้างไกลจริง ๆ หากจัวเซ่าและจัวถิงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอ ก็ต้องปั่นจักรยานกว่าครึ่งชั่วโมงมาโรงเรียน หากเดินต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง
ในเมืองใหญ่ หากคุณมีรถ ระยะทางเท่านี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่ขณะนี้ในเมืองฟูหยางมีรถประจำทางไม่มากนัก
บ้านพ่อแม่ของจัวเซ่าอยู่ในชนบท ค่อนข้างสะดวกมากกว่า จัวเซ่าเดินจากบ้านไปโรงเรียนใช้เวลาเพียงสี่สิบนาที และใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีหากขี่จักรยาน
ทุกคนพูดคุยกันอีกครั้ง สุดท้ายก็รู้สึกว่าจัวเซ่าสามารถอยู่คนเดียวได้
ให้จัวเซ่าอาศัยอยู่คนเดียว ดีกว่าปล่อยให้เขาอยู่กับครอบครัวของจัวหรงหมิงต่อไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนหิว ไม่ต้องถูกทุบตี
หลังจากที่จัวหรงอู้บอกว่าจะมาเยี่ยมจัวเซ่าบ่อย ๆ ทุกคนก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร
จัวเซ่าก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
เขาลงแรงไปไม่น้อย เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาน่าสงสารขนาดไหน ในที่สุดเขาก็กำจัดครอบครัวจัวหรงหมิงออกไปได้สักที
มุมปากของจัวเซ่ายกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สบเข้ากับสายตาขุ่นเคืองของจัวเจียเป่า
จัวเซ่าหันไปยิ้มให้เขา
จัวเจียเป่ายืนขึ้นและมองมายังจัวเซ่าด้วยสายตาโกรธเคือง หมายจะพุ่งเข้ามาทำร้าย แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ ตำรวจก็หยุดเขาไว้เสียก่อน
จัวเจียเป่าและจัวหรงหมิงทั้งสองคน สุดท้ายก็ถูกตำรวจคุมตัวพาออกไปจากบ้าน เมื่อพวกเขาจะจากไป ยังกำชับให้จัวเซ่าล็อคบ้านให้เรียบร้อย
จัวเซ่าตอบรับอย่างว่าง่าย