ตอนที่แล้วบทที่ 17 ลำดับชั้นแวมไพร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 18 แผนการ


บทที่ 18 แผนการ

ตระกูลแวมไพร์ สายเลือดโบโคแล็กสาขาเมืองอจันตุ

มันเป็นกองกำลังที่ควบคุมเมืองเล็กๆ ทางตะวันตกของอาณาจักรทาเลียได้อย่างเด็ดขาด

แล้วเขาก็ได้กลายเป็นแวมไพร์ภายใต้กองกำลังนี้

'แต่ที่น่าแปลกใจคือกลับไม่มีอะไรให้ทำมากนัก...'

การฝึกอบรมกินเวลาหลายวัน แต่พวกเขาไม่ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนกับเขาเลย

การบริหารเมืองทั้งหมดได้รับการจัดระเบียบมาเป็นเวลานาน ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยตัวของมันเอง และเหล่าแวมไพร์ต้องจัดการเพียงแค่ว่าองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารรองจากพวกเขา ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างถูกต้องหรือไม่

‘เนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาว พวกมันจึงค่อนข้างใช้ชีวิตอย่างสบายๆ’

เขาคิดว่าพวกเขายอมรับเขาแทนแวมไพร์ที่ตายไปก่อนหน้านี้ แต่แทนที่จะส่งมอบอำนาจอย่างเป็นทางการ พวกเขากลับให้เขารอไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งพิเศษใดๆ เข้ามา

เขาจึงสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวเองให้คนในเมืองเห็นมากเกินไป วิธีนี้ช่วยให้เขาสนทนากับพี่น้องได้มากขึ้นในช่วงเย็น แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแบ่งเวลาสนทนาให้สมดุล เพราะหากสนทนามากเกินไปก็จะดึงดูดความสนใจ

“บางทีฉันอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ฮันส์มาดึงความสนใจของพวกเขา และออกจากเมืองไปเหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้ในตอนแรก”

เขาไม่ได้สนใจที่จะอยู่กับแวมไพร์ เพราะพวกนี้ปฏิบัติต่อมนุษย์ในเมืองเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง

และตอนนี้พวกเขาไม่ได้เอาเลือดมาให้เขาดื่มแล้ว

พวกเขาบอกว่ามันเป็นเพียงวิธีการสำหรับผู้ที่ลังเลใจที่จะดื่มเลือด และเขาจะชินกับมันไปเองเมื่อถึงเวลา…

'ฉันเดาว่าฉันคงไม่สามารถอยู่กับคนพวกนี้ได้นาน'

ปกติเขาก็ไม่ค่อยชอบแวมไพร์มากนัก ดังนั้นเขาค่อนข้างไม่สบายใจเลยที่ต้องอยู่ร่วมกับพวกเขา

เขาเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมที่จะหลบหนีออกไป

เวอร์รักที่เป็นเลือดบริสุทธิ์และเป็นผู้ปกครองสูงสุดของอจันตุ จู่ๆ ก็ออกคำสั่งเรียกแวมไพร์ทั้งหมดออกมา

“จู่ๆเกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่บ่อยนักที่เขาเรียกพวกเราแบบนี้ นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่เขาไม่ออกคำสั่งเช่นนี้”

แวมไพร์ราวๆ สามสิบตัวที่ปกติอาศัยอยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมืองก็เริ่มมารวมตัวกันที่ล็อบบี้ของคฤหาสน์

“งั้นคุณก็เป็นลูกครึ่งคนใหม่ที่ได้รับสายเลือดมาคราวนี้สินะ คุณโชคดีจัง”

“จิ๊ ฉันสงสัยจังว่าอะไรทำให้รีร์รักยอมรับสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยเช่นนี้…”

บางคนซึ่งเขาเห็นเป็นครั้งแรก จึงพูดดูถูกเขาออกมา

พวกเขาดูเหมือนเป็นขุนนางทั่วๆ ไปที่รู้สึกเหมือนเหนือกว่าคนธรรมดาทุกคน

'มันเหมือนกับภาพของแวมไพร์ที่อยู่ในใจของฉันเลย!'

จากนั้นรีร์รักก็เดินเข้ามาในล็อบบี้

"สวัสดี วีร์รัก"

“ท่านลอร์ดยังสง่างามเหมือนเดิม”

“ท่านลอร์ดวีร์รักบอกฉันมาว่าคุณต้องการอะไร”

เหล่าแวมไพร์รุมล้อมรีร์รักและพูดออกมาอย่างเสียงดัง

สถานะของพวกเลือดบริสุทธิ์ดูจะสูงกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

"ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะมาถึงแล้ว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า"

หลังจากทักทายกันอย่างเหมาะสมแล้ว วีร์รักก็ขึ้นบันไดล็อบบี้และเริ่มพูดคุย

“ชิ้นส่วนของราชาอมตะที่อยู่ในมือของการหวนคืนของคำพิพากษาได้หายไปแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ก็มีเสียงพึมพำดังขึ้น แต่โชคดีที่ทุกคนรอบข้างต่างส่งเสียงดัง ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ

“มีพวกพ่อมดในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เรากำลังซ่อนตัวและเพื่อหลอมให้ชิ้นส่วนนั้นสมบูรณ์...”

โรซิลลิกาซึ่งเข้ามาหาเขาโดยที่เขาไม่ทันสังเกต ได้กระซิบข้อมูลที่เขารู้แล้วออกมาอย่างรวดเร็ว

"เงียบก่อน"

เสียงวุ่นวายรอบตัวก็เงียบลงเมื่อได้ยินคำพูดของวีร์รัก

แม้แต่โรซิลลิกาซึ่งอยู่ข้างๆ เขา ก็ยังถอยออกไป และมุ่งความสนใจไปที่วีร์รักที่อยู่บนบันได

“เราได้ยืนยันแล้วว่าการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของเป้าหมายได้มุ่งหน้าสู่เมืองนี้ แต่ในบางจุด..การเคลื่อนไหวดังกล่าวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นมันอาจเข้ามาในเมืองหรือเพียงแค่ผ่านไปเฉยๆ ก็เป็นได้”

วีร์รักหยุดพูดและสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างช้าๆ

ชั่วขณะหนึ่งดวงตาของเราสบกัน และมันจ้องมองเขาชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าออกไป

'โอ้ย น่าหวาดเสียวจัง'

“ดังนั้นเราจะทำการค้นหา เพราะมีโอกาสอย่างมาที่มันจะเข้ามาในเมือง” วีร์รักออกคำสั่ง พร้อมสั่งให้ทุกคนรายงานทันทีหากพบกิจกรรมที่น่าสงสัยในพื้นที่ของตน

“จู่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”

ขณะที่เรากำลังออกจากล็อบบี้ โรซิลลิกาพึมพำและเข้ามาใกล้เขามากขึ้น

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผู้ที่ทำอย่างนี้ได้ต้องแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ?”

“ก็คงงั้น แต่ฉันคิดว่าเรื่องของชิ้นส่วนของราชาอมตะนี้ดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อผู้นำตระกูลโดยตรง”

“เป็นอย่างนั้นเหรอ? แล้วส่งผลกระทบต่อเขาอย่างไร?”

“ฉันจะไปรู้เหรอ? พวกเราเป็นแค่ลูกน้องก็แค่ทำตามที่เขาบอกก็พอ”

ดูเหมือนจะไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรที่เขาจะได้รับจากโรซิลลิกา

แต่ดูเหมือนเขาจะด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป

“ดีที่พวกเราจึงนำชิ้นส่วนอีกชิ้นหนึ่งมาปิดผนึกไว้ในตระกูลของเราที่นี่” โรซิลลิกากล่าวขึ้น

“อะไรนะ... ยังมีชิ้นส่วนของราชาอมตะอีกชิ้นอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” เขามองโรซิลลิกาด้วยความประหลาดใจ

“ใช่แล้ว พวกเขาพยายามหลอมชิ้นส่วนให้สมบูรณ์ จากนั้นก็น่าจะนำมารวมเข้าด้วยกันหรืออะไรประมาณนั้น ฉันไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก”

โรซิลลิกาพูดออกมาพร้อมยักไหล่และบิดผมด้วยนิ้วของเธอราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

'แวมไพร์ตัวนี้มีตำแหน่งสูงขนาดนี้ในปัจจุบันได้ยังไง?'

เขาหรี่ตาแล้วมองไปที่เธอ

โรซิลลิกายิ้มเยาะและพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า

“จริงๆ แล้ว ฉันถูกส่งมาที่อจันตุพร้อมกับชิ้นส่วนนั้นเมื่อปีที่แล้ว ปกติแล้วคงไม่จำเป็นต้องมีแวมไพร์จำนวนมากขนาดนี้ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้หรอกใช่ไหม?”

เมื่อฟังแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ในเมืองนี้มีแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์อยู่ประมาณสามตัว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับมัลคอล์มที่เป็นพ่อมดแห่งความมืด และลูกครึ่งอย่างพวกเขาที่ดูแข็งแกร่งกว่าลูกสมุนของพ่อมดแห่งความมืดเหล่านั้นมากกว่าสามสิบตัว

และถ้ารวมคนรับใช้และทาสเข้าไปด้วยแน่นอนว่ามันเป็นกองกำลังที่มากเกินไปสำหรับเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในเขตชายแดนของทวีป

“เดิมทีพวกเขาบอกว่าในเมืองนี้มีรีร์รักและลูกผสมอีกเพียงประมาณสิบห้าคน แต่เนื่องจากชิ้นส่วนนั้นจึงต้องมีการเสริมกำลังในลักษณะนี้”

หลังจากนั้นโรซิลลิกาก็บอกว่าเราคงจะยุ่งสักพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ

และแยกย้ายกันไปพักผ่อน

….

“อ๊ะ ฉันไม่ชอบออกมาตอนกลางวันเช่นนี้เลยจริงๆ มันทำให้ผิวฉันคล้ำหมดแล้ว”

โรซิลลิกาบ่นพึมพำขณะปรับร่มของเธอ

ตั้งแต่วันที่มีการเรียกตัว เราก็ได้กระจายกันไปทั่วเมืองแม้กระทั่งตอนกลางวันเพื่อตรวจสอบหากิจกรรมที่น่าสงสัย

"จริงๆ แล้ว... ฉันคิดว่ามันไร้ประโยชน์นิดหน่อย"

เขาปรับหมวกปีกกว้างด้วยมือที่สวมถุงมือ

แม้ว่าการถูกแสงแดดจะไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่มันก็ให้ความรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงปกปิดร่างกายเท่าที่จะทำได้

"ฉันไม่คิดว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้เราค้นพบอะไรได้หรอก"

“พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น แม้แต่สายเลือดบริสุทธิ์ตนหนึ่งยังพาพวกลูกผสมบางส่วนไปออกค้นหาที่นอกเมือง”

'พวกเลือดบริสุทธิ์และพวกลูกผสมบางส่วนได้ออกจากเมืองไปแล้ว'

รีร์รักกำลังค้นหาทั่วทั้งเมืองและควบคุมพวกลูกผสมที่เหลืออยู่

นั่นหมายความว่า…

"มีสายเลือดบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวที่เฝ้าชิ้นส่วนนั้นอยู่!"

และอีกหนึ่งวันเขาก็สามารถเรียกฮันส์ออกมาได้

'ตามแผนที่วางไว้ คือการสร้างความโกลาหลและพยายามยึดชิ้นส่วนนั้นมาให้ได้ ฉันสามารถพัฒนาฮันส์และสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้กับพวกเขาได้!'

ตอนนี้ปัญหาเดียวคือการค้นหาชิ้นส่วนนั้น แต่เขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากโรซิลลิกาได้

“ในเมื่อพวกเขาเลือกมาที่เมืองนี้ พวกเขาก็ซ่อนมันไว้ในสถานที่ที่เฉพาะพวกเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่รู้ เพื่อเป็นการป้องกันในกรณีที่สำนักงานใหญ่ของพวกเขาถูกโจมตี”

และปกติแล้วมีเลือดบริสุทธิ์สองคนคอยเฝ้ารักษาสถานที่นั้นไว้อย่างต่อเนื่อง

'โอ้ ดูเหมือนยากที่จะดำเนินการได้แล้ว'

ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ราบรื่นนัก

ตอนที่เขาตัดสินใจที่จะยอมแพ้กับชิ้นส่วนนั้น

“เอ่อ... ฉันคิดว่าฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”

จู่ๆ กลับมีแสงสว่างขึ้น

“อะไรนะ ไดอาน่า เธอรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?”

“อ๊า!”

เขาตกใจจึงจับไหล่ไดอาน่า

ตอนเย็นเขาเดินมาหาพี่น้องทั้งสองและขณะที่เรากำลังคุยกัน เขาพูดเรื่องนี้โดยไม่ได้คิดอะไรมาก

ในทำนองว่าแวมไพร์กำลังซ่อนสิ่งของอันตรายอยู่ในเมือง แต่เขาไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน

"อย่างที่ฉันบอกคุณไปคราวที่แล้ว ฉันพยายามหลีกเลี่ยงแวมไพร์และสถานที่ที่มีกลิ่นที่อันตราย"

"งั้นหรือ.."

“เอ่อ... เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ฉันสัมผัสได้ว่าแวมไพร์ปล่อยกลิ่นเลือดที่แรงมากออกมา และยังมีกลิ่นแปลกๆกลิ่นหนึ่งที่ดูอันตรายมาก แต่ฉันจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เธอก็รีบวิ่งหนีกลิ่นนั้นทันที”

ไดอาน่ากล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“กลิ่นนั้นรุนแรงมากจนติดอยู่ในความทรงจำของฉัน ฉันไม่ได้เข้าไปใกล้กลิ่นนั้นอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”

“อ๋อ! ฉันจำได้แล้วพี่สาว! เธอบอกฉันไม่ให้เข้าไปใกล้ที่นั่นอย่างเด็ดขาด!”

ไดอาน่าลูบหัวแอรอนราวกับกำลังชื่นชมเขา จากนั้นจึงหันมามองไฮนซ์

“หากคุณต้องการ ฉันสามารถพาคุณไปที่นั่นได้”

มันเป็นข้อเสนอที่ไม่คาดคิด

“และถ้าเกิดอันตรายขึ้น คุณลุงจะปกป้องฉันใช่ไหม.”

“ฮ่าๆ เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว”

เขาพยักหน้าให้ไดอาน่าอย่างมั่นใจ และลูบหัวเธอ

แท้จริงแล้วถ้าเรากระทำความดี ก็มีทางเลือกกลับคืนมาให้เราเสมอ

บ่ายวันต่อมาเขายังคงสวมหมวกอยู่ และคอยค้นหาชิ้นส่วนของราชาอมตะอยู่ข้างนอก

'แน่นอนว่าชิ้นส่วนที่ฉันกำลังมองหาคือชิ้นส่วนที่พวกแวมไพร์ซ่อนไว้'

เขาเดินช้าๆ จนมาถึงจุดนัดพบ

ไดอาน่าก็อยู่ที่นั่นแล้วกำลังรอเขาอยู่

เพียงแค่เหลือบมองกัน ไดอาน่าก็เริ่มเดินโดยไม่พูดสักคำ และฉันก็เดินตามไปในระยะห่างที่เหมาะสม

เขาได้นัดแนะกับเธอไว้ล่วงหน้าแล้ว

เขาไม่สามารถเข้าใกล้บริเวณรอบๆ ชิ้นส่วนนั้นได้มากนัก หากไม่ระมัดระวังเขาอาจไปแจ้งเตือนแวมไพร์ให้รู้ตัวก็เป็นได้

ไดอาน่าไม่ได้หันไปสนใจ และเดินต่อไปอีกสักพัก

‘มันไกลจากจุดที่พี่น้องทั้งสองอยู่พอสมควร พวกเขาย้ายออกไปไกลจริงๆ’

ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการจะอยู่ให้ห่างเท่าที่จะทำได้หลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันตราย

เมื่อเราเข้าสู่ถนนสายหนึ่ง ไดอาน่าก็เริ่มดมบ่อยขึ้น

นี่คงเป็นจุดที่กลิ่นชัดเจนที่สุด

จากนั้นไดอาน่าก็หันไปมองอาคารด้านหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติประมาณสามวินาที

และเธอก็หันหน้าเดินผ่านไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

‘มันเป็นสถานที่นั่น!’

มันเป็นอาคารธรรมดาในย่านที่อยู่อาศัย ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากคฤหาสน์หรูหราที่พวกแวมไพร์อาศัยอยู่

ชิ้นส่วนอีกชิ้นหนึ่งของราชาอมตะถูกซ่อนอยู่ที่นั่น

แต่เช่นเดียวกับไดอาน่า เขาก็มองไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจบริเวณนั้นและเดินต่อไป

เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่มันต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน

“ตอนนี้เราต้องกำหนดวันที่จะลงมือแล้ว เรามีสถานที่แล้วและสามารถเรียกฮันส์มาได้ เราต้องลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น!”

เมื่อดวงอาทิตย์กำลังตก พวกเราก็รวมตัวกันที่บ้านของไดอาน่าอีกครั้งหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง

“เฮ้อ หลังจากได้กลิ่นนั้นอีกนึกว่าจะหายใจไม่ออกซะแล้ว...”

“เธอไม่แสดงมันออกมา..เธอก็ทำได้ดีมาก และตอนนี้เราต้องกำหนดวันที่ลงมือแล้ว”

เขาชมไดอาน่า

และหลังจากพิจารณาชั่วครู่เขาก็พูดออกมาว่า "พรุ่งนี้ตอนเที่ยง เมื่อดวงอาทิตย์อยู่จุดสูงสุด"

จะดีกว่าถ้าเริ่มช่วงเวลานั้น แต่เนื่องจากหลังดวงอาทิตย์ตกแล้วจะเป็นช่วงเวลาของพวกแวมไพร์

'แม้ว่าทั้งแวมไพร์และอันเดตจะแข็งแกร่งขึ้นในความมืด แต่ภายใต้ดวงอาทิตย์นั้นแวมไพร์จะอ่อนแอลง ส่วนอันเดตจะไม่..'

ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักสำหรับสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของสายเลือดผสมจะอ่อนแอลงอย่างมากแน่นอน

และแม้แต่สายเลือดบริสุทธิ์ก็ยังไม่สามารถใช้พลังของตนได้อย่างเต็มที่

เขาได้เตรียมแผนสำหรับวันถัดไปและเตรียมพี่น้องให้พร้อม

“เตรียมสัมภาระให้พร้อม พวกเธอต้องสามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”

“เอาล่ะ พรุ่งนี้พวกเธอ…”

หลังจากชี้แจงข้อควรระวังให้พี่น้องทั้งสองทราบแล้ว เขาก็แยกตัวออกมาและมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์

นี่เป็นสถานที่ที่ไฮนซ์ตายและไฮนซ์ที่ 2 ได้กลายเป็นแวมไพร์

พรุ่งนี้เขาจะออกจากเมืองแห่งนี้แล้ว

“แน่นอน ฉันเก็บของที่จำเป็นทั้งหมดไว้แล้ว! แต่เมื่อคิดดูแล้วภายในคฤหาสน์หลังนี้มีของราคาแพงอยู่หลายชิ้นเลยทีเดียว”

เขาเลียริมฝีปากแล้วดวงตาเป็นประกาย

แม้ว่าถ้ามันอยู่ในโลกนี้จะไม่นับเป็นอะไร แต่เมื่อมันไปอยู่ในโลกของเขาย่อมแตกต่างออกไปไม่ใช่หรือ?

เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์เพียงลำพังพร้อมรอยยิ้มพึงใจ

และเวลาก็ผ่านไป….ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นมาแล้ว….

……………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด