บทที่ 136 ฉันคือนายของพลังพิเศษ
บทที่ 136 ฉันคือนายของพลังพิเศษ
ถ้าหากพลังพิเศษของอาทิตย์นี้แข็งแกร่งมาก งั้นมลภาวะทางจิตก็คง...
"เมื่อกี้ทำไมนายถึงให้ฉันรอในห้องแป๊บนึง แล้วก็รีบออกไปล่ะ" เซี่ยซินหยู่ไม่เข้าใจเอาเสียเลย เธอรู้สึกว่าเฉินหยวนวันนี้แปลกไป
เหมือนกับว่าง่วงมาก จนไม่สามารถตั้งสมาธิได้
สายตาของเขาดูเหมือนกำลังมองใครคนอื่นอยู่
แต่เห็นได้ชัดว่าในบ้านนี้ไม่มีใครอีกแล้ว
ผีงั้นเหรอ?
ฉันนี่ตลกจริง ๆ ... คิดอะไรอยู่เนี่ย?
"เมื่อกี้ฉันกำลังคิดว่าจะล้างหน้าดีไหม เพราะง่วงจริง ๆ " เฉินหยวนยกมือขึ้นปิดปาก หาวออกมาอย่างเกียจคร้าน
"ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นก็น่าจะช่วยให้ตื่นขึ้นได้บ้าง แต่ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นขนาดนั้นหรอก" เซี่ยซินหยู่ตบบ่าตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ บอกกับเขาว่า "นายนอนบนรถเมล์ไปเลยก็ได้ ถึงป้ายแล้วฉันจะปลุกเอง คราวนี้ไม่ให้นอนเลยป้ายแน่นอน"
"โอเค ๆ " เฉินหยวนพยักหน้า เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้
ไหล่หอมนุ่มนิ่มจัง
"ตกลงนายง่วงหรือไม่ง่วงกันแน่?" เซี่ยซินหยู่บ่น "ฉันรู้สึกว่านายกลับมาสดชื่นอีกแล้ว"
"เมื่อกี้ก็ง่วงนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่ง่วงแล้ว" น้ำเสียงของเฉินหยวนเริ่มจริงจังขึ้น
"หา? ทำไมล่ะ" เซี่ยซินหยู่พึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
หรือว่าเพราะตัวเองให้เขานอนหนุนไหล่ ความง่วงเลยหายไป?
ตอนนี้เขาดูพูดจาไม่ค่อยจริงจังแล้ว
แน่นอน การ 'เจ้าชู้' กับตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
ซินหยู่ ขอโทษนะ ถึงไหล่จะหอมน่าหลงใหลจริง ๆ แต่ในตอนนี้ สิ่งที่ทำให้ฉันตื่นตัวนั้นมาจากเหตุผลอื่น เหตุผลที่เหนือธรรมชาติกว่านั้นมาก
หลังจากลงมาข้างล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินออกจากรั้วบ้านมาถึงถนน เฉินหยวนก็พบว่าภาพติดตารอบตัวเขานั้น ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ เดินไปมาตามปกติ เหมือนวิญญาณนับพันที่เบ่งบานที่อีกด้านหนึ่ง
จริงอย่างที่คิด ยิ่งพลังพิเศษแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ แรงกดดันทางจิตใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนนี้ ระดับการรบกวนสายตาของเขานั้นรุนแรงยิ่งกว่าตัวเลขสีแดงตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนที่ไต่อยู่ในสัปดาห์แรกเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะมองไปไกลแค่ไหน สุดสายตาก็ยังคงมีภาพติดตาอยู่
พูดง่าย ๆ คือ ถ้าหากประชากรโลกมีแปดพันล้านคน สำหรับเฉินหยวนแล้วก็เท่ากับมีประชากรหนึ่งหมื่นหกพันล้านคน พวกเขาล้วนมีตัวตนอยู่จริง เพียงแต่เขามีแค่ดวงตาคู่เดียว ไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะอนันต์ จึงไม่สามารถมองเห็นทั้งหมดได้
ยกตัวอย่างที่พวกเด็กติดเกมน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่านี้
ทุกคนบนโลกนี้มีสกิลติดตัวแบบเอคโค่ (ปล. ตัวละครใน LOL ถ้าคิดภาพไม่ออกสามารถไปเปิดคลิปดูเพิ่มเติมได้ครับ)
แต่สกิลติดตัวของเอคโค่นั้นแสดงให้เห็นถึงเส้นทางในอดีต ในขณะที่เส้นทางของมนุษย์เหล่านี้คืออนาคต
สามนาทีต่อมา ความจริงจะมาบรรจบกับภาพติดตา
อย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม่สามารถไล่ตามภาพติดตาที่อยู่ห่างออกไปสามนาทีได้ตลอดกาล
มีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือหยุดนิ่ง
มาฟังมุกตลกร้ายกันหน่อย:
เฉินเซียวหรันกับภาพติดตาที่ว่าคงจะอยู่ที่เดิมตลอด แม้กระทั่งในเวลากลางวัน…
"นายอยากกินอะไรเหรอ?" เซี่ยซินหยู่ถามอย่างสงสัย
"เราน่าจะกินเจียนปิ่งนะ..."
เฉินหยวนพึมพำ ขณะมองเซี่ยซินหยู่ที่กำลังยืนกินเจียนปิ่งอยู่หน้าร้าน พร้อมกับทำท่าแลกเจียนปิ่งกัน
"อืม ก็ดีนะ ฉันก็อยากกินพอดี" เซี่ยซินหยู่ไม่ได้รู้สึกว่าประโยคนี้ของเฉินหยวนแปลกตรงไหน
จากนั้น ฉันก็เดินไปที่ร้านขายเจียนปิ่งริมถนนกับเฉินหยวน เราสองคนสั่งเจียนปิ่งรสชาติต่างกัน กำลังจะนั่งกินในร้าน แต่ที่นั่งว่างสองที่ดันถูกคนอื่นแย่งไปก่อน
ไม่มีทางเลือก พวกเราเลยต้องยืนกินข้างนอก
"นายลองชิมของฉันสิ" เซี่ยซินหยู่ยกเจียนปิ่งของตัวเองขึ้นมา ส่งไปจ่อที่ปากเฉินหยวน
เขากัดคำหนึ่ง เคี้ยวเสร็จแล้ว ก็นึกถึงภาพเซี่ยซินหยู่ในภาพหลอนที่อ้าปาก ทำท่าเหมือนกัดอากาศ
ดังนั้น เขาจึงยื่นเจียนปิ่งของตัวเองไปตรงหน้าเธอเช่นกัน
ทำตามอนาคตที่เห็น
"ขอบคุณ"
เซี่ยซินหยู่ใช้นิ้วสางปอยผมข้างแก้มเกี่ยวไว้ที่ปลายหู จากนั้นก็ก้มหน้าลง อ้าปากงับเจียนปิ่งเบา ๆ ซอสมะเขือเทศก้อนเล็ก ๆ ติดอยู่บนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มเป็นประกาย เธอยิ้มน้อย ๆ แล้วเม้มปากเช็ดออก ก่อนจะกินอาหารเช้าของตัวเองต่อ...
ภาพของเธอในตอนนี้ช่างน่ารัก น่าเอ็นดู จนอยากจะกัดให้ตายคามือ
แต่สำหรับเฉินหยวน เขากลับรู้สึกแปลก ๆ
อนาคต คืออนาคตของเขาเอง
แต่การที่รู้ล่วงหน้า แล้วพยายามเข้าใกล้อนาคต...
แบบนี้ การมีตัวตนของ 'ฉัน' ก็เพื่อไปสู่อนาคตเท่านั้นงั้นสิ?
ภาพน่ารัก ๆ ใน QQ ของเซี่ยซินหยู่นี้ เขาเพิ่งเห็นไปเมื่อสามนาทีที่แล้ว พอได้เห็นอีกครั้ง ความรู้สึกก็เลยลดลงไปเยอะ
ก็คือว่า...
แม่งเอ๊ย! ขัดแย้ง!
แล้วก็ หมดไฟ!
หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง เฉินหยวนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง 'พวกเขา' ที่กินเจียนปิ่งก็เดินจากไปแล้ว
ถึงแม้จะมีแค่ภาพติดตาของเซี่ยซินหยู่เพียงคนเดียว แต่เฉินหยวนกลับรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย
พลังพิเศษสัปดาห์นี้โหดจริง เรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด ถ้าใช้เป็น ก็สามารถหาเงินซื้อประเทศได้เลย
แต่เพราะมันโหดเกินไป ถึงขั้นเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล่วงหน้า ทำให้คนเรารู้สึกว่างเปล่า รู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญ
ในผลงานหลาย ๆ เรื่อง เทพเจ้ามักจะรู้สึกเบื่อ เพราะมีพลังมากเกินไป
รู้ทุกอย่างแล้ว ก็เลยเบื่อ
เก่งเกินไป ก็เลยเบื่อ
แต่ว่า...
สำหรับฉันมันต่างออกไป...
ฉันจะไม่เบื่อ
เพราะสัปดาห์หน้าพลังพิเศษก็จะรีเซ็ตแล้ว
แล้วฉันก็จะไม่จมอยู่กับความว่างเปล่า
เพราะ ความจริงอยู่ในมือฉันแล้ว!
"เอ๊ะ?"
เซี่ยซินหยู่กินเจียนปิ่งเสร็จ กำลังจะเช็ดปาก ก็ถูกเฉินหยวนหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้ เหมือนครูอนุบาลเช็ดปากให้เด็ก
ฉันอยู่ ม. 5 แล้วนะ...
"ไปซื้อน้ำดื่มกัน เอาแบบหวาน ๆ " เฉินหยวนพูด
"ทำไมตอนเช้าต้องดื่มน้ำหวานด้วย... แล้วก็ ค่าอาหารเช้าวันนี้เยอะไปหน่อยนะ" เซี่ยซินหยู่ไม่เข้าใจ
"ไม่เป็นไร เมื่อวานฉันช่วยถังเจียนเปิดกล่อง ได้เงินมา เขาให้รางวัลฉันมา ไป ๆ รอบนี้คุณชายถังเลี้ยงเอง"
เฉินหยวนตัดสินใจแบบปุบปับโดยไม่ลังเล แถมยังยึดถือแนวคิดแบบลูกผู้ชายแถบตะวันออกเฉียงใต้ที่ว่า "ผู้ชายลงมือทำ ผู้หญิงคอยดูก็พอ"
เขาไม่ให้เซี่ยซินหยู่มีสิทธิ์เลือกเลยสักนิด เปลี่ยนแผนเดิมทันที
แล้วภาพติดตาของเซี่ยซินหยู่ก็ปรากฏขึ้น เพราะการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ ทำให้เธอวาร์ปจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งในพริบตา ราวกับเกมเกิดบั๊ก
ในวินาทีนั้น เฉินหยวนก็หลุดพ้นจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกผ่อนคลายราวกับสามารถควบคุมอนาคตได้
อนาคตของฉัน ไม่ใช่เส้นทางที่ฉันต้องเดินไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เป็นทางเลือกของฉันเอง
โดยพื้นฐานแล้ว ฉันต่างหากที่เป็นคนใช้พลังพิเศษ ไม่ใช่พลังพิเศษมาควบคุมฉัน
ยกนี้ ฉันเป็นคนเดินหมาก
เนื่องจากมีประสบการณ์โดนพลังพิเศษปั่นหัวในสัปดาห์แรกและสัปดาห์ที่สอง ทำให้เฉินหยวนปรับตัวได้เร็ว สามารถแยกแยะความจริงกับอนาคตได้อย่างชัดเจน
ไม่มีทางสับสนแน่นอน
"อ้าว หยูโจว" ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปสถานีรถไฟ เจ้าตูบขนสีเหลืองหน้าตาน่ารัก ขาที่เคยบาดเจ็บก็หายสนิท แม้แต่ขนตรงแผลก็เริ่มขึ้นแล้ว วิ่งมาหาด้วยความดีใจ
พอเห็นแบบนั้น เซี่ยซินหยู่ก็ย่อตัวลงลูบหัวมันพลางทักทายด้วยรอยยิ้ม "หยูโจว อีกเดี๋ยวก็จะไปพูดกับเจ้าของบ้านแล้วนะ รออีกนิดนะ"
หยูโจวสนิทกับเซี่ยซินหยู่มาก ถึงแม้จะยอมรับว่าฉันเป็นเจ้านายของมัน แต่กับผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้ มันก็ดูจะยอมรับได้ง่าย เข้ากับเธอได้ดีไม่แพ้กัน แถมเซี่ยซินหยู่ยังอ่อนโยนกว่า มันเลยชอบเอาพุงขาว ๆ มาอ้อน
เฮ้อ หยูโจว ระวังหน่อยสิ
เป็นสาวเป็นนาง จะมาเปิดอกโชว์พุงแบบนี้ได้ยังไง?
แถมยังโชว์นมตั้งแปดเต้าอีก ไม่รู้จักอายบ้างรึไง?!
นึกย้อนไป หยูโจวก็ผูกพันกับฉันไม่น้อยเลยนะ แล้วก็เป็นหมาบ้านนอกที่น่ารัก สะอาดสะอ้านด้วย ถึงแม้ที่เซี่ยงไฮ้จะห้ามเลี้ยงหมาพื้นเมือง แต่ย่านเมืองเก่าที่ฉันอยู่ไม่ค่อยเข้มงวด คุณลุงหลายคนก็เลี้ยงกัน แค่ทำใบอนุญาตไม่ได้ นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้น ถ้าเซี่ยซินหยู่ไม่ขัดขวางอย่างหนัก ฉันก็ว่าจะพาหยูโจวกลับบ้านวันเสาร์นี้แหละ
"หยูโจว งั้นเราไปกันนะ..."
เซี่ยซินหยู่กำลังจะไป ก็เห็นเฉินหยวนยืนเหม่อ เลยถามว่า "เป็นอะไรไป"
"ฉันว่า...ปล่อยให้หยูโจวเร่ร่อนแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีเท่าไหร่ เราให้อาหารมันตั้งหลายครั้งแล้ว"
"งั้น...รับเลี้ยงได้เหรอ?" เซี่ยซินหยู่ถามด้วยความดีใจ
การรับเลี้ยง ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้
ตอนนี้ต้องช่วยมันก่อน
เฉินหยวนเห็นภาพหลอนของเจ้าตูบ หลังจากพวกเขาเดินจากไป มันก็ยังคงเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น แล้วก็มีเด็กคนหนึ่งเอาไส้กรอกมาล่อ มันกำลังอ้าปากกินอย่างมีความสุข ก็โดนคว้าขาหน้าไว้
แล้วก็มีเด็กอีกคนที่ซ่อนอยู่ข้าง ๆ โผล่ออกมา จับขาหลังของหยูโจวไว้
จากนั้นก็ดึงตัวมันไปมาเหมือนชักเย่อ บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มสะใจ
ถึงจะเป็นภาพติดตา แต่ก็ได้ยินเสียง
ความโหดร้ายดิบเถื่อนของมนุษย์ ดังสนั่นหวั่นไหว
ส่วนหยูโจว ขาที่ยังไม่หายดีก็โดนดึงจนแผลเปิด เลือดไหลออกมา ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เจ้าตูบที่เคยร่าเริงสดใส มอบรอยยิ้มอบอุ่นให้ทุกคน ต้องมาเจ็บตัวอีกครั้ง
เมื่อครู่นี้เอง เซี่ยซินหยู่ยังบอกจะพามันกลับบ้านอยู่เลย
ไม่รู้ว่ามันฟังรู้เรื่องไหม ได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมกับรอยยิ้ม
แล้วหลังจากที่พวกเขาเดินจากไป มันก็โง่งม เดินเข้าสู่กับดักนั่นโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไป มันอาจจะหวาดกลัวมนุษย์จนหนีไปจากที่นี่ แล้วไม่ได้เจอกับฉันอีกเลย...
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ มันจะอยู่รอดต่อไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
เด็กสองคนนี้โดนคนห้ามปรามด่าทอจนวิ่งหนีไปแล้วจริง ๆ แต่เพราะแถวนี้มีคนน้อย ตอนที่หยูโจวถูกพบก็สายมากแล้ว ถูกทรมานมานานมาก ตั้งนาทีกว่า นอนอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา ถ้าไม่ได้เจอกับฉันที่ปฏิบัติต่อหมาพื้นเมืองอย่างเท่าเทียมกัน มันอาจจะเอาชีวิตรอดได้ยาก
แล้วตอนนี้ เฉินหยวนก็เห็นเด็กในภาพติดตา ปรากฏตัวขึ้นในความเป็นจริง
ถือไส้กรอกอยู่ในมือ คุยกันเบา ๆ กับเพื่อนที่เกิดมาด้วยกัน
งั้นเหรอ ถึงแม้จะเห็นฉัน รู้ว่านี่คือหมาที่ฉันกำลังให้อาหารอยู่ ก็เข้าใจว่าซินหยู่ให้ความสำคัญกับมันมาก แต่ก็ยังจะทำร้ายมันอีกเหรอ?
อยากบีบคอเด็กเปรตสองตัวนี้จริง ๆ
“งั้นพวกเรา...วันนี้กลับไปก็พามันกลับบ้านเลย?” เซี่ยซินหยู่ค่อนข้างคาดหวังกับเรื่องนี้
ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงหมา เพราะเธอก็ไม่ได้ชอบเลี้ยงสัตว์เลี้ยงขนาดนั้น
แต่เป็น พวกเราสองคนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วยกัน
ได้ยินมาว่าเรื่องแบบนี้สามารถฝึกความอดทน ประสบการณ์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ก็สามารถใช้กับเด็ก ๆ ในอนาคตได้...
ข้างหลังฉันลืมไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร
“ซินหยู่ ฉันอยากพาหยูโจวกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย โรงเรียนเธอเข้าเรียนสายไม่ได้ใช่มั้ย?” เฉินหยวนนั่งยอง ๆ จับอุ้งเท้าหมา มองตาใส ๆ ของโจวหยู แล้วถามเซี่ยซินหยู่อย่างใจเย็น
“ไปสายก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่นายก็จะสายเหมือนกันนะ...” เซี่ยซินหยู่ไม่เข้าใจ “ตอนนี้ จะพากลับบ้านเลยเหรอ?”
“อืม” เฉินหยวนพยักหน้า พูดเบา ๆ ว่า “ฉันเคยเห็นเด็กสองคนนั้น เป็นพวกชอบทารุณสัตว์ คอยแต่จะรังแกแมวหมาจรจัด”
“…” เซี่ยซินหยู่อึ้งไป แล้วเงยหน้าขึ้นมองเด็กสองคนที่หน้าตาเหมือนพวกอันธพาลนิด ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกกังวล พูดด้วยความเป็นห่วงว่า “พวกเขา คงไม่ได้คิดจะทำร้ายหยูโจวหรอกนะ?”
“ใช่แน่นอน” เฉินหยวนพยักหน้า
“งั้นฉันกลับไปกับนาย...”
“ไม่ต้องหรอก ช่วงนี้ฉันทำให้หลาวโม๋ได้หน้าเยอะมาก เขาชอบฉันมาก ไปสายครั้งหนึ่งได้” เฉินหยวนลุกขึ้นยืน ยิ้มแล้วพูดกับซินหยู่ว่า “เธอรีบไปโรงเรียนเถอะ ฉันจะรีบพามันกลับบ้าน”
“...อืม ก็ได้ รอฉันกลับบ้านแล้วฉันจะอาบน้ำเป่าขนให้มัน ตอนนี้ก็รบกวนนายแล้วกัน” เซี่ยซินหยู่เน้นการเชื่อฟังเป็นหลัก ในเมื่อมีเฉินหยวนอยู่ เธอก็ไม่รีรอ รีบไปที่ป้ายรถเมล์
“มา กลับบ้านกับพ่อกัน”
นึกถึงหยูโจวในอนาคตที่ดูเจ็บปวด ราวกับว่าทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นกับมันจริง ๆ เฉินหยวนรู้สึกสงสารลูกหมาตัวนี้มาก ดังนั้น น้ำเสียงตอนพูดจึงอ่อนโยนขึ้น
ยัยหนู ฉันยังไม่เคยดีกับโจวหยูที่เป็นมนุษย์ขนาดนี้เลย พอใจซะเถอะ! (น้ำเสียงเอาใจแบบพระเอกนิยาย)
“โฮ่ง ๆ !” โจวหยูฟังรู้เรื่องว่าเขาจะพาตัวเองไป ก็กระดิกหาง เห่าด้วยความดีใจสองสามครั้ง แล้วก็เดินตามหลังมา
เพราะเดินเร็ว ก็เลยชอบแซงเฉินหยวน แล้วก็เดินกลับมา เดินเฉียดขาเขาไป
หยูโจวอยากสัมผัสร่างกายกับฉันมากกว่านี้สินะ
“หมาดี หมาดี”
เฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยชม
ทันใดนั้น เขาก็เห็นภาพเลือนรางของเด็กสองคนวิ่งผ่านร่างเขาไป มือถือไส้กรอกล่อสุนัขสีดำอีกตัวหนึ่ง
จากนั้น สุนัขสีดำก็ตกหลุมพรางเดียวกับหยูโจว เพราะมันไว้ใจมนุษย์มากเกินไป
ความทรมาน เสียงร้องโหยหวน รอยยิ้มบิดเบี้ยวที่ดูน่าขยะแขยง...
บ้าเอ๊ย! ฉันฆ่าเด็กเปรตสองตัวนี้ได้ไหมเนี่ย?
เฉินหยวนเริ่มมีความคิดโหดร้ายผุดขึ้นมาในหัว
แต่ที่น่าหงุดหงิดใจก็คือ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ และถ้าเขายืนจ้องอยู่ข้าง ๆ พวกมันก็คงไม่ลงมือ
หมายความว่า อนาคตของโลกใบนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงของเส้นเวลา เกิดจากการแทรกแซงของเฉินหยวน ผู้สังเกตการณ์
เขาไม่สามารถเฝ้ารอจนกว่าพวกมันจะไปโรงเรียนได้ เสียเวลาเกินไป
แต่...หมาตัวนี้นี่มัน... เหมือนจะเป็นหมาของเจ้าของร้านขายลอตเตอรี่นี่นา?
ฉันเห็นมันเดินเตร่อยู่หน้าร้านบ่อย ๆ
แล้วก็...มันเป็นหมาพันธุ์ดีที่เลี้ยงไว้ในบ้าน แค่ออกมาเดินเล่นบ้างเป็นครั้งคราว แต่มันไม่เคยเดินไปไกลขนาดนี้
ถ้าตอนนี้ฉันไปหาเจ้าของร้าน...
อืม... ลองไปถามตรง ๆ เลยดีกว่า เผื่อว่าจะเป็นหมาของเขา
ในขณะที่เฉินหยวนกำลังคิดอยู่นั้น ภาพเลือนรางของเจ้าของร้านขายลอตเตอรี่ก็ปรากฏขึ้น!
เขาวิ่งตรงมาที่เฉินหยวนพร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยท่าทางที่น่ากลัว จนเฉินหยวนตกใจ แต่เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่อีกฝ่ายวิ่งผ่านร่างเขาไปแล้ว เขาจึงค่อย ๆ หันกลับไปมอง
มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ
...
“มา จับขาหลังมันไว้!”
หลังจากป้อนไส้กรอกไปได้ครึ่งหนึ่ง เด็กชายข้างหน้าก็คว้าขาหน้าของหมาดำไว้ทั้งสองข้าง ทันใดนั้นเอง เพื่อนของเขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว คว้าขาหลังของมันไว้ได้
จากนั้น ทั้งสองที่ร่วมมือกันอย่างชำนาญและเคยรังแกหมามาหลายตัวแล้วก็ออกแรงดึงหมาขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน แล้วก็ออกแรงดึงอย่างสุดกำลัง เสียงร้องโหยหวนของหมาดังขึ้น พวกเขาก็หัวเราะชอบใจ
พวกเขามักจะทำแบบนี้ ใช้หนังสติ๊กยิงแมว ใช้ประทัดระเบิดบ้านหมา และ ‘วิธีเล่นไส้กรอก’ ที่เพิ่งเรียนรู้เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่พวกเขาจะหาแค่หมาจรจัด เพราะการทารุณหมาเลี้ยงจะต้องจ่ายเงิน แถมอาจจะโดนตีด้วย หมาไม่มีเจ้าของแบบนี้ ต่อให้คนอื่นเห็น ก็แค่ด่าคำไม่กี่คำเท่านั้น ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอื่น
อีกอย่าง หมาดำตัวนี้ดูไม่มีอะไรพิเศษ อาจจะเป็นหมาพื้นเมืองที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อก็ได้
“เฮ้ย! ไอ้เด็กเวรพวกนี้ กำลังทำอะไรกัน?!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีผู้ใหญ่คนหนึ่งวิ่งเข้ามา ด่าทอเสียงดัง
ทั้งสองรีบปล่อยหมา หันหลังวิ่งหนี แล้วหัวเราะเสียงดัง
“เชี่ย! วิ่งเร็ว ๆ ...”
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง พูดไม่ทันขาดคำ ก็โดนเตะเข้าที่หลังอย่างแรง!
แล้วเขาก็โดนเตะกระเด็นไปไกล ล้มหน้าคะมำ
เด็กอีกคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพียงแค่ชั่วขณะที่ตกตะลึง มือใหญ่ก็คว้าข้อมือของเขาไว้ ทันใดนั้น เท้าของเขาก็ลอยขึ้นกลางอากาศ เขากลัวจนร้องไห้ออกมา
“ร้องไห้? ร้องไห้ทำไม! โทรหาพ่อแม่พวกแกเดี๋ยวนี้!”
เจ้าของที่ก่อนมาได้เอาใบรับรองสุนัข ใบเสร็จซื้อสุนัข ใบรับรองการฉีดวัคซีนและการรักษาต่าง ๆ ใส่กระเป๋าไว้แล้ว จับเด็กเวรไว้คนละข้าง แล้วก็จ้องมองเด็กเวรที่นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างโกรธเคือง ตะโกนว่า “บอกพวกเขาว่าพวกแกทำหมาของฉันบาดเจ็บ ให้พวกเขารีบมาเดี๋ยวนี้!”
...
“สุขใจ สุขใจจริง ๆ”
เฉินหยวนนั่งอยู่บนรถเมล์ ดูวิดีโอนี้ซ้ำไปซ้ำมา รู้สึกสุขใจจากใจจริง
เท้าข้างนั้น เตะได้สะใจจริง ๆ
น่าเสียดายที่ไม่ได้เตะที่หัว
แค่มีความคิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการกระทำที่แท้จริงถึงจะเปลี่ยนแปลงอนาคตได้
เช่น เฉินหยวนนึกถึงตอนที่หาคน เจ้าของไม่ได้ปรากฏตัว แต่เมื่อเขาตัดสินใจไปถาม จึงเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้
นั่นคือแค่พูดเล่น ๆ ไม่ได้ ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับไทม์ไลน์จริง ๆ ถึงจะเปลี่ยนแปลงอนาคตได้
เพราะเฉินหยวนตะโกนเรียกคนทันเวลา หมาตัวนั้นจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เด็กสองคนนั้นทำลายทรัพย์สินส่วนตัว พ่อแม่ไม่ออกมาเคลียร์ก็เป็นไปไม่ได้
หลังจากเฉินหยวนบันทึกเหตุการณ์นี้เสร็จ เขาก็ส่งหยูโจวกลับบ้าน
ไม่รู้ว่าหยูโจวเห็นตอนที่หมาโดนทำร้ายรึเปล่า มันดูกลัวมากตลอดทาง เกาะติดฉันแจเลย ไม่อยากแยกจากกันสักเซนเดียว พอถึงห้องก็ไปนอนหมอบเงียบ ๆ บนที่นอนที่เฉินหยวนปูไว้ให้ ดูท่าทางไม่น่าจะซน
หลังจากเติมน้ำกับอาหารเม็ดให้มันแล้ว เฉินหยวนก็ออกจากห้องไป
เฮ้อ สายแล้วสิ!
คงต้องอ้อนหลาวโม๋หน่อยแล้วล่ะ
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่หลงกลก็เถอะ
แต่ในเมื่อสายไปสิบนาทีแล้ว จะสายอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร
หลังจากลงจากรถเมล์ เฉินหยวนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เหมือนกับว่าอาจารย์ใหญ่เป็นลุงแท้ ๆ ของตัวเอง เดินสบายใจเฉิบ
แทนที่จะไปสายสิบนาทีแล้วโดนด่า ยังไงก็ลองหาข้อแก้ตัวดี ๆ ซ้อมสีหน้าไว้ก่อน พอถึงเวลาก็ไปพล่ามให้หลาวโม๋ฟัง
จะหาเหตุผลอะไรดีนะ...
ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาตะคุ่มๆ วิ่งเข้ามาหาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ในมือเงานั้นเหมือนจะถือกระเป๋าอยู่
กระเป๋าถือแบบผู้หญิง
ผู้ชายหัวเกรียน ใส่แจ็คเก็ตสีดำ ถือกระเป๋าถือผู้หญิง?
เขาคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
แล้วครึ่งนาทีต่อมา เงาป้าอ้วนที่วิ่งหอบแฮ่ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ยืนยันความคิดของเขา
วิ่งไปวิ่งมา เนื้อบนหน้ายังสั่นไหว ป้าคนนั้นคงจะวิ่งไม่ไหวแล้ว เธอยืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้า เหงื่อท่วมตัว เธอเอามือเท้าสะเอือบปากตะโกนอะไรบางอย่าง ฉันไม่ได้ยิน แต่ดูจากปากแล้ว เหมือนจะพูดว่า "กระเป๋า ของ ฉัน!"
"กระเป๋า ของ ฉัน!"
ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าใครขโมยกระเป๋าไป เพราะตะโกนผิดทิศผิดทาง สงสัยคงโดนมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าไปตอนเผลอ แล้วก็วิ่งตามมาทางนี้โดยไม่ทันคิด
ดูท่าทาง อีกสองนาที เงานั่น (ผู้ชายหัวเกรียน) จะโผล่มาให้เห็นแน่ ๆ
เพราะก่อนที่เขาจะเจอกับฉัน ยังไงก็ไม่มีใครขวางเขาได้อยู่แล้ว
ไม่สิ ถึงแม้จะมีคนขวาง ลูกน้องของเขาก็ต้องมาที่นี่ภายในสองนาทีอยู่ดี
เพราะบนโลกใบนี้ มี X-factor ที่เปลี่ยนแปลงอนาคตได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเฉินหยวน
เว้นแต่ว่าฉันจะบอกความสามารถของตัวเองให้คนอื่นรู้ งั้นเขาคนนั้นก็จะกลายเป็น X-factor อีกคน
ดังนั้น แค่ฉันยืนอยู่เฉย ๆ ก็ต้องเจอกับเขาตรงนี้แหละ
เขาอาจจะเลี่ยง หรืออาจจะผลักฉัน
ยังไงก็ต้องมาแน่ ๆ
ข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผล นี่ไงล่ะ!
หมัดนี้ จะต่อยให้ซี่โครงหักเลยคอยดู
เฉินหยวนคิดพลางกำหมัดแน่น พลังค่อย ๆ เพิ่มขึ้น...