บทที่ 13 การจับกุมและเงินค่าปรับ
อำเภอฟูหยางสงบเรียบร้อยมาเสมอ โดยปกติเหล่าตำรวจก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ทำมากมาย บางครั้งก็มีคนโทรไปแจ้งตำรวจเรื่องผู้เช่าบางรายไม่ยอมจ่ายค่าเช่า และเรื่องคนเมาทะเลาะกันบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น
พวกเขาว่างมาก ครั้งนี้เกิดเรื่องวุ่นวายในโรงเรียนมัธยมต้นเป่ยเหมิน จึงส่งคนกลุ่มหนึ่งมาที่นี่
อาจารย์ใหญ่ไม่ค่อยพอใจนักกับการปะทะกันครั้งนี้ แต่จัวเซ่ากลับพอใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
หลังจากที่ตำรวจเหล่านั้นถูกยามเฝ้าประตูโรงเรียนนำทางมายังอาคารอเนกประสงค์ ก็มีคนถามขึ้นทันที “ใครโทรแจ้งตำรวจ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ชวีกุ้ยเซียงต้องการจะให้ตำรวจเหล่านั้นสร้างสีสันให้จัวเซ่าสักหน่อย แต่หลังจากตำรวจมาแล้ว เธอก็อดที่จะประหม่าไม่ได้
แต่ชวีกุ้ยเซียงก็ผ่านโลกมาไม่น้อยเช่นกัน เธอประหม่าเพียงเล็กน้อยก็รีบดึงสติของตนกลับมาทันที และพูดออกมาว่า “คุณตำรวจ! ฉันต้องการจะแจ้งความ! คน ๆ นี้ขโมยเงินของครอบครัวฉัน แล้วยังทุบตีลูกชายฉันด้วย!”
ชวีกุ้ยเซียงชี้ไปที่จัวเซ่า เสียงของเธอดังมาก การร้องไห้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ระคายคอเธอเลยแม้แต่น้อย
คนที่โทรแจ้งตำรวจเป็นเด็กผู้ชายแน่ ๆ ทำไมถึงกลายเป็นคนคนนี้ได้กัน? แต่ในเมื่อชวีกุ้ยเซียงพูดเช่นนี้ ตำรวจเหล่านี้จึงพยักหน้าตอบรับและเอ่ยถามว่า “เขาขโมยเงินไปเท่าไร? แล้วลูกชายของคุณล่ะ?”
ชวีกุ้ยเซียงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยและพูดตอบกลับทันที “เขาขโมยเงินไปห้าพันหยวน! ลูกชายของฉันได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังนอนอยู่ที่บ้าน”
เมื่อตำรวจได้ยินสิ่งที่ชวีกุ้ยเซียงพูด ยังคิดว่าเป็นการทะเลาะกันของเด็กสองคนในโรงเรียนแล้วไถ่เงินสิบยี่สิบหยวน ไม่คิดว่าจำนวนเงินจะเยอะมากขนาดนี้ ลูกชายของเธอ...สู้ไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ?
เหล่าตำรวจที่เกียจคร้านในตอนแรกพลันได้สติขึ้นมาทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เล่ารายละเอียดมาสิ!” ตำรวจกล่าว
“ทุกท่าน นักเรียนของผมคนนี้ไม่ได้ขโมยเงินครับ” หยางเจี้ยนหวากังวลเล็กน้อยและเหลือบมองไปทางจัวเซ่าอีกครั้ง และหวังว่าจัวเซ่าจะเอ่ยแก้ต่างให้ตนเองสักประโยคสองประโยค
“ผมไม่ได้ขโมยเงิน และก็ไม่ได้ทุบตีใครด้วยครับ” จัวเซ่าเอ่ยปฏิเสธทันที
แม้อาจารย์และอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนจะไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับกฎหมายอะไรมากมายนัก แต่ในตอนที่จัวเซ่าอยู่ในคุก เขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่หลายเล่ม
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะหากชวีกุ้ยเซียงสร้างปัญหาที่โรงเรียนและแจ้งความเท็จ ก็อาจทำให้เธอถูกจับขังคุกสิบกว่าวันและถูกปรับอีกหลายร้อยหยวน
และที่สำคัญยังทำให้ชวีกุ้ยเซียงมีประวัติอาชญากรรมติดตัวด้วย
“ให้เธอพูดก่อน” ตำรวจเหลือบมองไปยังจัวเซ่าและชี้ไปที่ชวีกุ้ยเซียง
ด้วยรูปลักษณ์ของชวีกุ้ยเซียง สามารถทำให้ผู้ที่พบเห็นสงสารและเห็นอกเห็นใจเธอได้ง่าย ๆ
เธอไม่เพียงทำร้ายร่างกายจัวเซ่าและจัวถิงเท่านั้น แต่ยังทำร้ายตนเองอีกด้วย เธอขี้เหนียวมาก ไม่ยอมเสียเงินเลยสักหยวน มักจะใส่เสื้อเก่า ๆ ตลอดเวลา ทั้งยังผอมมาก...
“คุณตำรวจ เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ หลังจากที่พ่อแม่ของเจ้าเด็กนี่เสียไป เขาก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของฉัน เขาไม่เพียงขโมยเงินของฉัน ยังทำร้ายลูกชายของฉันด้วย!” ชวีกุ้ยเซียงกล่าว และเมื่อพูดจบก็จ้องไปยังจัวเซ่าอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ทำ!” จัวเซ่าเอ่ยแก้ต่างให้ตนเองอีกประโยค
เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดออกไปโดยไม่มีหลักฐาน หลังจากที่ตำรวจเข้าใจสถานการณ์สั้น ๆ แล้ว พวกเขาก็เสนอให้ไปที่บ้านของชวีกุ้ยเซียงเพื่อพบลูกชายของเธอ
บ้านใหม่ของครอบครัวชวีอยู่ใกล้กับโรงเรียนมาก ทุกคนจึงไปที่นั่นก่อน
บ้านใหม่ของครอบครัวชวีอยู่ในเขตชุมชนที่สร้างขึ้นใหม่ของอำเภอฟูหยาง และที่แห่งนี้ยังเป็นชุมชนปิดเพียงไม่กี่แห่งของอำเภอฟูหยาง เหล่าตำรวจรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชวีกุ้ยเซียงคนนี้ดูไม่เหมือนคนที่จะมีเงินพอจะซื้อบ้านอยู่ในเขตชุมชนแบบนี้เลย
บ้านที่นี่มีทั้งหมดห้าชั้น บ้านของครอบครัวชวีอยู่ที่ชั้นห้า ชวีกุ้ยเซียงใช้กุญแจเปิดเข้าไปด้วยความคุ้นเคย เธอเอ่ยเสริมว่า “คุณตำรวจ ลูกชายของฉันอยู่ข้างใน เมื่อวานเขาถูกไอ้เด็กสารเลวนี่ทุบตี ตอนนี้เขาระบมไปทั้งตัว ยังคงนอนอยู่!”
เมื่อพูดจบชวีกุ้ยเซียงก็วิ่งไปเปิดประตูห้องของลูกชายเธอทันที
ทุกคนพบเพียงผู้ชายอ้วน ๆ ที่สวมแค่กางเกงชั้นในกำลังนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น หลังจากเขาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเปิดประตู ทุกคนก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้
“แม่ ไม่รู้จักเคาะประตูหรือไง?” จัวเจียเป่ากล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ชวีกุ้ยเซียงไม่มีเวลามาสนใจเขาในขณะนี้ เธอเอ่ยกับตำรวจ “คุณตำรวจคะ พวกคุณดูสิ ลูกชายของฉันถูกทุบตีจนเขียวไปหมดทั้งตัว”
บนตัวของคนอ้วนคนนี้มีรอยช้ำขนาดเท่าไข่ไก่จริง ๆ
แต่รอยช้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้...สามารถพูดว่าถึงขั้นลุกจากเตียงไม่ได้เลยไหม นั่นก็ออกจะ....
พวกเขามองชายอ้วนคนนี้ที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ!
“ได้ตรวจบาดแผลแล้วหรือยัง?” ตำรวจที่เป็นผู้นำในครั้งนี้เอ่ยถาม
ในเวลานี้เองที่จัวเจียเป่าตระหนักได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ที่นี่ด้วยนอกจากแม่ของตน จึงหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ ทั้งยังงุนงงเล็กน้อย “ตรวจบาดแผลอะไร?”
“ตรวจบาดแผลเหรอ? พวกคุณตรวจเลยสิ! ที่หลังของลูกชายฉันยังมีแผลอีก” ชวีกุ้ยเซียงกล่าว
ตำรวจถึงกับพูดไม่ออก
ต่อให้จะมีคนทุบตีเจ้าอ้วนนี่จริง ๆ แต่รอยฟกช้ำเพียงไม่กี่รอยที่พอผ่านไปสองวันก็ไม่สามารถพบเห็นได้แล้วนั้น...พวกเขายังจะจับจัวเซ่าได้อีกเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น...มองจัวเซ่าที่ผอมแห้ง เทียบกับจัวเจียเป่าที่ทั้งสูงทั้งบึกบึน พวกเขาไม่คิดว่าจัวเซ่าจะสามารถเอาชนะจัวเจียเป่าได้
หยางเจี้ยนหวาและอาจารย์ใหญ่ได้ตามมาด้วยและไม่ได้พูดอะไรออกมา ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนชวีกุ้ยเซียงแจ้งข้อหากับตำรวจ จัวเซ่าจึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น
“คุณบอกว่าเด็กคนนี้ทุบตีลูกชายของคุณงั้นเหรอ? มีหลักฐานไหม?” ตำรวจถามออกมาตรง ๆ
“นี่ไม่ใช่หลักฐานงั้นเหรอ?” ชวีกุ้ยเซียงชี้ไปยังรอยฟกช้ำบนร่างกายของลูกชายตน
“นี่ไม่นับว่าเป็นหลักฐาน คุณต้องมีหลักฐาน ต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจบาดแผล...” ตำรวจตรวจสอบแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ที่จริงแล้วคุณต้องการอะไรกันแน่?”
“จับเขาไปซะ!” ชวีกุ้ยเซียงเอ่ย
“คุณตำรวจ เขาทุบตีผม เมื่อวานผมไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อดักรอ...ไม่ ไปหาเขา จากนั้นเขาก็ทุบตีผม!” ในที่สุดตอนนี้จัวเจียเป่าก็เข้าใจสถานการณ์
“เมื่อวานเขาไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อดักรอผม ต้องการที่จะทุบตีผม ผมผลักเขา แล้วเขาก็ล้มลง” จัวเซ่าเอ่ย “ผมไม่ได้ทุบตีเขา”
ตำรวจเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากพูดคุยกันแล้วก็สรุปได้ว่าจัวเจียเป่าไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อดักรอ หมายที่จะทุบตีจัวเซ่า แต่กลับถูกจัวเซ่าผลักจนล้ม จัวเจียเป่าอ้างว่าจัวเซ่ากดตนลงและทุบตีตนเอง แต่ตำรวจไม่เชื่อในสิ่งที่เขาอ้าง
กุเรื่องแบบนี้ขึ้นมาออกจะเกินไปแล้ว...นักเรียนผอม ๆ คนหนึ่งทุบตีชายอ้วนที่หนักกว่าเก้าสิบแปดสิบกิโลกรัมอย่างนั้นเหรอ?
ตำรวจรู้สึกว่าแม่ลูกคู่นี้โกหกออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ พวกเขาไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงขอไปลองดูที่บ้านครอบครัวจัวต่อ
ชวีกุ้ยเซียงอ้างว่าจัวเซ่าขโมยเงินของครอบครัวไปห้าพันหยวน หากเป็นเรื่องจริง นี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก!
แน่นอนว่าพวกเขาไม่เชื่อชวีกุ้ยเซียงอีกต่อไปแล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่ชวีกุ้ยเซียงพูดออกมามากกว่าครึ่งล้วนเป็นเพียงเรื่องโกหก
แต่ชวีกุ้ยเซียงก่อเรื่องในโรงเรียน ทั้งยังโทรแจ้งตำรวจ อย่างไรพวกเขาก็ต้องลองไปดูสักหน่อย
จากนั้น...
“ขโมยเงิน? ชวีกุ้ยเซียงเอาข้าวไปเก็บล็อคไว้ แล้วเด็กจะมีฝีมืออะไรไปขโมยเงินกัน?”
“ครั้งก่อนเด็กคนนี้ขโมยของไปจริง ๆ ขโมยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปสองสามซอง ชวีกุ้ยเซียงกล่าวว่าไม่ให้พวกเขากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจ้าเด็กนี่กับน้องกินเข้าไปก็คือขโมยแล้ว!”
“เด็กคนนี้โชคร้ายจริง ๆ ชวีกุ้ยเซียงได้รับเงินชดเชยจากการเสียชีวิตของพ่อแม่ของเด็กทั้งคู่ไปทั้งหมด แต่กลับไม่ให้พวกเขากินอะไรเลย...”
……
เพื่อนบ้านกำลังพูดถึงจัวเซ่าแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับชวีกุ้ยเซียงก็ตาม ในตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าชวีกุ้ยเซียงไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
ไม่ใช่ว่าชวีกุ้ยเซียงมักจะบ่นว่าครอบครัวเธอยากจนมากอย่างนั้นเหรอ? ทำไมถึงมีเงินห้าพันหยวนมาให้คนขโมยได้กันล่ะ?
“คุณตำรวจ เขาขโมยไปจริง ๆ นะ!” ชวีกุ้ยเซียงพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ที่เขาขโมยไปเป็นเงินสดใช่ไหม? ทำไมคุณถึงเก็บเงินสดห้าพันหยวนไว้ในบ้านล่ะ? วางแผนจะทำอะไรกัน? ทำไมถึงถูกขโมยได้ล่ะ?” ระหว่างทางที่มาที่นี่ ตำรวจได้ทราบเรื่องราวมากมายจากหยางเจี้ยนหวาและถามซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง
ชวีกุ้ยเซียงเอ่ยออกมาด้วยความลังเล
“คุณรู้หรือเปล่าว่าหากแจ้งความเท็จ คุณจะถูกจับและถูกปรับด้วย!” ตำรวจกล่าวย้ำอีกครั้ง
ชวีกุ้ยเซียงตกตะลึงขึ้นมาทันที