ตอนที่ 178 เถาวัลย์กระหายเลือด
ตอนที่ 178 เถาวัลย์กระหายเลือด
หลังจากได้ยินคำตอบของฉู่เจียงเยว่ ซ่งเฉิงจุน และฮั่วฮวนต่างก็มีรอยยิ้มที่ชัดเจนบนใบหน้า
แม้ว่าท่าทีของเสิ่นจื้อกุยจะไม่ชัดเจนเท่าอีกสองคน แต่อารมณ์ที่ดีของเขาสามารถเห็นได้จากมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย
ด้วยความสามารถของใบปลิวที่ฉู่เจียงเยว่มอบให้ พวกเขาทั้งสามจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอันตรายมากนัก
ทั้งสามพูดคุยกับคนในทีมของตนเล็กน้อย จากนั้นหันหลังกลับอย่างเด็ดเดี่ยว และเดินตรงไปที่จุดพักรถใกล้ๆ
ในใจของฉู่เจียงเยว่ เธอบอกจิ้งจอกน้อยให้ใส่ใจกับสถานการณ์ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา หากพบสิ่งผิดปกติ เธอจะต้องรีบส่งคนไปช่วยเหลือ
นี่ไม่ใช่เรื่องยาก จิ้งจอกน้อยจึงตอบตกลงทันที
จริงๆ จิ้งจอกน้อยได้สแกนทั่วจุดพักรถแล้ว มันไม่พบปัญหาใดๆ
แต่ฉู่เจียงเยว่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ และเธอไม่สามารถบอกคนอื่นเกี่ยวกับการสแกนของจิ้งจอกน้อยได้ ดังนั้นการสำรวจครั้งนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ เดินไปยังจุดพักรถทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปลึกมาเท่าไหร่ เสิ่นจื้อกุยยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้น และพลังสายฟ้าก็ถูกรวบรวมอยู่ในบนฝ่ามือของเขาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อซ่งเฉิงจุน และฮั่วฮวนเห็นพลังสายฟ้าในมือของเสิ่นจื้อกุย แม้ว่าพวกเขาจะสับสน แต่พวกเขาก็ทำแบบเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น
ซ่งเฉิงจุนเป็นผู้ปลุกพลังน้ำแข็ง ในขณะที่ฮั่วฮวนเป็นผู้ปลุกพลังมืด
ทั้งสามเดินเข้าไปทั่วจุดพักรถ และตรวจดูเป็นเวลานาน แต่พวกเขาไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว และพวกเขาก็ไม่เห็นสัตว์กลายพันธุ์แม้แต่ตัวเดียวด้วย
“ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีใครอยู่เลย หรือเราจะกังวลมากเกินไป?”
ซ่งเฉิงจุนรู้สึกสงสัย หรือว่าเขาจะคิดไปเอง
“ไม่ หลังจากที่เดินเข้ามา ผมรู้สึกเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เราอยู่ตลอดเวลา แค่ยังไม่รู้ว่ามันมาจากไหน”
ความรู้สึกนี้แปลกมา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอยู่ในทุกทิศทาง ตราบใดที่เขารู้สึกตัว แล้วมองไปยังทิศหนึ่ง ความรู้สึกนั้นก็จะหายไป จากนั้นก็จะปรากฏในทิศอื่นๆ
เสิ่นจื้อกุยหงุดหงิดกับความรู้สึกนี้ มันเกิดซ้ำไปซ้ำมา มันทำให้เราอารมณ์ไม่ค่อยดี
“งั้นก็มาตรวจสอบกันอีกครั้ง”
เนื่องจากเสิ่นจื้อกุยรู้สึกแบบเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลอย่างแน่นอน ฮั่วฮวนจึงรู้สึกว่าควรจะระวังเอาไว้ก่อน
ซ่งเฉิงจุนก็พยักหน้าโดยไม่ได้คัดค้านอะไร
เมื่ออยู่ข้างนอก ระวังไว้ก่อนถือเป็นเรื่องดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจสอบรอบที่สอง ทั้งสามคนยังคงไม่พบปัญหาอะไร
เสิ่นจื้อกุยขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย
“กลับกันก่อนเถอะ เมื่อไม่พบสาเหตุก็ทำอะไรไม่ได้มาก แต่ต่อให้มีกับดักจริงๆ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรา น่าจะไม่ต้องกลัวอะไร”
ด้วยจำนวนผู้ปลุกพลังในทีม มันทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจไม่น้อย
ฮั่วฮวน และเสิ่นจื้อกุยคิดอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจกลับกันก่อน
ส่วนจะเข้ามาพักที่นี่หรือไม่นั้นก็ยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกคน
ทั้งสามคนพูดคุย และวางแผนที่จะออกจากจุดพักรถ แต่เมื่อกำลังจะก้าวเท้าออกไป พวกเขาก็รู้สึกเวียนหัวพร้อมๆ กัน
เมื่อเกิดเรื่องนี้เช่นนี้ พวกเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ มีเสียงดังจากข้างใต้ และทั้งสามคนก็เห็นเถาวัลย์หนามที่หนาเท่ากับแขนของเด็กทารก
แตกต่างจากเสี่ยวเติ๋งที่พันบนข้อมือของฉู่เจียงเยว่ที่ดูเหมือนสร้อยข้อมือหยกจักรพรรดิ เถาวัลย์หนามนั้นมีสีแดงสด และดูน่ากลัว
“โฮสต์! เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ กำลังตกอยู่ในอันตราย!”
จิ้งจอกน้อยให้ความสนใจกับสถานการณ์ของทั้งสามคนอยู่ตลอดเวลา เมื่อเถาวัลย์หนามปรากฏขึ้น มันก็รีบบอกฉู่เจียงเยว่อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ฉู่เจียงเยว่ได้ยิน สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึม ดูเหมือนพวกเขาจะต้องจัดเตรียมทีมกู้ภัยโดยเร็วที่สุด เพื่อมุ่งหน้าเข้าไปช่วยเหลือ
“มันคือเถาวัลย์กระหายเลือด โฮสต์ คุณต้องระวังไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นมันจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อได้ดื่มเลือด และต้องระวังไม่ให้มันคลั่งด้วย”
ความรุนแรงของพืชและสัตว์กลายพันธุ์ที่คลั่งนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
เมื่อได้ยินจากจิ้งจอกน้อยว่า มันแข็งแกร่งขึ้นจากการดื่มเลือด ฉู่เจียงเยว่ก็ยิ่งระวังมากขึ้น เธอพูดทวนซ้ำสิ่งที่ได้ยินจากจิ้งจอกน้อยให้คนอื่นๆ ที่ตามมาด้วยฟัง และย้ำให้พวกเขาระวังตัว
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เจียงเยว่ สีหน้าของจินซู่หยู ซูจู้เฉิง และคนอื่นๆ ก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
พวกเขาคิดว่าอาจมีคนซุ่มโจมตีเพื่อปล้นชิงสิ่งของ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับพืชกลายพันธุ์
ยิ่งไปกว่านั้น จากคำพูดของฉู่เจียงเยว่ พืชกลายพันธุ์ต้นนี้ค่อนข้างจัดการได้ยากเสียด้วย
ถ้าไม่ระวัง อาจถูกดูดเลือดจนแห้งได้
“ไปดูกันก่อน อาจจะไม่แย่อย่างที่เราคิด”
ระหว่างที่ฉู่เจียงเยว่พูดปลอบ เธอก็ถามจิ้งจอกน้อยในใจว่าเถาวัลย์กระหายเลือดมีจุดอ่อนอะไรหรือไม่
ทุกสิ่งล้วนมีจุดแข็งและจุดอ่อนในตัวเอง เถาวัลย์กระหายเลือดจึงต้องมีจุดอ่อนอยู่อย่างแน่นอน
“พืชกลายพันธุ์กลัวไฟ และกลัวสายฟ้า”
ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็คือพืช ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน รากฐานแห่งชีวิตของพวกมันก็คงเป็นพืชอยู่ดี
“เนื่องจากมันเป็นพืชกลายพันธุ์ สิ่งที่มันกลัวมากที่สุดก็คือไฟ เรามีผู้ปลุกพลังไฟไม่น้อย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” ฉู่เจียงเยว่ออกความเห็นให้คนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ฟัง
หลังจากพูดคุยกับจินซู่หยู และคนที่เหลือแล้ว ฉู่เจียงเยว่ก็ส่งข้อความถึงเสิ่นจื้อกุยในเวลาเดียวกัน
"ผมเป็นผู้ปลุกพลังไฟ ให้ผมไปด้วย!"
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เจียงเยว่ หลินซวี่หยวนก็ก้าวออกมาข้างหน้าโดยไม่ลังเล
จินซู่หรานก็ก้าวมาข้างหน้าเช่นกัน “ผมด้วย!”
ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขาที่เป็นผู้ปลุกพลังไฟที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม การรับมือกับพืชกลายพันธุ์จะมีความเสี่ยงน้อยลงมาก
อีกด้าน ในจุดพักรถ เสิ่นจื้อกุยและอีกสองคนต่างพยายามโจมตีด้วยพลังวิเศษของตัวเองใส่ เถาวัลย์กระหายเลือด แต่ในท้ายที่สุดมีเพียงพลังสายฟ้าของเสิ่นจื้อกุยเท่านั้นที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้เถาวัลย์กระหายเลือดได้ จนเป็นสีดำไหม้เกรียม
แม้ว่าพลังของอีกสองคนจะสร้างความเสียหายได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็นผลที่ชัดเจนเท่ากับของเสิ่นจื้อกุย
“พลังของเราทำอะไรมันไม่ได้มากเท่าไหร่ คุณเสิ่น เราคงต้องพึ่งคุณแล้ว เราจะคอยป้องกันให้ ส่วนคุณให้เน้นหนักไปที่การโจมตี”
เสิ่นจื้อกุยพยักหน้า นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคิดเช่นกัน
“มีคนส่งข้อความมาถึงผม น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ!”
เขามีคนที่อยู่ในรายชื่อเพื่อนไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็ติดตามมาด้วย เมื่อได้รับข้อความในเวลานี้ ต้องเป็นเรื่องสำคัญเป็นแน่
ซ่งเฉิงจุน และฮั่วฮวนจึงปกป้องเสิ่นจื้อกุย เพื่อให้เขามีเวลาอ่านข้อความ
เมื่อได้รับโอกาส เสิ่นจื้อกุยก็เปิดหน้าจอเสมือนจริงขึ้นมา และในไม่ช้าเขาก็เห็นข้อความที่ฉู่เจียงเยว่ส่งมาหา
หลังจากอ่านเนื้อหาในข้อความที่ถูกส่งแล้ว เสิ่นจื้อกุยก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“เป็นข้อความจากเถ้าแก่ เธอบอกว่านี่คือเถาวัลย์กระหายเลือด มันเติบโตขึ้นจากการดูดเลือดของศัตรู”
“อย่างไรก็ตาม พืชกลายพันธุ์มักจะกลัวไฟมากที่สุด แต่สายฟ้าก็สามารถความเสียหายอย่างหนักได้เช่นกัน เธอกำลังพาคนมาช่วย ให้เราอดทนรอไปก่อน”
เสิ่นจื้อกุยยังคงเชื่อในคำพูดของฉู่เจียงเยว่
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเสิ่นจื้อกุย ฮั่วฮวนและซ่งเฉิงจุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่ยังมีจุดอ่อน พวกเขาก็ไม่กลัวมากนัก เพราะมันแสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสชนะ ไม่เช่นนั้นเมื่อพลังของพวกเขาหมดลง พวกเขาจะต้องตายภายใต้น้ำมือของเถาวัลย์กระหายเลือดเป็นแน่
"ผมจะทำให้มันเปียกก่อน จากนั้นคุณค่อยโจมตีด้วยสายฟ้า!"
น้ำเป็นสื่อนำไฟฟ้า ดังนั้นน้ำแข็งจึงต้องเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้เช่นกันหากเปลี่ยนเป็นน้ำ
จู่ๆ ซ่งเฉิงจุนก็มีไอเดียนี้ขึ้นมา และคิดว่ามันเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
หลังจากได้ยิน ดวงตาของเสิ่นจื้อกุยและฮั่วฮวนก็สว่างขึ้น