บทที่ 40:การสอดแนมที่ไม่อาจอธิบายได้
บทที่ 40:การสอดแนมที่ไม่อาจอธิบายได้
ลู่หยวนหมิงรู้สึกได้ว่ายังมีผีตนอื่นอยู่ในตึกนี้ ความรู้สึกนี้คล้ายกับการรับรู้แหล่งความร้อน
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าผีตนที่เหลืออยู่นี้แข็งแกร่งกว่าผีหมึกยักษ์มาก
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เขารู้สึกได้เองโดยสัญชาตญาณถึงพลังและความแข็งแกร่งของผีเหล่านี้ จากการรับรู้ของเขา หากเทียบผีหมึกยักษ์กับสัตว์ประหลาดในโลกแห่งสสารมืดแล้ว มันก็แข็งแกร่งกว่าหมาหน้าคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังห่างไกลจากสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์พวกนั้นมาก
ส่วนผีอีกตนที่เขารับรู้ได้นั้น ก็อ่อนแอกว่าสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์อยู่บ้าง
สาเหตุที่ผีในโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านี้แสดงพลังอันแข็งแกร่ง รวมถึงความสามารถในการเคลื่อนย้ายในพริบตา ควบคุมจิตใจ และคลื่นเสียงคำราม อาจเป็นเพราะสิ่งลึกลับนี้ก็เป็นได้
จากการรับรู้ของลู่หยวนหมิง เขาสามารถใช้ความคิดควบคุมให้สิ่งลึกลับนี้ขยายตัวได้ แต่ยังไม่ทราบขอบเขตการขยายตัว ในขณะเดียวกัน สิ่งลึกลับนี้ก็เป็นเหมือนของใช้แล้วทิ้ง เมื่อขยายตัวในโลกแห่งสสารแล้ว มันจะถูกกัดกร่อนและหักล้างจากโลกแห่งสสารอย่างต่อเนื่อง เมื่อถูกใช้จนหมด สิ่งลึกลับนี้ก็จะหายไปโดยสมบูรณ์ แต่ก่อนหน้านั้น ภายในขอบเขตการขยายตัวของสิ่งลึกลับนี้ จะเป็นโลกแบบผสมระหว่างโลกแห่งสสารกับโลกแห่งสสารมืด จิตวิญญาณของลู่หยวนหมิงจะสามารถปรากฏขึ้นในพื้นที่นี้ได้ และยังสามารถใช้พลังของอนุภาคแสงไร้สีได้อีกด้วย
นี่คือความสามารถที่ลู่หยวนหมิงสามารถใช้ได้ในระหว่างการขยายตัวของสิ่งลึกลับ และเนื่องจากผีเหล่านี้เป็นเจ้าของดั้งเดิมของสิ่งลึกลับนี้ จึงเป็นไปได้ว่าพวกมันคงจะมีความสามารถมากกว่านี้
แต่ลู่หยวนหมิงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของสิ่งลึกลับนี้ ประการแรก สิ่งลึกลับนี้มีกลิ่นอายของความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้ แม้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่ลู่หยวนหมิงเคยเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจบรรยายได้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าสิ่งลึกลับนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเคยพบพานมาอย่างแน่นอน
ประการที่สอง ที่นี่สามารถมองเห็นโลกแห่งสสารมืดผ่านสิ่งลึกลับนี้ได้ และโลกแห่งสสารมืดที่ลู่หยวนหมิงเห็นก็คือเมืองนิวยอร์กที่พังทลาย!
ตอนนี้คือเดือนมิถุนายน ปี 2024 ณ เวลานี้ เมืองนิวยอร์กในโลกแห่งสสารมืดยังไม่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นลู่หยวนหมิงจึงสงสัยว่าสิ่งที่เห็นผ่านสิ่งลึกลับนี้คือเมืองนิวยอร์กในโลกแห่งสสารมืดของปี 2028 ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่เขาก่อตั้งองค์กร
น่าเสียดายที่สิ่งลึกลับนี้เล็กเกินไป แม้จะใช้จิตสำนึกในการรับรู้ ก็สามารถรับรู้ได้เพียงราง ๆ ถึงอาคารในเมืองฝั่งตรงข้ามของสิ่งลึกลับเท่านั้น เขาคิดว่าการใช้สิ่งลึกลับเล็ก ๆ เช่นนี้เพื่อเดินทางย้อนเวลากลับไปยังปี 2028 จิตวิญญาณของเขาคงจะเบียดเสียดผ่านไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ลู่หย่วนหมิงก็ยังรู้สึกตื่นเต้น
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ไม่มีทางเลือกเลย ไม่มีหนทางที่จะกลับไปได้ ตอนนี้เขามีความหวังบ้างแล้ว
หากได้สิ่งที่ไม่รู้จักมาเพิ่มมากขึ้น และรวมมันเข้าด้วยกัน อาจจะสร้างเป็นทางเดินให้เขาข้ามไปมาได้!
แม้ว่าลู่หย่วนหมิงจะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ไม่รู้จักนั้นคืออะไร แต่เขาก็ไม่อาจทนดูสัตว์ประหลาดเหล่านั้นทำร้ายผู้คนได้ เหมือนคำเดิมที่เขาเคยพูดไว้ เมื่อทุกคนอยู่ในความมืดมิด เขากลับมีคบเพลิงที่ส่องสว่างอยู่ในมือ แล้ว...
ทำไมเขาจะไม่เป็นแสงสว่างของทุกคนล่ะ?
ลู่หย่วนหมิงวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว หลังจากเขาวิ่งไป ก็มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนำโดยหญิงสาว และตำรวจอีกสิบกว่าคนที่ตามมา
ลู่หย่วนหมิงหันกลับไปมองหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาเห็นเธอถือเข็มเล็ก ๆ เข้ามาใกล้เขา เข็มนั้นกลวงตรงกลางและเล็กมาก คงไม่รู้สึกอะไรถ้าแทงเข้าไปในผิวหนังของคนทั่วไป แต่ถ้าแทงลงไปในเนื้อและเลือดจะสามารถเก็บเนื้อและเลือดรวมถึงยีนได้ทันที นี่คือแผนการของเธออย่างแน่นอน
เรื่องนี้ทำให้ลู่หย่วนหมิงรู้สึกขัดใจ
แต่จากบทสนทนาระหว่างหญิงสาวคนนั้นกับตำรวจ ทำให้รู้ว่าเธอเป็นบุคลากรของรัฐบาลและดูเหมือนว่ารัฐบาลจะจัดตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อรับมือกับคำสาป สัตว์ประหลาด รวมถึงความอ่อนแอไร้ทางสู้ของคนธรรมดาต่อสัตว์ประหลาดที่มีพลังพิเศษ ลู่หย่วนหมิงก็รู้สึกโกรธไม่ลง
ทุกคนล้วนแต่เป็นคนโชคร้ายที่ดิ้นรนต่อสู้กับภัยพิบัตินี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือตำรวจเหล่านี้ พวกเขาทุกคนพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตรอด...
ลู่หย่วนหมิงวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว จู่ ๆ เขาก็หยุดฝีเท้ากะทันหัน ทำให้คนที่วิ่งตามหลังมาแทบจะล้มกันระเนระนาด ทุกคนต่างมองไปที่ลู่หย่วนหมิงด้วยความสงสัย แต่เขาก็ไม่พูดอะไร แค่หันหลังไปยังกำแพงข้างบันได แล้ววิ่งตรงเข้าไปในนั้น ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงของทุกคน
ในสายตาของลู่หย่วนหมิงที่มีร่างกายแข็งแรง เขามองเห็นบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปข้างบน แต่ในสายตาของวิญญาณ บันไดตรงหน้ากลับกลายเป็นทางตัน มืดสนิท และถ้าหากก้าวไปข้างหน้า เขาจะตกลงไปจากที่สูงหลายสิบเมตร ในขณะเดียวกัน บนกำแพงข้างบันไดกลับมีทางเข้าที่เปิดอยู่
เมื่อภาพสองภาพซ้อนทับกัน ลู่หย่วนหมิงเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่วิญญาณมองเห็นเป็นอันดับแรก เขาวิ่งเข้าไปในกำแพงที่ดูเหมือนธรรมดา แต่แท้จริงแล้วข้างหลังกำแพงกลับกลายเป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือด
เพียงแค่ก้าวเข้าไปในทางเดินนั้น ลู่หย่วนหมิงก็เกือบจะอ้วกออกมา ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
เศษเนื้อและเลือดบนทางเดินนี้ ไม่ได้เป็นเพียงชิ้นส่วนของศพที่ถูกฉีกกระชาก แต่เป็นมนุษย์ที่ถูกตัดเป็นแผ่นบาง ๆ แต่ไม่ขาดออกจากกัน ราวกับว่ามนุษย์เหล่านั้นถูกแผ่ราบออกไป ความน่าสะพรึงกลัวนี้ที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคนก็เพียงพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่หมดสติไป
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้น ลู่หย่วนหมิงผู้มีความเฉียบแหลมทางสายตา เห็นรอยข่วนและรอยขีดข่วนบนผนัง รอยเหล่านั้นอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่แขนและขาของมนุษย์เหล่านั้นถูกวางเรียงราย สิ่งนี้บ่งบอกเป็นนัยว่า พวกเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ขณะที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ...
ลู่หย่วนหมิงเดินเข้าไปในส่วนลึกของทางเดินอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและตำรวจที่หญิงตามาด้วย ต่างก็วิ่งตามเข้ามา และเมื่อทุกคนเห็นทางเดินนี้ ต่างก็ตกตะลึงงันทันที ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็ตกใจกันมาก มีคนเริ่มอาเจียนออกมาทันที มีเพียงตำรวจที่แก่ที่สุดและหญิงสาวผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ถึงแม้จะหน้าซีด แต่ก็ยังคงตามหลังลู่หย่วนหมิงไป อย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ หญิงสาวหันไปพูดกับลู่หย่วนหมิงว่า "นี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วนมาก ฉันในฐานะตัวแทนของหน่วยความปลอดภัยด้านปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแห่งชาติ เราขอความช่วยเหลือจากคุณ และเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก เกี่ยวข้องกับ..."
ลู่หย่วนหมิงไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง เขาเพียงแค่เร่งฝีเท้าวิ่งต่อไป
หญิงสาวกัดฟันแน่น เธอเตรียมจะคว้าบัตรประจำตัวจากอกเสื้อออกมา พร้อมกับคำพูดข่มขู่ แต่หวังต้วยที่อยู่ด้านหลังเธอผลักเธอไปข้างหน้า ปรี่เข้าไปตบหน้าเธออย่างแรงพร้อมกับตะคอกใส่ว่า “อย่าทำตัวโง่สักที! ไม่เห็นหรือไงว่าเขาเป็นมนุษย์และตอนนี้เขากำลังช่วยพวกเราอยู่ เธอคิดจะทำอะไรเขา!?”
หญิงสาวเบิกตากว้าง มองหวังต้วยด้วยความโกรธ หวังต้วยรีบหันไปหาลู่หย่วนหมิงทันที “นี่คุณ! รีบทำสิ่งที่คุณต้องการเถอะ ตึกนี้อาจจะยังมีคนรอดอยู่ แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้ว!”
ลู่หย่วนหมิงพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่หันกลับมามอง แล้วทุกคนก็เห็นเกราะสีทองแดงที่อยู่ด้านหลังลู่หย่วนหมิงเหยียดแขนออก ราวกับกำลังกระชากและดึงอะไรบางอย่างอย่างแรง ต่อจากนั้นพวกเขาก็เห็นพื้นที่โล่งกว้างปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาก้าวไปตามทางเดินนั้น และปรากฏตัวบนดาดฟ้าอาคาร C
ตรงกลางดาดฟ้านั้น หญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีแดงสด กำลังร้องเพลงแปลก ๆ ที่ฟังดูน่ากลัว เธอจัดเรียงร่างมนุษย์เป็นรูปทรงประหลาด
มนุษย์เหล่านั้นยังมีชีวิต แต่ร่างกายของพวกเขาทั้งหมดถูกบิดเบี้ยวและฉีกขาด และเมื่อหญิงสาวในชุดแดงสัมผัสพวกเขา เพียงแค่สัมผัสเบา ๆ เนื้อและเลือดของพวกเขาก็พุ่งกระจายออกไป กลายเป็นส่วนหนึ่งของรูปทรงประหลาดบนพื้น
ลู่หย่วนหมิงดึงวิญญาณของตัวเองทะลุผ่านม่านอากาศบาง ๆ พาตำรวจและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมายังดาดฟ้า หญิงชุดแดงหันหน้ามา ทุกคนจึงได้เห็นว่าหญิงชุดแดงคนนี้นั้นไร้ใบหน้า ตรงนั้นเป็นเพียงความว่างเปล่าดำมืด เมื่อเธอมองมาบางสิ่งบางอย่างจากความมืดนั้นก็มองมาเช่นกัน ดวงตาขนาดมหึมาลอดผ่านความว่างเปล่าดำมืดมา ราวกับอยู่ไกลแสนไกล
“ปิดตา!!”
คนจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างลู่หย่วนหมิงปิดตาลงทันทีพร้อมกับเสียงตะโกนเตือน แต่ตำรวจและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านหลังปิดตาไม่ทัน นอกจากคนสองสามคนที่รีบปิดตาได้ทัน ส่วนที่เหลือกลับต่างจ้องมองดวงตานั้นด้วยความงุนงง ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ เนื้อหนังและเลือดบนร่างกายพวกเขาระส่ำระสาย บางคนเนื้อหนังและเลือดไหลทะลักออกมาจากโครงกระดูก กลายเป็นเพียงเศษกระดูก บางคนเนื้อหนังและเลือดของพวกเขาเริ่มทะลักออกมา สองคนร้องโหยหวน ร่างกายพองโตและระเบิดออก เนื้อหนังและเลือดกระเด็นออกไปเป็นวงกว้างหลายตารางเมตร
ลู่หย่วนหมิงพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะมองลึกเข้าไปในดวงตาสีแดงเลือดนั่น แต่ในขณะที่เขาจ้องมองอยู่ เขากลับได้ยินเสียงและถ้อยคำน่าขนลุกแว่ว ๆ เสียงเหล่านั้นรบกวนจิตของเขาอย่างมาก จนกระทั่งวิญญาณของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายของลู่หย่วนหมิงลอยขึ้นกลางอากาศ เคลื่อนที่ไปยังหญิงชุดแดงด้วยความเร็วสูง สองแขนของเขาวาดลวดลายทุบลงไปบนร่างกายของหญิงชุดแดงอย่างแรง พลังมหาศาลของเขานั้นสามารถทำลายร่างกายของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่หัวกะโหลกที่ไร้ใบหน้านั้นต้องทนต่อหมัดของเขาถึงเกือบร้อยหมัด ก่อนจะแตกละเอียดเหมือนกระจกแตก
ทันทีที่หัวกะโหลกแตกละเอียด เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังออกมาจากดวงตาสีแดงเลือดนั่น ร่างกายของมนุษย์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นระเบิดออกในทันที หัวกะโหลกที่ไร้ร่างก็แตกละเอียดไปพร้อมกับเสียงคำรามที่หายไป
ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ไม่รู้จักก็โผล่ขึ้นมาจากหัวกะโหลก ลู่หย่วนหมิงจึงคว้ามันไว้ทันทีก่อนที่มันจะหนีไปได้ เขาบรรจุสิ่งที่ไม่รู้จักนั้นลงไปในร่างกายของตัวเอง สิ่งที่ไม่รู้จักนี้มีขนาดใหญ่กว่าสิ่งที่อยู่ในร่างของปลาหมึกยักษ์ถึงสองเท่า
ทันทีที่สิ่งลึกลับนั้นถูกดูดซึมเข้าร่างกาย อาคาร C ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ประตูและหน้าต่างที่บิดเบี้ยวหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทางเดินที่เต็มไปด้วยเนื้อและเลือดก็เลือนหายไปในพริบตา อาคารทั้งหลังกลับคืนสู่สภาพปกติภายในเสี้ยววินาที วิญญาณที่อยู่เบื้องหลังลู่หย่วนหมิงก็จางหายไป และเขาก็ไม่รู้สึกถึงโลกแห่งสสารมืดอีกต่อไป
แต่คนตายก็ยังคงตาย
บนดาดฟ้าเต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือด อวัยวะที่ขาดวิ่นของผู้คนอย่างน่าสะพรึงกลัว ผู้เชี่ยวชาญและตำรวจหลายคนมีร่างกายที่กลายพันธุ์ เนื้อเยื่อที่กลายพันธุ์ปะทะกับเนื้อเยื่อดั้งเดิม เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ทำให้พวกเขามีเลือดออกตามร่างกายจนสลบไป
ลู่หย่วนหมิงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความเงียบ เขาลองใช้วิญญาณควบคุมอนุภาคแสงไร้สี แต่เมื่อเขตแดนของโลกแห่งสสารมืดหายไป เขาก็ไม่สามารถใช้วิญญาณได้อีกต่อไป นอกจากการมองเห็น การได้ยิน และความเร็วในการตอบสนอง เขาก็แทบไม่ต่างจากคนธรรมดา
ลู่หย่วนหมิงจึงเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะเดินไปหาหวังต้วยที่สลบอยู่ แล้วหยิบวิทยุสื่อสารจากอกของหวังต้วยขึ้นมา “เรียกรถพยาบาลและโทรแจ้งตำรวจ”
“…ตำรวจ? เราก็เป็นตำรวจนะ…”
ลู่หย่วนหมิงทิ้งวิทยุสื่อสารลงบนพื้น ทันใดนั้นก็หันหลังเดินไปยังทางเข้าดาดฟ้า ที่มีประตูอยู่
[ถึงเวลา Yak อธิบายประจำตอน: สิ่งลึกลับที่ว่า ให้จินตนาการนะครับว่าเป็น ‘อะไรบางอย่าง’ ที่จะช่วยควบคุมสร้าง ‘มิติประหลาดขึ้นมา’ ซึ่งมันจะผสานกันระหว่าง โลกแห่งสสารและโลกแห่งสสารมืด ถ้าอยู่ในมิติที่ว่านี้ ก็จะทำให้ตัวเอกสามารถใช้พลังจิตที่มีอยู่ในโลกแห่งสสารมืดได้ แถมตัวเอกยังคิดอีกว่าถ้ารวบรวมมันได้เยอะมาก ก็จะมีโอกาสกลับไปยังปี 2028 โลกอนาคตที่กำลังถูกสสารมืดกลืนกิน]