บทที่ 37 ห้วงสุญญตา "สีม่วง"
เมื่อซูมู่เดินเข้าไปหาโลกิตรง ๆ โดยไม่แสดงความเคารพใด ๆ โลกิก็ขมวดคิ้วทันที เขาไม่คาดคิดว่ามนุษย์จากโลกตรงหน้าเขาจะกล้าลบหลู่กษัตริย์แห่งแอสการ์ดเช่นนี้!
เขาจึงเรียกมีดสั้นออกมา ตั้งใจจะสั่งสอนมนุษย์หยาบคายนี้ให้รู้ถึงความเคารพที่ควรมีต่อกษัตริย์!
โลกิพุ่งเข้าหาซูมู่ พร้อมเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
“มนุษย์ชั้นต่ำจากโลก ดูเหมือนว่าฉันต้องสอนนายให้รู้จักคุกเข่าต่อกษัตริย์เสียแล้ว!”
เมื่อมีดสั้นกำลังจะถึงตัวซูมู่ โลกิแสยะยิ้มอย่างดูถูก เขาคิดว่ามนุษย์ตรงหน้านี้ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลย แม้ว่ามีดสั้นจะอยู่ห่างจากตัวเขาไม่ถึงหนึ่งเมตร ก็ยังไม่มีทีท่าจะหลบ ทำให้โลกิรู้สึกไม่สนุกอย่างยิ่ง
แต่ในวินาทีที่มีดสั้นใกล้จะถึงตัวซูมู่ สีหน้าของโลกิก็แข็งค้างไป เขามองมีดที่หยุดนิ่งอยู่ในอากาศอย่างไม่อยากเชื่อ
“นี่มันพลังอะไร?”
ขณะที่โลกิพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง พลังผลักอันรุนแรงจากซูมู่พุ่งตรงมาหาเขา ความรู้สึกกดดันจากพลังนี้ยังรุนแรงยิ่งกว่าการถูกค้อนสายฟ้าของธอร์กระแทก โลกิถูกผลักปลิวออกไปทันที!
ร่างของเขาพุ่งชนกระจกและทำลายเสาหลักเหล็กรอบ ๆ จนพังทลาย ฝ่าผ่านสายฝนและชนกับรั้วโลหะที่ฐานชั้นนอกสุดก่อนจะหยุดลง
“โอ้…หลังของฉัน!” โลกิรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน
นี่หรือมนุษย์จากโลก? ตั้งแต่เมื่อไหร่พวกเขาแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!
ไม่ทันได้พัก พลังดึงดูดอันมหาศาลก็เริ่มทำงานอีกครั้ง โลกิถูกดึงกลับไปยังห้องที่มีค้อนมโยลเนียร์อยู่ คราวนี้ต่อให้เขาแทงมีดสั้นลงบนพื้นดินเพื่อยึดเกาะก็ไม่อาจต้านพลังดึงดูดได้
เมื่อเขากลับมาถึงห้องกระจกนั้นอีกครั้ง โลกิเผชิญหน้ากับปีศาจผมขาวอีกครั้ง
ซูมู่ยิ้มก่อนจะใช้พลังควบคุมและเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง จับขาของโลกิแล้วเหวี่ยงขึ้นลงกระแทกพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากที่ฟาดไปหลายสิบครั้ง เขาก็หยุด
เมื่อเสร็จสิ้น ซูมู่หันไปมองโลกิที่นอนหมดสภาพด้วยสีหน้าเลื่อนลอย แล้วพูดขึ้น
“ไม่แปลกใจเลยที่ฮัลค์ชอบทุบอะไรต่ออะไร ความรู้สึกนี้มันดีจริง ๆ!”
เพราะซูมู่ลงมือกระทันหัน โคลสันจึงรีบถอยห่างออกไป เมื่อเห็นเหตุการณ์สงบลง เขาก็เดินเข้ามาถามอย่างสงสัย
“คุณซูมู่ เขาเป็นใคร?”
ซูมู่ยังคงเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้ทดลองกับโลกิ เขาตอบโคลสันอย่างไม่ใส่ใจ
“โลกิ บุตรแห่งโอดิน เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ด และก็แค่เด็กแสบอายุพันกว่าปีเท่านั้นเอง”
“โลกิ? นั่นไม่ใช่เทพในตำนานหรอกหรือ?” โคลสันพูดอย่างไม่เชื่อ
“สำหรับคนโบราณ พวกเขาที่มีวิทยาการและเวทมนตร์อันแข็งแกร่งก็เหมือนกับเทพเจ้า แต่ที่จริงพวกเขาก็แค่สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกเท่านั้น”
โคลสันพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เมื่อเห็นโลกิที่ถูกปีศาจผมขาวจัดการอย่างราบคาบ
เทพเจ้าที่ไหนจะอ่อนแอขนาดนี้?
เมื่อเจ้าหน้าที่นำโลกิไปที่ห้องสอบสวน ซูมู่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขารู้ว่าโลกิต้องหาทางหนีได้แน่ ๆ และไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่จะกักตัวเทพแห่งกลอุบายได้
ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ซูมู่ตั้งใจไว้ เพราะหากโลกิไม่หนีไป ชุดเกราะทำลายล้างก็จะไม่ถูกส่งมายังโลก และของขวัญอย่างอัญมณีแห่งจิตใจก็จะหายไป
ซูมู่หันไปที่ค้อนสายฟ้าแล้วลองจับด้ามมัน เขาพยายามยกขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะยกค้อนสายฟ้าได้
แม้พลังของเขาจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าโอดิน จึงไม่อาจใช้พละกำลังฝืนคำสาปที่โอดินวางไว้บนค้อนนี้ได้
ในห้องสอบสวน ธอร์มองดูน้องชายที่ถูกจับตัวเข้ามาด้วยความตกใจ
เขามั่นใจว่าน้องชายจอมเจ้าเล่ห์ของเขาจะไม่มีทางถูกเจ้าหน้าที่จับได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นต้องมีคนอื่นที่ทำให้เขาพ่ายแพ้
เขาจึงถามตรง ๆ ว่า
“โลกิ ใครเป็นคนจับเจ้ามา?”
โลกิที่ยังสับสนจากการถูกทุบไปกลับมาตั้งสติได้ เขามองธอร์ที่ถูกจับอยู่ด้วยกันแล้วกัดฟันตอบว่า
“มนุษย์ผมขาวนั่น เขาดูถูกข้า ข้าจะทำให้เขาชดใช้!”
ทันทีที่พูดจบ โลกิก็สลายตัวหายไปพร้อมกับแสงของเวทมนตร์
เมื่อธอร์ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็นึกถึงผมสีขาวของซูมู่ทันที ความคิดเดิมก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง หรือว่าเขาจะเป็นปีศาจผมขาวจริง ๆ ?
ในตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา ผมสีขาวและแว่นตากรอบกลมที่ธอร์คุ้นเคย ปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่ครั้งนี้ ดวงตาสีน้ำเงินใสที่ซ่อนอยู่หลังแว่นถูกเผยให้เห็น แฝงด้วยความเย่อหยิ่งและไร้ซึ่งความเกรงใจอย่างแท้จริง ซึ่งแม้แต่ธอร์ในอดีตก็ยังไม่อาจเทียบได้
ธอร์ได้ยินปีศาจผมขาวที่คุ้นเคยแต่กลับดูแปลกใหม่กล่าวว่า
“ช่างดูน่าสมเพชนะ ธอร์!”
...
หลังจากปล่อยตัวธอร์แล้ว ซูมู่ก็พักอยู่ในโรงแรมระดับห้าดาว คอยการมาถึงของชุดเกราะทำลายล้าง
ในช่วงเวลานั้น เขาก็ยังคงดูดซับพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์อาร์คสองเครื่องเพื่อเพิ่มอัตราการรวมเข้ากับโมเดลพลัง
หลายวันผ่านไป เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นในหูของซูมู่เป็นระยะ
[พลังงาน +1]
[พลังงาน +1]
[พลังงาน +1]
...
ภายใต้การดูดซับอย่างต่อเนื่อง สีของเครื่องปฏิกรณ์อาร์คทั้งสองเริ่มหม่นลงมาก หากยังคงใช้ต่อไปอีกไม่นาน คงต้องให้โทนี่ สตาร์กเปลี่ยนเครื่องใหม่
หลังจากดูดซับต่ออีกไม่กี่นาที ซูมู่ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบที่ต่างออกไป
[พลังงาน +1]
[อัตราการรวมเข้ากับโมเดล: 60%]
[คุณได้ปลดล็อกทักษะใหม่:ห้วงสุญญตา]
[ห้วงสุญญตา lv1 (1/100): ผสมผสานทักษะ “อาโอะ” และ “อากะ” สร้างมวลสมมุติที่ปล่อยคลื่นพลังงานซึ่งสามารถตัดผ่านมิติได้!]
ข้อมูลจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในสมองของซูมู่ คราวนี้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังเวทมนตร์ซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าครั้งก่อน ๆ
เมื่อซูมู่ย่อยข้อมูลทั้งหมดเสร็จสิ้น เขาก็สามารถใช้ห้วงสุญญตา ได้อย่างสมบูรณ์แบบและสามารถปลดปล่อยได้เต็มประสิทธิภาพ
ในตอนนั้นเอง แสงสีขาวเจิดจ้าที่ทะลุฟ้าลงมายังพื้นโลกปรากฏขึ้น!
ซูมู่มองไปยังทิศทางนั้นแล้วแสยะยิ้ม
เวลาน่าจะพอดี แสงนี้น่าจะเป็นสัญญาณว่าเหล่านักรบแห่งแอสการ์ดได้ใช้สะพานสายรุ้งมาช่วยธอร์ และถัดจากนี้ชุดเกราะทำลายล้างก็คงจะมาแล้ว!
เขาอยากรู้ว่าชุดเกราะทำลายล้างที่ทำจากเหล็กอูรูจะต้านทานห้วงสุญญตาได้หรือไม่?
ซูมู่กระโดดออกจากหน้าต่าง เดินกลางอากาศ และมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่แสงสีขาวเจิดจ้าปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!