บทที่ 266 แท้จริงแล้วฉันเป็นพ่อครัว
บทที่ 266 แท้จริงแล้วฉันเป็นพ่อครัว
“ถอดเสื้อเกราะออก!”
โจวซิงซิงตบหัวเฉินไป่เล่อเต็มแรง
“ล้อเล่นหรือไง? ตอนนี้ฉันยิ่งต้องการเสื้อเกราะมากกว่าเดิม” เฉินไป่เล่อโต้กลับ
“นายมันบ้าจริงๆ นี่คือคำสั่ง! ถอดเสื้อเกราะออกเดี๋ยวนี้!” โจวซิงซิงด่าด้วยความโมโห
เขาถอดเสื้อเกราะของตัวเองให้หวังก่างเซิงไปแล้ว
“ไม่ต้องมาขู่ฉันด้วยคำสั่งเลยนะ ไม่งั้นฉันก็เลิกทำงานซะเลย” เฉินไป่เล่อพูดเสียงดัง
“งั้นดี เอาเสื้อเกราะของสถานีตำรวจคืนมา แล้วนายจะไปไหนก็ไป!” โจวซิงซิงพูดพลางจะถอดเสื้อเกราะออกจากตัวเฉินไป่เล่อ เจ้านี่ช่างปากหวานเลียขานายอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจริงๆ
“เงียบหน่อย มีคนมา” หลี่อี้ส่งสัญญาณเตือนให้ทุกคนหยุด
โจวซิงซิงชะงักไปครู่หนึ่ง การส่งสัญญาณที่หลี่อี้ใช้เป็นสัญญาณของตำรวจ แถมยังทำได้คล่องแคล่วเกินกว่าจะเป็นทักษะที่พ่อครัวพึงมี
“อย่ายิงนะ ให้ฉันจัดการเอง!” โจวซิงซิงพูดเบาๆ
หลังจากเคยถูกหลี่เจ๋อหลอกโจมตีมาก่อน โจวซิงซิงจึงรอบคอบกว่าเดิม
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โจวซิงซิงโผตัวไปข้างหน้า จับคนที่เดินมาลงไปกดกับพื้นทันที พลางใช้มือปิดปากไว้
“เป็นผู้หญิงเหรอ?” โจวซิงซิงตกตะลึง
“บ้าเอ้ย นายไม่จับมือเธอไว้แล้วจะไปกดที่หน้าอกเขาทำไม?” โจวซิงซิงหันไปด่าเฉินไป่เล่อ
ไม่ทันที่โจวซิงซิงจะได้ด่ามากไปกว่านี้ ในวินาทีถัดมาเฉินไป่เล่อก็ได้รับกรรมสนองในทันที
“โอ๊ย!” เฉินไป่เล่อกุมเป้ากางเกงตัวเองนอนดิ้นด้วยความเจ็บปวด
“สมควรแล้ว!” โจวซิงซิงพูดด้วยความสะใจ
“ขอโทษนะ เราเป็นตำรวจน่ะ ผมคิดว่าเธอเป็นพวกโจร” โจวซิงซิงพูดพลางปล่อยมือจากปากผู้หญิงคนนั้น
“พวกคุณมาจากหน่วยไหน ฉันไม่เคยเห็นหน้าพวกคุณมาก่อน”
ผู้หญิงคนนั้นคือเฉิงซือหลิน เธอคิดว่าเป็นพวกของจอห์นนี่ หวัง เกือบจะตกใจตาย
“เอ่อ... เธอก็เป็นตำรวจเหรอ?” โจวซิงซิงตอบกลับพลางตั้งสติ “พวกเรามาจากสถานีตำรวจจิมซาจุ่ย”
“สถานีตำรวจจิมซาจุ่ย?” เฉิงซือหลินไม่ได้ถามยศของโจวซิงซิง แต่กลับสั่งทันที “ฉันเป็นผู้หมวดฝึกหัด เฉิงซือหลิน จากสถานีตำรวจฝั่งตะวันตก ช่วยฉันย้ายเด็กทารกออกจากห้องคลอดหน่อยเร็ว!”
โจวซิงซิงกลอกตาด้วยความเหนื่อยใจ แม้ว่าเขาจะมีภารกิจต้องคุ้มครองครอบครัวของหลี่อี้อยู่ แต่ถึงไม่มีก็คงไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้อยู่ดี
ระหว่างทางกลับไปที่แผนกสูติจากโถงใหญ่ของโรงพยาบาล โจวซิงซิงได้เห็นผู้ป่วยที่บริสุทธิ์หลายคนถูกโจรกราดยิงจนล้มลง แต่ตำรวจจากฝั่งตะวันตกกลับยังจัดการสถานการณ์อย่างไม่เป็นระบบ โจวซิงซิงไม่ใช่หลี่เซียนอิง เขายังอยากได้เลื่อนขั้น จึงไม่อยากถูกดึงไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้เลย
“ขอโทษนะ ผมมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ ช่วยคุณไม่ได้” โจวซิงซิงปฏิเสธทันที
“คุณว่าอะไรนะ?” เฉิงซือหลินนึกว่าตัวเองฟังผิด
โจวซิงซิงไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ จึงไม่ได้อธิบายอะไร เขาส่งสัญญาณให้เฉินไป่เล่อและเตรียมตัวจะออกไป
"ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง" เสียงปืนรัวขึ้นมาอีกระลอก
โจวซิงซิงรีบหมอบต่ำ เสียงปืนมาจากชั้นบน มีมือปืนสี่หรือห้าคนตั้งปืนกลไว้ที่หน้าต่าง ยิงกราดใส่ผู้ป่วยที่กำลังวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาล ด้านล่างมีผู้ป่วยที่โดนยิงล้มลงมากมาย โจวซิงซิงกับเฉินไป่เล่อเหลือบมองออกไปและถึงกับหน้าซีด
“บัดซบเอ๊ย!” เฉินไป่เล่อแม้จะไม่มีฝีมือมากนัก แต่กล้าหาญไม่ย่อท้อ เขาชักปืนพกออกมาแล้วหันไปยิงใส่มือปืนด้านบน
"ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง" เฉินไป่เล่อยิงกระสุนหกนัดหมดแม็ก แต่ไม่โดนโจรเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถอย! ถอย! ถอยกลับเข้าไปในห้องเร็ว!” โจวซิงซิงที่เห็นว่าเฉินไป่เล่อเปิดตำแหน่งของพวกเขาก็หัวเสียมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิงปืนช่วยคุ้มครองหลี่อี้และคนอื่นๆ ให้ปลอดภัย
"ปัง ปัง ปัง" โจวซิงซิงยิงไปสามนัด แต่ก็พลาดเป้าเหมือนกัน ตอนนี้มือปืนสองคนด้านบนได้หันปืน AK47 มาทางเขาแล้ว
โจวซิงซิงฉลาดพอที่จะหลบอยู่หลังเฉินไป่เล่อ “ฉันไม่มีเสื้อเกราะเหมือนนายหรอก!” ที่จริงเสื้อเกราะก็ช่วยป้องกัน AK47 ได้น้อยมาก แต่เฉินไป่เล่อที่ไม่รู้เรื่องนี้กำลังจะเปลี่ยนกระสุนใหม่ และด้วยความมั่นใจในเสื้อเกราะของตัวเอง เขาคิดจะใช้ปืนพกยิงสวนกลับไป
"ปัง ปัง ปัง ปัง"
จู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านหลังของโจวซิงซิง
หลี่อี้เป็นคนยิง เขายิงเข้าที่ไหล่ของโจรที่ถือ AK47 แม้จะไม่ใช่จุดตาย แต่โจรคนนั้นที่พยายามจะเล็งปืนมาทางโจวซิงซิงกลับลื่นตกจากหน้าต่างบนชั้นเจ็ดของโรงพยาบาลเพราะเจ็บจนคว้าขอบหน้าต่างไม่ทันและร่วงลงไปตาย
“ยังมีอีกคน ยิงเลย!” โจวซิงซิงไม่ได้สงสัยอะไรอีกแล้วว่าใครเป็นพ่อครัวหรือใครเป็นมือปืน เขาร้องบอกให้หลี่อี้ยิงโจรอีกคนทันที
เสียงปืนรัวกวาดไปทั่ว
“โอ๊ย! บัดซบ เจ็บเป็นบ้า!” เฉินไป่เล่อโดนยิงและล้มกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
“พวกมันอยู่ในตำแหน่งสูง เราเสียเปรียบ คุ้มกันฉันหน่อย!” หลี่อี้ก้มตัวไปยังหน้าต่างที่ปลายสุดของทางเดิน
โจวซิงซิงลากเฉินไป่เล่อไปด้านหลังพร้อมยิงคุ้มกันให้หลี่อี้
หลี่อี้แนบตัวกับผนัง แอบส่องตาดูตำแหน่งด้านบน พบช่องที่พอจะเห็นหัวของอีกฝ่ายได้ครึ่งหนึ่ง
"ปัง ปัง ปัง ปัง—"
หลี่อี้เหนี่ยวไกยิงสี่นัด เขาไม่รู้แน่ชัดว่ากระสุนลูกไหนที่โดน แต่โจรคนนั้นก็ทรุดลงไปบนขอบหน้าต่างและร่วงลงไปข้างล่าง
หลี่อี้รีบหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในห้องทันที
ตอนนี้โจวซิงซิงและเฉินไป่เล่อรู้สึกโมโหและหงุดหงิดอย่างมาก
“สถานีตำรวจฝั่งตะวันตกนี่คิดอะไรอยู่ ถึงกล้าปฏิบัติการในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยโดยไม่มีแผนควบคุมที่แน่นอน?” โจวซิงซิงพูดอย่างไม่เชื่อหูตนเอง เขามองเฉิงซือหลินด้วยความสงสัยและท้อใจเต็มที ขณะที่ความคิดในหัวเริ่มเย็นลง มองดูคนบริสุทธิ์จำนวนมากที่ต้องมาตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงครั้งนี้ โจวซิงซิงโกรธพวกโจร แต่ยิ่งโกรธสถานีตำรวจฝั่งตะวันตกที่ไร้ประสิทธิภาพมากกว่า
“พวกบ้าเหล่านี้มันเป็นใครกันแน่? มีจำนวนเท่าไหร่?” เฉินไป่เล่อเอามือตบเสื้อเกราะที่โดนกระสุนด้วยความเจ็บใจ ถึงเสื้อเกราะจะช่วยกันไม่ให้กระสุนทะลุเข้าร่างกาย แต่ก็ยังรู้สึกปวดระบมไม่น้อย
“ฉันไม่รู้ว่ามีกี่คน” คำถามของเฉินไป่เล่อทำให้เฉิงซือหลินถึงกับอ้ำอึ้ง
“หา???” โจวซิงซิงกับเฉินไป่เล่อต่างทำหน้าเหยเก พวกเขาถือว่าเป็นตำรวจระดับล่างสุดของหน่วย CID ที่จิมซาจุ่ย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองฉลาดขึ้นมาทันที
“เท่าที่ฉันรู้ คนที่นำพวกมันคือจอห์นนี่ หวัง” เฉิงซือหลินพูดเสริม
“จอห์นนี่ หวัง?” โจวซิงซิงมีแววตาลุกวาว เขารู้ว่าหลี่เอ้อร์กำลังตามล่าจอห์นนี่ หวัง หากรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป อาจจะได้เลื่อนตำแหน่ง
“จะหวังอะไรก็ช่าง รีบขอกำลังเสริมเร็วเข้า ไม่เห็นหรือไงว่าอีกฝ่ายมันรุนแรงแค่ไหน? ถ้าพวกคุณอยากเอาชีวิตไปทิ้งก็อย่าลากคนป่วยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาตายด้วยสิ พวกเขาไปทำอะไรให้พวกคุณ?” เฉินไป่เล่อกระทืบเท้าพูดด้วยความโมโหพลางกุมอกที่โดนกระสุน
“ความสามารถของพวกคุณก็ไม่ได้มากอะไรนี่!” เฉิงซือหลินพูดเสียงเย็นชา เพราะเมื่อกี้เธอเห็นเต็มตาว่าโจรสองคนถูกหลี่อี้ยิงสังหาร
“คุณชื่ออะไร? พอจะกันพวกโจรไว้ได้ไหม? เราจะได้เอาเด็กออกไปให้ปลอดภัยก่อน” เฉิงซือหลินหันไปถาม หลี่อี้
หลี่อี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขามองเฉิงซือหลินอย่างจริงจังและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จริงๆ แล้วฉันเป็นแค่พ่อครัว ไม่ใช่ตำรวจ”
“พี่อี้ อย่าไปนะ!” หวังก่างเซิงรีบจับแขนของหลี่อี้แน่น พยายามส่ายหัวด้วยความกังวล เมื่อครู่นี้ตอนที่หลี่อี้สู้กับพวกโจร หวังก่างเซิงกลัวแทบตาย ครั้งนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้หลี่อี้ไปไหนไกลอีกแล้ว
“พี่อี้ พวกเราต้องรีบแจ้งข่าวไปบอกท่านอาด่วน!” หวังก่างเซิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้
“ใช่ๆ รีบแจ้งหัวหน้าทีมให้ส่งคนมาช่วย ไม่งั้นเราตายแน่ๆ” เฉินไป่เล่อรีบเห็นด้วย แม้เขาจะไม่พอใจหลี่เอ้อร์ในหลายๆ เรื่อง แต่ในด้านฝีมือการสังหารแล้ว เฉินไป่เล่อเคารพในตัวหลี่เอ้อร์มาก “สายลับผู้พิชิต” ที่ได้รับฉายานี้มาไม่ได้มาจากการจ้างนักข่าวให้ช่วยโปรโมทแน่นอน
โจวซิงซิงและหลี่อี้ต่างก็เริ่มสังเกตเห็นว่าพวกมือปืนที่ซุ่มอยู่ในที่มืดครอบคลุมบริเวณชั้นล่างทั้งชั้น การหนีลงไปด้านล่างในตอนนี้จึงมีความเสี่ยงสูงเกินไป พวกเขาจึงจำเป็นต้องหาที่ซ่อนในตัวอาคารนี้ต่อไป และแน่นอนว่าพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยอื่น
“พวกจากสถานีตำรวจฝั่งตะวันตกจะปิดล้อมโรงพยาบาลเร็วๆ นี้ เป้าหมายหลักตอนนี้คือต้องช่วยเหลือผู้ป่วยให้ออกไปอย่างปลอดภัย” เฉิงซือหลินแย้งขึ้น “นี่คือภารกิจของสถานีตำรวจฝั่งตะวันตก”
“ฉันว่าพวกคุณที่ฝั่งตะวันตกต้องบ้าไปแล้ว มีพวกโจรถือปืนพร้อมอาวุธร้ายแรงอยู่ แล้วยังจะให้คนป่วยอพยพออกไปอีก คุณอยากให้พวกโจรสังหารหมู่คนป่วยใช่ไหม?” ถึงเฉินไป่เล่อจะมักพูดแบบไม่คิด แต่นี่เป็นความจริงที่ตรงประเด็น จอห์นนี่ หวัง น่าจะต้องการจับผู้ป่วยไว้เป็นตัวประกัน ยิ่งหนีออกไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเรียกความสนใจให้โดนยิง พวกตำรวจค่อยว่ากันเรื่องการช่วยเหลือผู้ป่วยในภายหลังจะดีกว่า
เมื่อเฉินไป่เล่อเห็นเฉิงซือหลินทำท่าทางแบบแม่พระ กำลังอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งก็ยิ่งโมโห ในห้องนั้นมีทารกอยู่หลายสิบคน มือของพวกเขามีแค่สองมือ จะอุ้มเด็กออกไปได้กี่คน? ถ้าทำทารกหล่นหรือบาดเจ็บใครจะรับผดชอบ? ถึงแม้คนของจอห์นนี่ หวัง จะเป็นโจรก็ตาม พวกมันคงไม่ฆ่าเด็กทารกที่ไร้พิษภัยและสามารถใช้เป็นตัวประกันได้แน่ๆ
“บอกเธอทีนะ ว่าฉันยังต้องใช้สมองไว้เล่นม้า กลัวว่าเธอจะทำให้ฉันโง่ลง” เฉินไป่เล่อหันไปพูดกับโจวซิงซิงอย่างเหนื่อยใจ ตอนนี้เขาแทบไม่อยากจะพูดอะไรกับเฉิงซือหลินอีกแล้ว