บทที่ 144: รีบไปอย่ารอช้า
“ถ้าครั้งนี้พี่ไปท่องเที่ยว พี่คงพาเจ้าไปโดยที่เจ้าไม่ต้องร้องขอ”
“แต่คราวนี้ไม่เป็นเช่นนั้น สถานการณ์ที่ชายแดนยังไม่ชัดเจน แม้แต่น้องรองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหน ถ้าพี่พาเจ้าไปด้วย ถ้าพี่ไม่อาจปกป้องเจ้าเอาไว้ได้ เช่นนี้เราจะทำอย่างไร?”
มู่จวินฝานสามารถละทิ้งชีวิตของตัวเองได้ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้มู่ไป๋ไป่ต้องไปเสี่ยงได้จริง ๆ
“ท่านพี่รัชทายาท ถ้าเช่นนั้นท่านยิ่งต้องพาข้าไปด้วย” เด็กหญิงรีบบอกเกี่ยวกับเรื่องของคนจากแคว้นหนานซวนที่มาเปิดศาลาหมื่นอสูรในตลาดผี “ข้าสงสัยว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกับสัตว์พวกนั้น และสิ่งที่พวกเขาต้องการทำกับสัตว์คือการควบคุมพวกมัน”
“อีกอย่าง ท่านพี่รัชทายาท ข้ามีความสามารถในการควบคุมสัตว์ได้ หากท่านบังเอิญไปเจอสัตว์ที่ถูกวางยาระหว่างทาง อย่างน้อยข้าก็ช่วยท่านได้ด้วย”
พอมู่ไป๋ไป่เห็นว่าคนเป็นพี่ชายยังคงปฏิเสธ เธอก็เม้มปากแน่นจงใจทำหน้ามุ่ยและพูดด้วยน้ำเสียงแง่งอนว่า “ไม่เป็นไร ถ้าท่านพี่ไม่คิดจะพาข้าไปที่นั่นด้วย ข้าก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะหาเวลาเดินทางไปยังชายแดนด้วยตัวเองอยู่ดี”
“เมื่อถึงเวลา ข้าจะพาเซียวเซียวกับจื่อเฟิงไปตามลำพัง”
หลังจากคนตัวเล็กพูดจบ เธอก็หันหลังเดินกลับไปที่ศาลาหมื่นอสูร
“ช้าก่อน!” มู่จวินฝานขมวดคิ้วแน่น เขาจะกล้าปล่อยมู่ไป๋ไป่ไปคนเดียวได้อย่างไร และเขาก็รู้ด้วยว่านางทำตามที่พูดแน่นอน
ทางด้านเด็กน้อยแอบรู้สึกมีความสุขในใจ แต่ยังคงแสดงสีหน้าเคร่งขรึมดังเดิม “ท่านคิดจะทำอะไร? ท่านพี่รัชทายาท ท่านรีบออกเดินทางเถอะ อย่าได้ชักช้า”
“เจ้า เจ้า…” เด็กหนุ่มไม่สามารถทำอะไรเจ้าตัวเล็กได้ เขาจึงถอนหายใจอย่างจนใจ “เจ้าอายุเพียงเท่านี้ยังซนขนาดนี้แล้ว ถ้าเจ้าโตขึ้นจะขนาดไหน?”
เมื่อมู่ไป๋ไป่ฟังจากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะตอบตกลงแล้ว เธอจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “แม้โตขึ้นข้าก็จะยังซนเหมือนเดิม ถึงอย่างไรข้าก็มีท่านพี่รัชทายาทและท่านพ่อคอยปกป้อง”
มู่จวินฝานรู้สึกขบขันกับท่าทีของน้องสาวก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่”
เขาจะปกป้องมู่ไป๋ไป่ไปตลอดชีวิต…
เนื่องจากเด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะพาน้องสาวไปด้วย เขาจึงไม่สามารถออกเดินทางได้ในทันที เขาเลยปักหลักอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองและนัดหมายกับมู่ไป๋ไป่ให้ออกเดินทางตอนรุ่งสางวันพรุ่งนี้
จากนั้นเด็กหญิงก็พาหลัวเซียวเซียวกลับไปที่ศาลาหมื่นอสูรเพื่อเก็บสัมภาระพร้อมกับบอกลาสัตว์ทุกตัว
“คุณหนู! ท่านไปอยู่ที่ไหนมา!” ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป จื่อเฟิงก็เดินออกมาพร้อมกับถือน่องไก่เอาไว้ที่มือซ้ายและมีข้าวโพดอยู่ในมือขวา “ข้าตามหาท่านทั้งวันเลย”
ในช่วงเวลานี้ จื่อเฟิงดูเหมือนจะพูดคล่องมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่าทางของเขาไม่เหมือนกับคนที่พูดไม่ได้ก่อนหน้านี้เลย
“ท่านไปส่งท่านแม่ข้าแล้วหรือ?” มู่ไป๋ไป่โบกมือไปทางเขา “ท่านกินเสร็จแล้วรีบไปเก็บสัมภาระ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกัน”
“หา?” ฝ่ายที่ได้ยินสะดุ้ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ท่านจะไปที่ไหน สนุกหรือไม่?”
“ขอแค่สนุกอย่างนั้นหรือ? ท่านนี่รู้จักแต่เล่น” คนตัวเล็กกระโดดขึ้นไปเขกหัวอีกฝ่าย “การเดินทางในครั้งนี้เรามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ”
“หา?” จื่อเฟิงลูบหัวตัวเองขณะที่ถามเสียงอ่อนลงว่า “เจ้าตัวโตจะไปกับเราหรือไม่?”
นับตั้งแต่ที่เขาพบหมาป่าสีเทา มนุษย์ 1 คนและหมาป่าตัวหนึ่งก็ไม่เคยแยกจากกันเลย
“ไม่...” มู่ไป๋ไป่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “คราวนี้เราเดินทางไกลกันมากเกินไป เจ้าตัวโตคงจะทนไม่ไหว”
“นั่นสินะ” จื่อเฟิงก้มหัวลงอยู่เงียบ ๆ ซึ่งท่าทางของเขาดูเหมือนสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังเศร้าสร้อย
เมื่อเด็กหญิงเห็นว่าเขาเป็นเช่นนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นเอาแบบนี้ดีหรือไม่ ท่านรั้งอยู่ที่ศาลาหมื่นอสูรช่วยข้าคอยดูแลสัตว์พวกนี้”
“ถึงอย่างไรข้าก็จำเป็นจะต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยดูแลเรื่องนี้อยู่พอดี”
ตอนนี้คงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการดูแลสัตว์เหล่านี้ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือหลังจากที่พวกมันหายดีแล้วต่างหาก
จื่อเฟิงเข้ากับสัตว์ทุกตัวได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะรั้งอยู่ต่อเพื่อจัดการเรื่องดังกล่าว
“ไม่!” พอเด็กหนุ่มได้ยินคำพูดของมู่ไป๋ไป่ เขาก็ปฏิเสธเสียงดัง “ข้าอยากอยู่ข้างกายคุณหนูเท่านั้น!”
ตอนนี้เขานับว่าเป็นคนขององค์หญิงหกแล้ว และหน้าที่ของเขาก็คือปกป้ององค์หญิงหก!
“โอ๊ย อยู่กันแค่นี้ท่านไม่ต้องตะโกนเสียงดังก็ได้” มู่ไป๋ไป่ตกใจที่อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังจนปวดแก้วหู ทำให้เธอพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง “ถ้าเช่นนั้นท่านก็ไปเก็บข้าวของเร็ว ๆ เข้า ข้าจะไปดูสัตว์พวกนั้นสักหน่อย”
หลังจากกล่าวจบเธอก็เดินเลี่ยงจื่อเฟิงไปอีกทาง
ขณะนี้เหล่าสัตว์ที่กำลังพักฟื้นได้กลิ่นมู่ไป๋ไป่มาแต่ไกล พวกมันจึงพากันเข้ามาทักทายเธอทันที
“พรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทางไกล” เด็กหญิงเรียกสัตว์ 4 ตัวมาแล้วพูดว่า “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและไม่ทำร้ายมนุษย์อย่างที่พวกเจ้าเคยรับปากไว้ก่อนหน้านี้”
“หลังจากข้ากลับมา ข้าจะพาพวกเจ้าขึ้นไปบนภูเขา”
สัตว์ทั้ง 4 มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้ารับ
“ท่านจ้าวอสูร ท่านจะไปที่ใดหรือ ท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่?” เสือดาวก้าวออกมาถามเป็นตัวแรก
“ข้าจะเดินทางไปยังชายแดนระหว่างแคว้นเป่ยหลงกับแคว้นหนานซวน” มู่ไป๋ไป่ไม่ได้คิดที่จะปิดบังพวกมัน “ข้าจะสืบสวนเรื่องที่คนของแคว้นหนานซวนนำพวกเจ้ามาขายที่นี่”
ทันใดนั้นดวงตาของสัตว์ทั้ง 4 ก็เป็นประกาย “ท่านจ้าวอสูร ได้โปรดให้พวกเราเดินทางไปกับท่านด้วย!”
พวกมันล้วนเป็นสัตว์ป่าที่เติบโตอยู่บริเวณชายแดนระหว่างทั้ง 2 แคว้น ก่อนหน้านี้ที่พวกมันสัญญากับมู่ไป๋ไป่ว่าจะอยู่อย่างสงบสุขเพราะพวกมันคิดว่าคงไม่มีโอกาสที่จะได้กลับบ้านของตัวเองอีกแล้ว
แต่ตอนนี้ท่านจ้าวอสูรกำลังจะมุ่งหน้าไปที่ชายแดน นี่คือโอกาสที่พวกมันจะได้กลับบ้านเกิดไม่ใช่หรือ?
“ไม่ได้” มู่ไป๋ไป่ปฏิเสธทันที “เราจะต้องเร่งเดินทาง ตอนนี้แผลของพวกเจ้ายังไม่หายดี ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะทนไม่ไหว”
“นอกจากนี้เรายังต้องเดินทางผ่านเมืองตั้งหลายเมือง แล้วเช่นนี้พวกเจ้าจะทำอย่างไร?”
เหตุผลดังกล่าวทำให้สัตว์ทั้ง 4 ตัวเงียบลง
เด็กหญิงมองพวกมันอยู่ครู่หนึ่งและเดาความคิดของพวกมันได้ “พวกเจ้าอยากกลับบ้านหรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านจ้าวอสูร” หมีดำพยักหน้าอย่างแข็งขัน “ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา…”
มู่ไป๋ไป่นิ่งคิดไปสักพัก ดังที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ สัตว์ครึ่งหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือจะถูกนำไปไว้บนภูเขาที่ตั้งของวัดฮู่กั๋ว และอีกครึ่งหนึ่งจะถูกเลี้ยงดูอยู่ในวังหลวง
ท้ายที่สุดแล้วในเวลานั้นเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เดินทางไปยังแคว้นหนานซวนเร็วขนาดนี้
แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว บางทีวิธีที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้ก็ควรจะถูกปรับตามไปด้วย
“ท่านจ้าวอสูร หากท่านยินดีที่จะพาเรากลับบ้าน เราขอสาบานว่าลูกหลานของพวกเราจะจงรักภักดีต่อท่านไปจนตาย” เสือนอนหมอบลงกับพื้น “ยิ่งไปกว่านั้นเราขอสัญญาว่าเราจะพยายามหลบซ่อนตัวเองให้ดีที่สุดและจะไม่ทำร้ายมนุษย์ไปตลอดชีวิตนี้”
“ใช่!” หมีดำกับเสือดาวเองก็พยักหน้าเช่นกัน “เราจะไม่ทำร้ายมนุษย์อีก”
“ตกลง” มู่ไป๋ไป่พยักหน้ารับ “จำสิ่งที่พวกเจ้าพูดเอาไว้ว่าอย่าทำร้ายมนุษย์”
คำตอบที่ได้รับทำให้สัตว์ทั้ง 4 รู้สึกมีความสุขมาก พวกมันที่กำลังจะได้กลับบ้านเกิดคงไม่มีอะไรที่ทำให้มันรู้สึกมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว
“ส่วนสหายที่เหลือของพวกเจ้า…” คนตัวเล็กเหลือบมองสัตว์ตัวอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลัง “ถ้าใครอยากกลับบ้านก็ให้พวกเขาติดตามเรามาด้วย”
“อย่ากังวลเรื่องบาดแผลที่ยังไม่หายดี ข้าจะหาวิธีส่งพวกเจ้ากลับหลังจากที่พวกเจ้าพักรักษาแผลให้หายดีแล้ว”
เหล่าสัตว์ที่ได้ยินคำพูดของท่านจ้าวอสูรที่พูดกับสัตว์ทั้ง 4 รู้สึกมีความสุขมาก บางตัวถึงขั้นน้ำตาไหลเลยทีเดียว
จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็กลับมาที่ห้องพักของตัวเอง และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าการเดินทางในครั้งนี้มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่รออยู่เบื้องหลัง
“ท่านจ้าวอสูรช่างเก่งกาจยิ่งนัก” เจ้าส้มปรากฏตัวมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ แล้วไปนั่งลงบนโต๊ะพร้อมกับเดินอย่างเย่อหยิ่งโดยหันหน้าปรายตามองเด็กหญิงเบา ๆ “ถึงได้คิดจะพาสัตว์ป่ามากมายข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังชายแดน”
“หยุดพูดได้แล้ว!” มู่ไป๋ไป่เกาหัวตัวเองจนชี้ฟู “ข้ารู้สึกเสียใจทีหลังแล้วเนี่ย!”
แต่เธอได้เอ่ยปากสัญญากับสัตว์พวกนั้นไปแล้ว เธอจะไม่รักษาคำพูดของตัวเองในฐานะจ้าวอสูรได้อย่างไรกัน?