ตอนที่แล้วบทที่ 131 จัดการน้าแกตรง ๆ เลย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 133 อ้อมกอดแห่งใจ

บทที่ 132 การข่มขู่ขั้นเด็ดขาด


บทที่ 132 การข่มขู่ขั้นเด็ดขาด

ขาดสะบั้น!

เฉินหยวนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของกระดูกที่ขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับชอล์กที่ถูกขว้างลงพื้นแล้วแตกกระจาย

ส่วนอีกฝ่ายกลับดูนิ่งเฉย

หรืออาจจะเรียกว่ามึนงง

ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จนกระทั่งความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นริ้ว เขาก็ร้องครวญครางออกมาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว "ไอ้เวร... ไอ้เวรเอ๊ย..."

เจ็บ! เจ็บชะมัด!

นี่มันแรงอะไรกันเนี่ย?!

แถมทำไมมันห้อยลงมาแบบนี้...

หรือว่า... ขาดแล้ว?!

เหลวไหล! เป็นไปไม่ได้ แม้แต่กรรมกรในไซต์งานก่อสร้างของฉันที่ทำงานหนักทุกวัน ก็ไม่มีใครบิดกระดูกคนอื่นขาดได้...

ไม่ขาดหรอก แค่หักนิดหน่อย แต่ไอ้เวร ทำไมมันเจ็บแบบนี้วะ?!

ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วมือ ไม่อาจหยุดยั้ง ราวกับเศษกระดูกกำลังทิ่มแทงเนื้อ...

"เฉินหยวน พอแล้ว เราไปกันเถอะ... เฉินหยวน อย่าเลย" โจวฟู่คว้าแขนเฉินหยวนไว้ เธอแทบจะร้องไห้ออกมา ไม่อยากเห็นเฉินหยวนเป็นแบบนี้

เขาเป็นคนที่พึ่งพาได้ มีพละกำลัง และทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยก็จริง แต่อีกฝ่ายก็เป็นผู้ใหญ่ แถมดูท่าทางคงจะเรียกพวกอันธพาลมาได้ อย่าทำให้เรื่องบานปลายเลย...

"เดี๋ยว ฟู่ฟู่"

เฉินหยวนตบมือโจวฟูเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อยแขนเขา เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค จากนั้นก็เดินไปหาหวังหยวนที่กำลังร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แล้วโอบไหล่เขาไว้ "แกคิดจะจับฉัน แล้วบอกให้ไปคุยกันส่วนตัวในที่ลับตาคนใช่ไหม?"

เขาไม่อยากให้โจวฟู่เป็นห่วง เพราะตอนนี้เขาคือเพื่อนสนิทที่สุดของโจวฟู่

ความรู้สึกที่เธอมีให้เขา มากกว่าเพื่อนสนิทอย่างโจวหยูและเหอซือเจียวเสียอีก

โจวฟู่กำลังเป็นห่วงเขาจริง ๆ

โจวฟู่ที่เคยขาดเพื่อนอย่างเธอ ให้ความสำคัญกับเขามาก

แต่ถ้าเรื่องนี้ไม่จบวันนี้ ปัญหาจะตามมาไม่หยุดหย่อน

วันนี้ เขาจะจัดการให้เรียบร้อย!

"ไอ้เวร แกอยากตายเหรอ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!"

หวังหยวนกำลังจะโต้ตอบและผลักเฉินหยวนออก แต่เฉินหยวนกลับคว้าข้อมือเขาไว้ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างในพริบตา แต่เขาก็ไม่กล้าร้องออกมา ได้แต่กัดฟันกรอด

ถึงแม้เฉินหยวนจะทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส แจ้งตำรวจก็ทำให้หวังหยวนซวยได้แน่ แต่เขาเป็นคนงานก่อสร้าง เป็นมาเฟียประจำถิ่น ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปว่าเขาถูกเด็กมัธยมคนเดียวรังแก แถมต้องรอตำรวจมาช่วยถึงจะรอด นอกจากจะเสียหน้าแล้ว ใครจะกลัวเขาอีก?

งานของเขาจะทำต่อไปได้ยังไง?

แม่งเอ๊ย น่าจะเรียกคนมาเยอะกว่านี้ ใครจะไปคิดว่าไอ้เด็กนี่จะมีแรงเยอะเหมือนวัวขนาดนี้...

"ไปกันเถอะ ฉันรู้จักที่หนึ่ง ไม่เพียงแต่ไม่มีคน แม้แต่ระหว่างทางก็ไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย ปลอดภัยแค่ไหนรู้ไหม? หลานชายโง่ ๆ ของแก ซูเฉิน น่าจะชอบไปแอบสูบบุหรี่ที่นั่น เราไปคุยกันให้รู้เรื่องตรงนั้น"

เฉินหยวนมีท่าทางอึมครึม แววตาแข็งกร้าว เขาพูดประโยคยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ฟังดูก็รู้ว่าเขาโกรธมาก

โจวฟู่คิดว่าที่เฉินหยวนเป็นแบบนี้ คงเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นมาจับมือเธอกระทันหัน

เหมือนกับตอนที่อู๋หยี่เสียงรังแกเธอในฝัน แล้วเฉินหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นมา เล่นงานอู๋หยี่เสียงอย่างไม่ปรานี เวลาที่เจอเรื่องที่เกี่ยวกับคนอื่น เฉินหยวนมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ยิ่งกว่าตอนที่เจอเรื่องแย่ ๆ กับตัวเองเสียอีก

ใช่แล้ว

เฉินหยวนเห็นด้วยกับความคิดของโจวฟู่

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม นิสัยของเขาถึงเป็นแบบนี้

ได้แต่บอกว่าโชคดีแล้ว

โชคดีที่ไอ้หมอนี่ใช้กำลังกับโจวฟู่ ไม่ใช่เซี่ยซินหยู่

ไม่งั้นคงได้ไปตายจริง ๆ แน่

“ไม่ใช่แล้ว... พวกเขาจะไปไหน? แล้วทำไมเหมือนเฉินหยวนกำลังพาหวังหยวน…ไปตรอกเหรอ?”

แม่ของซูเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่ขับรถตามไป

แล้วก็มองพวกเขาเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ...

………

“ดีมาก ถึงที่แล้ว”

เฉินหยวนจับข้อมือของอีกฝ่ายไว้ ถ้ากล้าขัดขืนแม้แต่นิดเดียวก็จะบีบกระดูกให้แตกคามือ ในสถานการณ์ที่ถูกควบคุมแบบนี้ หวังหยวนถูกพาไปที่ประตูหลังเล็ก ๆ ของโรงงานลูกปืนเก่า

เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กโดยรวมซบเซา อุตสาหกรรมด้านนี้จึงค่อย ๆ เสื่อมถอยลง แม้กระทั่งเปลี่ยนไปผลิตขวดแก้วและน้ำอัดลมเกลือซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเบา

ไม่จำเป็นต้องใช้โรงงานมากขนาดนั้น ที่นี่จึงเงียบสงบมาก เสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครว่าแม้กระทั่งหลังสี่ทุ่ม

"เฉินหยวน...ฉันกลัว" โจวฟู่เอ่ยน้ำตาคลอเบ้า มือบางกำมือเฉินหยวนแน่นพลางส่ายหน้า "ไปกันเถอะ แม่ฉันขับรถมารับแล้ว"

"ขอเวลาฉันสักสองสามนาที เชื่อใจฉัน" เฉินหยวนเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาฉายแววจริงจัง

น้ำเสียงของเขาในตอนนี้ ฟังดูสุขุม เยือกเย็น

แต่... ทำไมต้องรอตั้งสองสามนาทีด้วย?

"แกจะทำอะไร! แก... อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามนะ" หวังหยวนจ้องเฉินหยวนเขม็ง พยายามเจรจา "วันนี้ฉันแค่มาคุยเรื่องค่าเสียหายที่ซูเฉินได้รับบาดเจ็บ เราคุยกันดี ๆ แกกลับมาลงไม้ลงมือ... แกต้องการอะไรกันแน่!?"

หวังหยวนมองเฉินหยวนเปิดกระเป๋าด้วยสายตาหวาดระแวง จนแทบหยุดหายใจ

กระทั่งเห็นอีกฝ่ายหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง...

หรือว่า... มันจะเอาหนังสือมาม้วนตีฉัน?

ไอ้สารเลว... งั้นฉันก็ต้องลงมือก่อนแล้ว!

หวังหยวนฉวยโอกาสตอนเฉินหยวนวางกระเป๋า ถีบเข้าใส่เฉินหยวนอย่างรวดเร็ว ทว่าเฉินหยวนกลับหันขวับมา หลบได้อย่างง่ายดายราวกับรู้ล่วงหน้า ก่อนจะสวนกลับด้วยการถีบเข้าที่ท้องหวังหยวนเต็มแรง จนหวังหยวนเซถอยหลังไปหลายก้าว

ทันใดนั้น หวังหยวนก็เหลือบไปเห็นก้อนอิฐแดงบนพื้น จึงรีบก้มลงคว้า

แต่เฉินหยวนกลับพุ่งเข้ามาเหยียบเท้าหวังหยวนเต็มแรง จนมือหวังหยวนแนบติดกับก้อนอิฐแดง ราวกับเหยียบหนูตัวหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเหยียบซ้ำอีกหลายครั้ง...

"อ๊ากกก! อย่า... อย่ายุ่งกับฉัน!"

ผิวหนังบริเวณหลังมือถลอกจนเห็นเนื้อแดงเป็นวงห้าวง เห็นแล้วชวนสยดสยอง

เห็นดังนั้น โจวฟู่จึงไม่กล้าห้ามเฉินหยวนอีก

ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเฉินหยวนที่กำลังโมโหจะพลอยทำร้ายเธอด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แม้เฉินหยวนจะกลายเป็นปีศาจ เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายเธอ...

เพียงแต่ การต่อสู้ในตอนนี้ดูรุนแรงเกินไป อีกฝ่ายถึงขั้นจะหยิบก้อนอิฐขึ้นมา ถ้าเฉินหยวนไม่ขัดขวางไว้ทัน ตอนนี้ไอ้หัวโล้นนั่นคงได้คว้าก้อนอิฐฟาดไปทั่วแล้ว

หรืออาจจะ... ฟาดเข้าใส่เฉินหยวนโดยตรง

ถ้าเฉินหยวนโดนเข้าไป คนที่จะต้องเจ็บตัวก็คงกลายเป็นเฉินหยวนแทน

"เอาไปวางบนท้องของแก"

เฉินหยวนหยิบหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งออกมา ยื่นให้หวังหยวนที่มือทั้งสองข้างสั่นเทาพลางพูดอย่างใจเย็น

"แก...แกจะทำอะไร?" หวังหยวนถอยหลังด้วยความต่อต้าน แต่เมื่อเห็นเฉินหยวนทำท่าจะคว้ามือซ้ายของเขา เขารีบคว้าหนังสือด้วยมือขวาที่ถลอกปอกเปิก

จากนั้นก็วางหนังสือไว้ใต้เสื้อ บนท้องตัวเองอย่างหวาดกลัว

"เหน็บไว้ในกางเกง อย่าให้หล่นออกมา" เฉินหยวนยังคงออกคำสั่ง

"เราคุยกันได้ไหม เรื่องค่าเสียหายลืม ๆ มันไปเถอะ ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้ไหม... ฉันเหน็บ ฉันเหน็บก็ได้! อย่าแตะมือซ้ายฉัน!"

หวังหยวนรู้ว่าไอ้เด็กนี้บ้าไปแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าขัดขืน จึงทำตามที่เฉินหยวนบอกโดยเหน็บหนังสือไว้ที่ขอบกางเกง แต่ทันทีที่ทำเสร็จ เฉินหยวนก็ล็อกคอเขาไว้ แล้วใช้เข่ากระแทกหนังสือภาษาอังกฤษอย่างแรง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แค่ครั้งแรก น้ำย่อยในกระเพาะของหวังหยวนก็พุ่งขึ้นมาถึงลิ้นปี่ ครั้งต่อ ๆ มาล้วนหนักหน่วงจนน่าตกใจ

ความเจ็บปวดทำให้เหงื่อเย็นของเขาไหลราวกับฝน

ขาของเขาก็สั่นไม่หยุด เกือบจะล้มลงตรงนั้น แต่เฉินหยวนดันเขาไว้กับประตู บังคับให้เขายืนรับความเจ็บปวดทุกครั้ง

ความเจ็บปวดเช่นนี้มีระดับชั้นอย่างมาก

เพราะบาดแผลมันมากมายเหลือเกิน จนเขาแทบไม่รู้ว่าควรจะเจ็บตรงไหน

หรือจะพูดให้ถูกก็คือ... เจ็บไปหมดทั้งตัว

น้ำย่อยพุ่งพรวดออกมาจากปาก ร่างของหวังหยวนทรุดลงกับพื้น เขาทนไม่ไหวจนต้องร้องขอชีวิต "เฉินหยวน... ปล่อยฉันไปเถอะ... ปล่อย..."

ปล่อยแกงั้นเหรอ?

แม่งเอ๊ย! แกตามฉันมาถึงโรงเรียน แค่จะมาพูดแบบนี้ใช่มั้ย?

ตอนนี้รู้จักขอร้องแล้วสินะ?

"แกมันไอ้สารเลว!"

เฉินหยวนสบถคำด่า พลางปล่อยหมัดเด็ด กระแทกเข่าเข้าใส่ร่างของหวังหยวนอย่างแรงจนกระเด็นไปชนกับประตูเหล็ก เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

หวังหยวนทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ร่างกายบิดตัวด้วยความเจ็บปวดราวกับหนอนน้อย มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา แต่โชคดีที่เฉินหยวนเห็นว่าบนหน้าท้องของเขาไม่มีรอยฟกช้ำหรือบาดแผลภายนอกใด ๆ

ตอนนี้ บาดแผลทั้งหมดที่เขาได้รับล้วนเป็นบาดแผลภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเฉินหยวนได้ยินเสียงในใจของหวังหยวน เขาจึงรู้ว่าด้วยสถานะของอีกฝ่าย คงไม่สามารถแจ้งความเรื่องแบบนี้ได้ เขาจึงกล้าลงมือโดยไม่ลังเล

แต่ถ้าเขาซ้อมหวังหยวนจนหน้าตาบวมปูด มีแผลเต็มตัว ต่อให้อีกฝ่ายไม่แจ้งความ เรื่องนี้ก็คงปิดไม่มิด

เขาจึงระมัดระวังไม่ให้เลยเถิด

เหมือนกับจางเชา ที่รู้ว่าควรจะหยุดตรงไหน

"เช็ดเลือดที่มุมปากซะ"

เฉินหยวนก้มลงมองร่างที่นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับเอ่ยเตือน

หวังหยวนถูกซ้อมจนสติเลื่อนลอยไปหมดแล้ว เขาไม่ได้ยินคำพูดของเฉินหยวนด้วยซ้ำ ได้แต่ครางด้วยความเจ็บปวด

"ไม่ได้ยินรึไง? ฉันบอกให้เช็ดเลือดไง!"

เฉินหยวนยกเท้าขึ้นหมายจะเหยียบลงบนใบหน้าของหวังหยวน ฝ่าเท้าแนบลงบนแก้มข้างหนึ่งของเขา พอเขากำลังจะลงน้ำหนัก โจวฟู่ก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลัง กอดเขาไว้แน่น พลางตะโกนว่า "ถ้าฉันไม่อยากให้นายทำแบบนี้ นายจะยอมฟังฉันไหม!?"

"..."

คำพูดนี้เปรียบเสมือนคาถาปลุกวิญญาณ ดึงเฉินหยวนกลับมาจากห้วงแห่งความโกรธ เขาได้สติขึ้นมาในทันที

ถ้าเป็นเซี่ยซินหยู่ที่ขอร้องให้เขาหยุด เขาก็คงจะหยุด

เพราะเขาไม่อยากทำให้เธอเสียใจ ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้รับผลกรรมจากการกระทำของตัวเอง

คำพูดของโจวฟู่ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เธอก็คงเป็นห่วงเขาเช่นกัน...

"พอแล้วเฉินหยวน... เราไปกันเถอะ ขอร้องล่ะ ฉันขอร้องนายนะ" โจวฟู่พูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาเป็นแค่นักเรียน ชีวิตของเขาควรจะสดใสร่าเริง

นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ใช่ไหม?

"โอเค ฉันรู้แล้ว"

เฉินหยวนพยักหน้า หลังจากโจวฟู่ปล่อยมือเขาแล้ว เขาก็หันกลับไปมองโจวฟู่ที่เพิ่งร้องไห้เสร็จ แล้วพูดว่า "เรื่องนี้เราจะไม่บอกใคร เราถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น โอเคไหม?"

"... อืม" โจวฟู่พยักหน้า ตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครทั้งนั้น

เซี่ยซินหยู่ไม่ต้องพูดถึง โจวหยูกับเหอซือเจียวก็ไม่ได้

เรื่องนี้ จำเป็นต้องปิดผนึกไว้ตลอดกาล

แต่ ท่าทางที่เฉินหยวนปกป้องเธอไว้ข้างหลังในชั่วขณะนั้น เธอจะจดจำไว้ในความทรงจำตลอดไป

เธอรู้สึกขอบคุณมาก ในวินาทีนั้น เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่สุด

และหลังจากนั้น เธอก็ซาบซึ้งใจ เพราะความโกรธเหล่านั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอ

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี คิดถึงทีไรก็จะมีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ดังนั้น เธอจึงหวังว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอคนนี้ ในอีกหลายปีต่อมา ในงานเลี้ยงรุ่นครั้งใดครั้งหนึ่ง จะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้ม

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต้องมีเรื่องแน่ ๆ

ต้องมีเรื่องผิดพลาดแน่ ๆ

"เฉินหยวน..." เมื่อเธอเห็นเฉินหยวนก้มลง โจวฟู่ก็รู้สึกไม่สบายใจอีกครั้ง

"ไม่เป็นไร ฉันหายโกรธแล้ว"

เฉินหยวนตอบอย่างใจเย็น จากนั้นก็ลากคนหนัก 85 โล ขึ้นมา เดินไปที่รถที่จอดอยู่ตรงหัวมุมซอยไม่ไกลนัก แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "แค่โดนไม่กี่ทีแค่นี้เอง เดินเองได้แล้วน่า"

หวังหยวนเจ็บจนหน้าเบี้ยว แต่ก็ต้องฟังเฉินหยวน พยายามเดินไปที่รถของพี่สาว

สิบกว่าวินาทีต่อมา ก็เดินมาถึง

ซูเฉินที่นั่งอยู่ในรถมองเฉินหยวนกับน้าชายด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือด กลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

จนกระทั่งเฉินหยวนเคาะประตูรถด้านหลัง เขาจึงกดปลดล็อกด้วยความประหม่า

เสียงปลดล็อกดัง "แกร๊ก" จากนั้นเฉินหยวนก็เปิดประตูรถแล้วโยนหวังหยวนเข้าไปในเบาะหลังทันที พูดว่า "อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกทำอะไร บอกว่าทำธุรกิจรับเหมาถมดิน แต่จริง ๆ ก็แค่ลูกน้องนักเลง แถมฝีมือแค่นี้ แกจะไปสู้ใครได้วะ? ไอ้ขี้แพ้"

เฉินหยวนได้ยินความลังเลของหมอนี่ผ่านทางเสียงในใจ

ถึงจะพอมีลูกน้องบ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ระดับหัวหน้า

ไม่งั้นถ้ามีอำนาจขนาดนั้น ครอบครัวของซูเฉินก็คงไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา คงร่วมหุ้นกันทำธุรกิจไปนานแล้ว

เพราะงั้น ต้องสั่งสอนเขาสักหน่อย

เฉินหยวนหยิบมือถือออกมา เปิดรูปถ่ายคู่กับเลขาธิการพรรคที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ให้แม่ของซูเฉินที่หันกลับมาดู "จำได้ไหม? หน้าโรงเรียน แถวแรก คนแรก"

ท่านเอาวิธีนี้มาข่มขู่ผม งั้นก็อย่าหาว่าผมเอาท่านมาขู่คืนบ้างล่ะ

"..." แม่ของซูเฉินจำได้ เพราะในรูปที่ติดประกาศหน้าโรงเรียน เขายืนอยู่หน้าผู้อำนวยการเหอหงเทาด้วยซ้ำ

เฉินหยวนแค่เด็กห้องบ๊วย แต่กลับถ่ายรูปโอบไหล่กับผู้อำนวยการได้...

แถมวันนี้ครูประจำชั้นยังเข้าข้างเขาสุด ๆ ทั้งที่เรื่องแบบนี้ พวกครูควรจะไกล่เกลี่ยไม่ใช่เหรอ?

เรื่องมันแปลก ๆ เขาต้องมีแบ็คแน่ ๆ !

"พวกแกสองตัวลองมาโวยวายที่โรงเรียนอีกสิ"

เฉินหยวนยิ้ม มองเธอด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับคำเตือน "ดูสิว่าลูกชายแกจะยังเรียนที่โรงเรียนหมายเลข 11 ได้อีกรึเปล่า?"

คำตอบคือไม่ได้

มัธยมปลายไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ

ถ้าแม่ของซูเฉินยังดื้อด้าน ไม่เลิกรา แถมยังตามตื๊อขอค่าเสียหายจากโรงเรียนอีก ก็อย่าหาว่าท่านเหอหงเทาใจดำตัดหางปล่อยวัดล่ะ

"อีกอย่าง"

ตอนที่แม่ของซูเฉินกำลังจะร้องไห้เพราะกลัวเฉินหยวนก็งัดไม้ตายออกมา ใช้เสียงเรียบ ๆ เตือนเป็นการส่วนตัว "ฉันยังมีไฟล์บันทึกเสียงอยู่นะ เอาไว้ใช้ตอนแกมาโวยวายที่โรงเรียนจะยิ่งได้ผลดีเยี่ยม อยากทำอะไรก็ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน"

ตัดสินใจ?

น้องชายฉันโดนซ้อมจนสลบไปแล้ว เขาไม่เคยแพ้ใครในการต่อยตี แต่วันนี้กลับสู้ไม่ได้เลย ฉันจะทำยังไงได้...

ปัง!

ทันที่แม่ของซูเฉินจะตอบ ประตูหลังก็ถูกปิดกระแทกใส่หน้า

จากนั้นเฉินหยวนก็เอาเท้าเหยียบประตูรถ มองเธอด้วยหางตา

แม่ของซูเฉินรีบลดกระจกลงด้วยความกลัว ไม่กล้าแสดงกิริยาไม่ดี แล้วก็ได้ยินคำเตือนที่เย็นชาจนขนลุก

"ไสหัวไป"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด