ตอนที่ 641 สินค้าใหม่ในร้านค้าห้าดาว
“หลานสาวกับหลานเขยของฉันเพิ่งกลับมาเมืองจีน เป็นคนรุ่นใหม่กันทั้งคู่ รู้จักกันไว้หน่อยสิ”
คุณปู่ อู๋ พูดพลางเรียกแม่บ้านให้ไปโทรหาอีกฝ่าย
หลานสาว และหลานเขยของท่านพักอาศัยอยู่ไม่ไกลในอีกย่านหนึ่งที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ ซึ่งพวกเขาน่าจะมาถึงในไม่ช้านี้
ประมาณ 7-8 นาทีต่อมา หลานสาวของ คุณปู่ อู๋ และหลานเขยก็มาถึง
หลานสาวของ คุณปู่ อู๋ ชื่อ อู๋ ม่านม่าน หน้าตาดี เธอเพียงเอ่ยแนะนำตัวเองสั้นๆ เท่านั้น
“เจิ้ง รุ่ยหมิง จบโทจากมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด”
เมื่อแฟนหนุ่มของ อู๋ ม่านม่าน แนะนำตัว เขาจงใจเน้นย้ำเรื่องปริญญาจากแสตมฟอร์ด
มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกที่มีศิษย์เก่ามากมายที่เป็นคนมีชื่อเสียง และนักธุรกิจชั้นนำ เขาจึงมีสิทธิ์ภาคภูมิใจในจุดนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างไม่โอ้อวดเกินไป แต่ก็ยังมีแววไม่ค่อยพอใจอยู่
เนื่องจากก่อนหน้านี้เขากำลังจะใช้เวลาอยู่กับ อู๋ ม่านม่าน ที่บ้าน แต่ใครจะไปรู้ว่า จู่ๆ พวกเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่บ้าน
เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของ ผู้เฒ่า อู๋ เลยต้องรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ามาที่นี่ตามคำสั่งของ ผู้เฒ่า อู๋
“เย่เฉิน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้”
เย่เฉิน ก็แนะนำตัวเช่นกัน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ งั้นเหรอ?!
เมื่อได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยของ เย่เฉิน อู๋ ม่านม่าน ก็หมดความสนใจในตัว เย่เฉิน ไปทันที
ส่วน เจิ้ง รุ่ยหมิง ก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่ต้องมาเจอแค่เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ มันช่างน่าเบื่อมากในสายตาของเขา
เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ดที่เขาอยู่ กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มันช่างห่างชั้นกันมาก
“รุ่ยหมิง เป็นคนเก่งในสาขาการออกแบบสถาปัตยกรรม”
คุณปู่ อู๋ เอ่ยชมหลานเขยด้วยความพอใจ
หลานเขยของฉันดูเหมือนจะดีกว่าหลานเขยของ เหล่าซู อยู่ไม่น้อย..
“ตอนนี้ผมยังวางแผนว่าจะเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์ เพื่อคว้าปริญญาโทสองใบ”
เจิ้ง รุ่ยหมิง ดูภาคภูมิใจในความสามารถของตน
“ออกแบบสถาปัตยกรรมเหรอ?”
เย่เฉิน พึมพำเบาๆ คำพูดนี้ทำให้เขาสนใจขึ้นมา
“เอาล่ะ ให้คนหนุ่มสาวคุยกันไปเถอะ”
หลังจากนั้น คุณปู่ อู๋ ก็ปล่อยให้คนหนุ่มสาวสองสามคนได้พูดคุยกัน ส่วนตัวเขาก็ไปพูดคุยกับพ่อแม่ของ ซู หนิงซวง แทน
พวกเขานั่งลงพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย เจิ้ง รุ่ยหมิง คุยฟุ้งเรื่องความสามารถของตัวเองโดยไม่ได้ให้ความสนใจ เย่เฉิน นัก เพราะในสายตาเขา เย่เฉิน จบจากมหาวิทยาลัยธรรมดา
ซึ่งทั้งสองมีคุณวุฒิการศึกษาที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าความสำเร็จในอนาคตก็ย่อมจะแตกต่างกัน เย่เฉิน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ จะมีโอกาสสูงสุดเพียงขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับกลาง หรือไม่ก็ผู้บริหารของบริษัทเล็กๆ
แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่เหมือนกัน เพราะเขาจะกลายเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เช่นเดียวกับบรรดาศิษย์เก่าแสตมฟอร์ดที่โด่งดัง
แบรนด์อย่าง HP, Logitech, Yahoo ต่างก็มีผู้ก่อตั้งเป็นศิษย์เก่าผู้มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด
ในอีกยี่สิบ หรือสามสิบปีข้างหน้า เขาก็จะเป็นเหมือนพวกเขา กลายเป็นนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง
ขณะที่พูดคุยกัน เจิ้ง รุ่ยหมิง ก็เริ่มเล่าถึงสาขาที่เขาเรียน เขาบอกว่าหลายๆ ศาสตราจารย์จากหลากหลายคณะต่างยกย่องว่าเขามีพรสวรรค์สูงในด้านสถาปัตยกรรม
“ฉันเองเพิ่งซื้อที่ดินมา อยากสร้างสิ่งปลูกสร้าง ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนนะ?”
เย่เฉิน พูดขึ้นอย่างลอยๆ เมื่อพวกเขากำลังคุยกันในเรื่องนี้พอดี
“โอ้.. จริงสิ เล่าให้ฉันฟังหน่อย ที่ดินของนายขนาดเท่าไหร่?”
เจิ้ง รุ่ยหมิง ถามด้วยความมั่นใจ
“สี่หมื่นกว่าตารางเมตร”
เย่เฉิน ได้ตอบกลับ
“สี่หมื่น…กว่าตารางเมตร?!”
ดวงตาของ เจิ้ง รุ่ยหมิง พลันเบิกกว้างขึ้น
ข้างๆ นั้น อู๋ ม่านม่าน ก็อึ้งไปเช่นกัน
“ที่ดินสี่หมื่นกว่าตารางเมตรของคุณอยู่ที่ไหน?”
เจิ้ง รุ่ยหมิง ถามด้วยความกังวลใจเล็กน้อย
“อยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้”
ในเมืองเซี่ยงไฮ้เหรอ?!
ในใจของ เจิ้ง รุ่ยหมิง ไม่สงบอยู่นาน เขาไม่คาดคิดว่า เย่เฉิน จะมีความสามารถขนาดนี้
แม้พวกเขาจะจบจากมหาวิทยาลัยต่างกัน แต่สแตนฟอร์ดที่เขาเรียนอยู่นั้น มีชื่อเสียงมากกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของ เย่เฉิน มาก
ทำไมช่องว่างระหว่างเราสองคนถึงได้กว้างขนาดนี้?
ตอนนี้ เย่เฉิน มีที่ดินแล้ว และกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงอะไรอื่น แค่ที่ดินจำนวนมากขนาดนี้ คงมีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน
แต่ตัวเขาเองกลับไม่มีอะไรเลย..
“เอ่อ… ฉันยังไม่เคยออกแบบที่ดินขนาดใหญ่เช่นนี้ คงสามารถคาดเดาคร่าวๆ ได้ว่า ต้องใช้เวลาโดยประมาณสองปี หากมีงบมากอาจทำให้เสร็จได้ภายในปีครึ่ง”
ตอนนี้เมื่อเผชิญกับคำถามของ เย่เฉิน เจิ้ง รุ่ยหมิง ก็ตอบอย่างระมัดระวังหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน
“หนึ่งถึงสองปีเหรอ?”
คำตอบนี้ยังไม่ทำให้ เย่เฉิน พอใจเท่าไหร่นัก มันดูช้าไปหน่อย
“ถ้าคุณต้องการสร้างพื้นที่ขนาดใหญ่ขนาดนี้จริงๆ ควรจ้างสถาปนิกชั้นนำที่มีประสบการณ์…”
เจิ้ง รุ่ยหมิง พูดอย่างจริงจัง
แม้ว่าเขาจะสู้ เย่เฉิน ในเรื่องการเริ่มต้นธุรกิจไม่ได้ แต่เขาก็ยังมีความสามารถ สิ่งนี้จึงทำให้เขารู้สึกมั่นใจว่าตนเองยังมีพรสวรรค์เหนือกว่า เย่เฉิน ในบางด้าน
เจิ้ง รุ่ยหมิง ได้แต่ปลอบใจตัวเองในใจ
แกร๊ก
ไม่กี่นาทีต่อมา ประตูบ้านก็เปิดออกจากด้านนอก ชายวัยประมาณห้าสิบปีก้าวเข้ามา
เขาคือพ่อของ อู๋ ม่านม่าน ลูกชายคนที่สองของ ท่านผู้เฒ่า อู๋
เมื่อเข้ามาแล้ว ท่านผู้เฒ่า อู๋ ได้แนะนำแขกคนอื่นๆ ให้เขารู้จัก โดยเน้นไปที่ เย่เฉิน เนื่องจากคนในตระกูล ซู และคนในตระกูล อู๋ ส่วนใหญ่รู้จักกันดีอยู่แล้ว
เมื่อเขาได้ยินชื่อ เย่เฉิน คิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย
“เย่เฉิน?”
พ่อของ อู๋ ม่านม่าน พึมพำ สีหน้าของเขาพลันดูแปลกๆ ไปเล็กน้อย
“ทำไมหรือ ลูกเองรู้จัก เสี่ยวเย่ เหรอ?”
คุณปู่ อู๋ เอ่ยถาม
“ผม.. ไม่รู้จัก แต่ผมรู้จักคนที่ชื่อ เย่เฉิน ..อยู่คนนึงครับ”
พ่อของ อู๋ ม่านม่าน ส่ายหน้า ก่อนตอบออกไป
“ขอถามหน่อย คุณคือ เย่เฉิน รองประธานสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ ใช่รึเปล่าครับ?”
พ่อของ อู๋ ม่านม่าน ถามอย่างมีความหวัง เขาชื่นชอบศิลปะการเขียนพู่กันจีน และเข้าร่วมสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติมาหลายปี แม้จะเป็นเพียงสมาชิกธรรมดา
แต่ไม่นานมานี้ เย่เฉิน ได้รับตำแหน่งเป็นรองประธานสมาคม ซึ่งทำให้เกิดความฮือฮาภายในสมาคม
แม้ว่าจะมีคนไม่ยอมรับ แต่พอเห็นผลงานของ เย่เฉิน ทุกคนต่างก็ยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
“ใช่ครับ ผมเอง”
เย่เฉิน พยักหน้า
เมื่อเห็น เย่เฉิน พยักหน้า ไม่เพียงแต่พ่อของ อู๋ ม่านม่าน เท่านั้น.. ท่านผู้เฒ่า อู๋ และเจิ้ง รุ่ยหมิง ก็ตกตะลึงเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
พ่อของ อู๋ ม่านม่าน ยื่นมือออกมาเพื่อจับมือกับ เย่เฉิน ด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่ได้เห็นผลงานของ เย่เฉิน เขาก็ชื่นชมในตัวเขามาก ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับตัวจริงๆ ในวันนี้
รองประธานสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ?!
เมื่อได้รู้ถึงตำแหน่งของ เย่เฉิน ท่านผู้เฒ่า อู๋ ก็รู้สึกประทับใจมาก
เดิมทีเขาเคยคิดว่าหลานเขยของเขามีพรสวรรค์ และเก่งมาก แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหลานเขยของ เหล่าซู จะเป็นเลิศในด้านการเขียนพู่กันจีนจนถึงระดับประเทศ
เหล่าซู ช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้หลานเขยอย่าง เสี่ยวเย่ ทำให้เขารู้สึกอิจฉาแทบตายเลยทีเดียว!
ส่วน เจิ้ง รุ่ยหมิง ความภาคภูมิใจที่เขามีเมื่อครู่ก็พลันหายไปสิ้น
เขารู้แล้วว่าพรสวรรค์ของเขายังด้อยกว่าของ เย่เฉิน
หลังจากทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูล อู๋ เย่เฉิน ก็พาครอบครัวของ ซู หนิงซวง กลับบ้าน
หลังจากส่งครอบครัวของ ซู หนิงซวง กลับ เย่เฉิน ก็กลับไปที่คฤหาสน์ ถานกง ของตัวเอง
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที จนถึงช่วงเวลาเที่ยงคืน เย่เฉิน ก็เปิดเข้าไปในร้านค้าเกมตามปกติ
[ทักษะการออกแบบสถาปัตยกรรมระดับสูง ราคา 52 หยวน]
เย่เฉิน คลิกเข้าไป และสินค้ารายการแรกที่เขาเห็นก็คือทักษะนี้
ซึ่งมันออกมาได้ตรงจังหวะที่เขาต้องการพอดี
เขากำลังต้องการสิ่งนี้..
การมีทักษะนี้จะทำให้เขาสามารถออกแบบ และสร้างพื้นที่ที่เขาซื้อมาได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาจ้างคนอื่น..
“ซื้อเลย”
เย่เฉิน รีบจ่ายเงินทันที
[ติ๊ง!]
[ซื้อทักษะการออกแบบสถาปัตยกรรมระดับสูง สำเร็จ]
ไม่กี่วินาทีต่อมา เกมแจ้งเตือนขึ้นมา และเย่เฉิน ก็รู้สึกได้ว่ามีความรู้มหาศาลถาโถมเข้ามาในสมองของเขา
เขาต้องใช้เวลาสักพักจึงจะซึมซับความรู้ทั้งหมดนี้ได้
นับจากนี้ไป ความสามารถของ เย่เฉิน ก็เทียบเท่ากับสถาปนิกระดับโลกแล้ว
เมื่อมีทักษะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง เติมเต็มตัวเอง และทำให้ตัวเองเก่งขึ้นไปอีก เย่เฉิน รู้สึกพอใจมาก
“ต่อเลย”
เย่เฉิน ยังคงมองหาสินค้าอื่นๆ ในร้านค้าระดับห้าดาวต่อไปด้วยความหวังว่าจะมีของดีปรากฏขึ้นมาอีกในภายหลัง!!!