ตอนที่ 33 : หากต้องพบกัน สักวันหนึ่งก็จะได้พบกัน
“จริงสิ เธอไม่ได้บอกเหรอว่าจะพาเพื่อนร่วมห้องมาด้วย?”
“พวกเขาไปซื้อของอยู่ คงอีกสักพักกว่าจะมาถึง”
โจวเชาอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าหลังจากได้ยินสิ่งนี้: “หงหยาน เพื่อนร่วมห้องของเธอสวยไหม”
หงหยานเหลือบมองเจียงฉินอย่างลับๆ แก้มของเธอแดงเล็กน้อย: “สวยสิ สวยกว่าฉันอีก”
“เรื่องจริงเหรอ?”
“แน่นอน เดี๋ยวเธอมานายก็รู้เอง”
ในขณะที่พวกเขาคุยกัน พ่อครัวได้เตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานเสิร์ฟรีบนำมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากอาหารแล้วก็ยังมีเบียร์อีกแปดขวด
บางทีอาจเป็นเพราะในร้านมีลูกค้ามากเกินไป เจียงฉินเลยหาที่เปิดขวดไม่เจอ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงวางปากขวดไว้ที่ขอบโต๊ะแล้วเปิดฝาขวดโดยใช้ฝ่ามือตบอย่างแรง
ปัง—
เหรินจื้อเฉียงตาลุกวาว: “พี่เจียง ทักษะนายค่อนข้างทรงพลังเลย”
เจียงฉินโบกมือ: “ไม่หรอก ก็แค่คุ้นมือเฉยๆ”
แววตาของหงหยานเป็นประกายเล็กน้อย ขนตาเธอสั่นไหวเบาๆ: “คำนี้มาจากเรื่องชายชราขายน้ำมันที่โอวหยางซิวนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่เขียนไว้ใช่ไหม เจียงฉิน นายเอาคำจากวรรณกรรมจีนโบราณมาใช้ได้คล่องขนาดนี้เลยเหรอ?”
“??????”
เจียงฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาคิดกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่มุกตลกเกร่อๆ ที่คนรุ่นหลังๆ เล่นกันเหรอ? ตอนที่ฉันดูอนิเมะบนเสี่ยวพั่วจ้าน(Bilibili) เวลาที่ข้ามเพลง OP ไปก็จะเห็นคำนี้อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีอีกประโยคที่ว่า ‘ไม่มีไรหรอก ก็แค่เกียร์ออโต้เอง’
ตอนนี้…ประโยคนี้คงยังไม่กลายเป็นมุกเกร่อๆ ไปใช่ไหม?
เจียงฉินเหลือบมองหงหยานโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะมองเราในแง่ดีเกินไปหน่อย…
“ดูเหมือนเพื่อนร่วมห้องของฉันจะมาถึงแล้ว ฉันขอไปรับพวกเธอก่อนนะ”
หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก หงหยานก็ลุกจากที่นั่ง และขณะเดียวกันโจวเชากับเหรินจื้อเฉียงก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ทั้งสองรีบเข้าไปคว้าแขนเจียงฉินไว้คนละข้าง ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ยอมปล่อย
“พี่เจียง เริ่มชั้นเรียนได้เลย พวกเราพร้อมคุกเข่าฟังแล้ว!”
เจียงฉินพยายามอย่างหนักเพื่อดึงมือพวกเขาออก: “พวกนายคิดไปไกลแล้ว ลืมไปแล้วหรือไงว่าสุนัขไม่พูดถึงเรื่องความรัก”
เฉากวงอวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบางอย่างในใจ: “ขนาดระดับดาวมหา’ลัยแบบนี้นายก็ยังไม่สนใจเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจ แต่ฉันคิดว่าการมีความรักมันเป็นการเสียเวลา”
โจวเชาอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก: “พี่เจียง ฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้แบบมั่วๆ นะ ฉันคิดว่าหงหยานสนใจนายแน่นอน”
เจียงฉินประหลาดใจเล็กน้อย: “นายดูออกด้วย?”
“แน่นอน ตาของหงหยานแทบจะละลายตอนที่เธอมองนาย แถมเธอยังยิ้มทุกครั้งเวลาที่คุยกับนาย นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?”
“งั้นดูเหมือนว่าเราจะกินข้าวเย็นด้วยกันไม่ได้แล้ว...”
โจวเชา: “?????”
เหรินจื้อเฉียงต่อบทสนทนาได้อย่างราบรื่น: “เหล่าเจียง หงหยานเพิ่งบอกว่าเพื่อนร่วมห้องสวยกว่าเธอ นายต้องขอให้เธอแนะนำให้เรารู้จักบ้าง”
เจียงฉินส่ายหัวเบาๆ: “หงหยานเป็นคนมีอีคิวสูงและยังใส่ใจอารมณ์ของคนอื่นเวลาที่เธอพูดด้วย เพราะงั้นเมื่อเธอบอกว่าเพื่อนร่วมห้องสวยกว่าเธอก็อาจไม่จริงเสมอไป หลังจากนี้อย่าลืมระวังคำพูดด้วยล่ะ”
“จริงเหรอ?”
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แค่เดาดู แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบนี้”
ทันทีที่เขาพูดจบ หงหยานก็ปรากฏตัวในร้านอาหารหนานซานอีกครั้ง ตามมาด้วยหญิงสาวอีกสองคน
หญิงสาวทางด้านซ้ายสวมชุดกระโปรงลายดอกไม้ เผยให้เห็นน่องที่เรียบเนียนราวกับหยก ผิวขาวใสประดุจหิมะ ดวงตาและคิ้วเปล่งประกายดูมีเสน่ห์ รูปร่างสูงโปร่งและโดดเด่น
คนทางขวาดูด้อยกว่าเล็กน้อย แต่เธอก็ยังจัดว่าเป็นสาวสวย และเธอก็มีบรรยากาศรอบตัวแบบผู้หญิงที่ดูสง่างาม
เฉากวงอวี่ เหรินจื้อเฉียง และโจวเชาต่างก็ตาเบิกโพลง คิดในใจว่าเหล่าเจียงพูดแต่เรื่องไร้สาระจริงๆ นี่เรียกว่าไม่สวยงั้นเหรอ? หญิงสาวทางขวาอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่เธอก็อยู่ในระดับเดียวกับซ่งฉิงฉิง ส่วนคนทางซ้ายนั้นไม่ด้อยไปกว่าหงหยานเลย
ในเวลานี้เจียงฉินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะเขาค้นพบว่าโลกใบนี้อาจมีเรื่องบังเอิญเหมือนในนิยาย
“ฉันขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือเพื่อนร่วมห้องของฉัน ฉู่ซือฉีและหวังฮุ่ยหรู”
“...”
“...”
ฉู่ซือฉีมองไปที่เจียงฉินด้วยสายตาว่างเปล่า รู้สึกราวกับว่าเธอหลุดเข้ามาในโลกอีกใบ
หวังฮุ่ยหรูเองก็ดูประหลาดใจเช่นกัน เธอสับสนเล็กน้อยว่าทำไมเจียงฉินถึงมาปรากฏตัวในวงอาหารเย็นของหงหยานได้
ต้องรู้ไว้ว่าเธอเคยเอ่ยชวนเจียงฉินแทนฉู่ซือฉีมาก่อน แต่เจียงฉินมักจะหาข้ออ้างโดยบอกว่าเขาค่อนข้างยุ่ง ผลก็คือ การเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันได้อีกต่อไป
ไม่นานทั้งสองคนก็ฟื้นคืนความสงบและนั่งลงข้างหงหยานโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ฉู่ซือฉีไม่ได้พูดเพราะเธอสับสนเล็กน้อยและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ในขณะที่หวังฮุ่ยหรูคำนึงถึงความรู้สึกของหงหยานและไม่ต้องการทำให้สถานการณ์อึดอัด
“เป็นไง เพื่อนร่วมห้องของฉันสวยไหม?” หงหยานเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม
เหรินจื้อเฉียงและโจวเชาพยักหน้าหงึกๆ ทันที: “สวย พวกเธอคงไม่ได้อยู่ในหอพักดาวมหา’ลัยในตำนานหรอกใช่ไหม?”
“ฉันไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นดาวมหา’ลัยหรอก แต่ซือฉีของพวกเราก็ไม่แน่”
“แล้ว…เพื่อนร่วมชั้นฉู่มีแฟนหรือยัง?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ฉู่ซือฉีก็กัดฟันและอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเจียงฉิน
เจียงฉินแค่พยักหน้าเบาๆ อย่างสุภาพโดยไม่มีร่องรอยความสุขหรือเศร้าให้เห็นเลย จากนั้นเขาก็เริ่มก้มหน้าทานอาหารและไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาหรือพูดคุยอะไรอีกต่อไป ราวกับว่าทุกอย่างนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
ความแปลกแยกและความเฉยเมยเช่นนี้ทำให้ฉู่ซือฉีถึงกับลมหายใจติดขัด ทันใดนั้นความคับข้องใจแบบไม่มีที่สิ้นสุดก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ
ตลอดทั้งช่วงวันหยุดฤดูร้อน พวกเขาแลกเปลี่ยนคำพูดกันไม่เกินสิบประโยค พอได้เจอกันในเมืองที่ไม่คุ้ยเคย กลับถูกมองเป็นคนแปลกหน้า เจอแบบนี้ไปใครบ้างจะรู้สึกดี
นายเคยชอบฉัน นายเคยชอบฉันมากตั้งขนาดนั้น
แต่ทำไมตอนนี้แม้แต่รอยยิ้มฉันก็ยังไม่ได้จากนายเลย?
หวังฮุ่ยหรูมองทั้งสองคนอย่างเงียบๆ และรู้สึกว่าเธอควรยืนยันเรื่องหนึ่งก่อน ดังนั้นเธอจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของหงหยานเล็กน้อย: “หงหยาน เธอชอบคนไหน”
จู่ๆ แก้มของหงหยานก็เปลี่ยนเป็นสีแดง: “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ อย่าเข้าใจผิด”
“ก่อนออกมาข้างนอกเธอแต่งตัวอยู่ตั้งหนึ่งชั่วโมง แถมยังลองเสื้อผ้าไปตั้งห้าชุด แบบนี้ยังจะเรียกว่าเข้าใจผิดอีกเหรอ?”
หงหยานลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า: “ก็ได้ คนที่อยู่ตรงนั้น ชื่อของเขาคือเจียงฉิน”
หวังฮุ่ยหรูเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า: “เธอชอบอะไรในตัวเขา”
“เขาแตกต่างจากผู้ชายทุกคนที่ฉันเคยเจอ”
“...”
ปรากฏว่าทุกคนต่างรู้ข้อดีของเจียงฉิน แต่มีแค่ซือฉีเท่านั้นที่ไม่รู้ หวังฮุ่ยหรูรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก แต่กลับไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
เหรินจื้อเฉียงและโจวเชาไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของพวกเขา ยังทำตัวเอาอกเอาใจแบบขั้นสุด และยังบอกอีกว่าถ้าอยากกินอะไรก็จะสั่งมาให้ทันที
เฉากวงอวี่แทบหัวระเบิด ไม่สำคัญว่าพวกนายจะใจกว้างแค่ไหน แต่ฉันเป็นคนจ่ายเงินนะเฟ้ย!
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนรวยรุ่นสอง เพื่อเป็นการรักษาหน้ามันจึงยากที่จะพูดเรื่องนี้ตรงๆ และอีกอย่างเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนของหงหยานก็สวยมากจริงๆ โดยเฉพาะฉู่ซือฉี ความสวยของเธอแทบไม่ต่างจากหงหยานเลย
เขาเห็นว่าหงหยานสนใจเจียงฉิน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่มีหวัง ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงจีบผู้ชายก็เหมือนมีแค่ม่านบางๆ กั้นอยู่เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าสามารถสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่สวยระดับเดียวกันได้ก็คงเป็นเรื่องราวที่ดี
“เพื่อนร่วมชั้นฉู่ เธออยากดื่มหน่อยไหม?”
“ไม่ ขอบคุณ”
“เธอชอบทานอะไรเหรอ ให้ฉันสั่งมาให้ไหม?”
ฉู่ซือฉียังคงส่ายหัว และคราวนี้เธอถึงกับไม่พูดด้วยซ้ำ
เฉากวงอวี่ที่เอาอกเอาใจไม่สำเร็จพลันรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาทันที ความไม่เท่าเทียมกันของชีวิตมันน่าสะเทือนใจขนาดนี้เลยเหรอ?
“กินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”
จู่ๆ เจียงฉินก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นตะเกียบให้หงหยาน
เดิมทีนี่ก็แค่ท่าทางแสดงความเป็นมิตรและไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่เมื่อฉู่ซือฉีได้เห็นฉากนี้เข้า เธอก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกหนามทิ่มแทง แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
เห็นได้ชัดว่าเจียงฉินชอบเธอ ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยนหรือความเอาใจใส่ ก็มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ควรได้รับมัน
เธอไม่อยากทนมันอีกต่อไป
“เจียงฉิน นายบอกว่าเราจะเลิกลากันด้วยดี แล้วทำไมนายถึงมาโผล่ตรงหน้าฉันอีก?”
ฉู่ซือฉีมองไปที่เจียงฉิน เมื่อเธอเอ่ยปากทุกคนในที่นั้นก็เงียบลงทันที
มือของเจียงฉินที่กำลังคีบอาหารชะงักไปชั่วขณะ สุดท้ายเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้: “มันก็แค่บังเอิญ ฉันนัดกับหงหยานไว้ว่าจะมากินข้าวด้วยกัน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าพวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
อารมณ์ของฉู่ซือฉีปะทุขึ้นทันที: “ฉันบอกว่ามีก็ต้องมี นายกล้าปฏิเสธฉันเหรอ”
“...”
“ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ พวกนายกินกันก่อนเลย”
จริงๆ แล้วเจียงฉินเกลียดนิสัยเจ้าหญิงแบบนี้มาก พูดว่ามีก็ต้องมีงั้นเหรอ? ถ้าเธอไม่ไปเป็นหมอที่ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยากก็ถือว่าน่าเสียดายความสามารถนี้จริงๆ
เขาวางตะเกียบลงบนจาน ยิ้มเบาๆ เป็นเชิงขอโทษหงหยาน กล่าวขอโทษทุกคนแล้วลุกจากโต๊ะ
“พวกนายรู้จักกันเหรอ?” หงหยานเหมือนตอบสนองไม่ทัน สายตาดูงุนงงเล็กน้อย
เจียงฉินหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างสงบ: “ใช่ เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย”
“ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย แต่นายยังบอกว่าจะชอบฉันตลอดไป!” ฉู่ซือฉีรู้สึกเสียใจมากกับท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ใส่ใจ
ในเวลาเดียวกัน เฉากวงอวี่ เหรินจื้อเฉียง และโจวเชาต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้หลังจากใช้สมองคิดอยู่นาน
เกิดอะไรขึ้น?
ฉู่ซือฉีคนนี้ดูเหมือนจะเป็นของเจียงฉินด้วย?
นี่ฉันโดนเจียงฉินหลอกแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้วเหรอ?
(จบตอน)