ตอนที่แล้วตอนที่ 32 : ความไม่เท่าเทียมของชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 : ใครก็ได้ปลุกพวกเธอที!

ตอนที่ 33 : หากต้องพบกัน สักวันหนึ่งก็จะได้พบกัน


“จริงสิ เธอไม่ได้บอกเหรอว่าจะพาเพื่อนร่วมห้องมาด้วย?”

“พวกเขาไปซื้อของอยู่ คงอีกสักพักกว่าจะมาถึง”

โจวเชาอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าหลังจากได้ยินสิ่งนี้: “หงหยาน เพื่อนร่วมห้องของเธอสวยไหม”

หงหยานเหลือบมองเจียงฉินอย่างลับๆ แก้มของเธอแดงเล็กน้อย: “สวยสิ สวยกว่าฉันอีก”

“เรื่องจริงเหรอ?”

“แน่นอน เดี๋ยวเธอมานายก็รู้เอง”

ในขณะที่พวกเขาคุยกัน พ่อครัวได้เตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานเสิร์ฟรีบนำมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากอาหารแล้วก็ยังมีเบียร์อีกแปดขวด

บางทีอาจเป็นเพราะในร้านมีลูกค้ามากเกินไป เจียงฉินเลยหาที่เปิดขวดไม่เจอ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงวางปากขวดไว้ที่ขอบโต๊ะแล้วเปิดฝาขวดโดยใช้ฝ่ามือตบอย่างแรง

ปัง—

เหรินจื้อเฉียงตาลุกวาว: “พี่เจียง ทักษะนายค่อนข้างทรงพลังเลย”

เจียงฉินโบกมือ: “ไม่หรอก ก็แค่คุ้นมือเฉยๆ”

แววตาของหงหยานเป็นประกายเล็กน้อย ขนตาเธอสั่นไหวเบาๆ: “คำนี้มาจากเรื่องชายชราขายน้ำมันที่โอวหยางซิวนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่เขียนไว้ใช่ไหม เจียงฉิน นายเอาคำจากวรรณกรรมจีนโบราณมาใช้ได้คล่องขนาดนี้เลยเหรอ?”

“??????”

เจียงฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาคิดกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่มุกตลกเกร่อๆ ที่คนรุ่นหลังๆ เล่นกันเหรอ? ตอนที่ฉันดูอนิเมะบนเสี่ยวพั่วจ้าน(Bilibili) เวลาที่ข้ามเพลง OP ไปก็จะเห็นคำนี้อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีอีกประโยคที่ว่า ‘ไม่มีไรหรอก ก็แค่เกียร์ออโต้เอง’

ตอนนี้…ประโยคนี้คงยังไม่กลายเป็นมุกเกร่อๆ ไปใช่ไหม?

เจียงฉินเหลือบมองหงหยานโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะมองเราในแง่ดีเกินไปหน่อย…

“ดูเหมือนเพื่อนร่วมห้องของฉันจะมาถึงแล้ว ฉันขอไปรับพวกเธอก่อนนะ”

หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก หงหยานก็ลุกจากที่นั่ง และขณะเดียวกันโจวเชากับเหรินจื้อเฉียงก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ทั้งสองรีบเข้าไปคว้าแขนเจียงฉินไว้คนละข้าง ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ยอมปล่อย

“พี่เจียง เริ่มชั้นเรียนได้เลย พวกเราพร้อมคุกเข่าฟังแล้ว!”

เจียงฉินพยายามอย่างหนักเพื่อดึงมือพวกเขาออก: “พวกนายคิดไปไกลแล้ว ลืมไปแล้วหรือไงว่าสุนัขไม่พูดถึงเรื่องความรัก”

เฉากวงอวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบางอย่างในใจ: “ขนาดระดับดาวมหา’ลัยแบบนี้นายก็ยังไม่สนใจเลยเหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจ แต่ฉันคิดว่าการมีความรักมันเป็นการเสียเวลา”

โจวเชาอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก: “พี่เจียง ฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้แบบมั่วๆ นะ ฉันคิดว่าหงหยานสนใจนายแน่นอน”

เจียงฉินประหลาดใจเล็กน้อย: “นายดูออกด้วย?”

“แน่นอน ตาของหงหยานแทบจะละลายตอนที่เธอมองนาย แถมเธอยังยิ้มทุกครั้งเวลาที่คุยกับนาย นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?”

“งั้นดูเหมือนว่าเราจะกินข้าวเย็นด้วยกันไม่ได้แล้ว...”

โจวเชา: “?????”

เหรินจื้อเฉียงต่อบทสนทนาได้อย่างราบรื่น: “เหล่าเจียง หงหยานเพิ่งบอกว่าเพื่อนร่วมห้องสวยกว่าเธอ นายต้องขอให้เธอแนะนำให้เรารู้จักบ้าง”

เจียงฉินส่ายหัวเบาๆ: “หงหยานเป็นคนมีอีคิวสูงและยังใส่ใจอารมณ์ของคนอื่นเวลาที่เธอพูดด้วย เพราะงั้นเมื่อเธอบอกว่าเพื่อนร่วมห้องสวยกว่าเธอก็อาจไม่จริงเสมอไป หลังจากนี้อย่าลืมระวังคำพูดด้วยล่ะ”

“จริงเหรอ?”

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แค่เดาดู แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบนี้”

ทันทีที่เขาพูดจบ หงหยานก็ปรากฏตัวในร้านอาหารหนานซานอีกครั้ง ตามมาด้วยหญิงสาวอีกสองคน

หญิงสาวทางด้านซ้ายสวมชุดกระโปรงลายดอกไม้ เผยให้เห็นน่องที่เรียบเนียนราวกับหยก ผิวขาวใสประดุจหิมะ ดวงตาและคิ้วเปล่งประกายดูมีเสน่ห์ รูปร่างสูงโปร่งและโดดเด่น

คนทางขวาดูด้อยกว่าเล็กน้อย แต่เธอก็ยังจัดว่าเป็นสาวสวย และเธอก็มีบรรยากาศรอบตัวแบบผู้หญิงที่ดูสง่างาม

เฉากวงอวี่ เหรินจื้อเฉียง และโจวเชาต่างก็ตาเบิกโพลง คิดในใจว่าเหล่าเจียงพูดแต่เรื่องไร้สาระจริงๆ นี่เรียกว่าไม่สวยงั้นเหรอ? หญิงสาวทางขวาอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่เธอก็อยู่ในระดับเดียวกับซ่งฉิงฉิง ส่วนคนทางซ้ายนั้นไม่ด้อยไปกว่าหงหยานเลย

ในเวลานี้เจียงฉินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะเขาค้นพบว่าโลกใบนี้อาจมีเรื่องบังเอิญเหมือนในนิยาย

“ฉันขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือเพื่อนร่วมห้องของฉัน ฉู่ซือฉีและหวังฮุ่ยหรู”

“...”

“...”

ฉู่ซือฉีมองไปที่เจียงฉินด้วยสายตาว่างเปล่า รู้สึกราวกับว่าเธอหลุดเข้ามาในโลกอีกใบ

หวังฮุ่ยหรูเองก็ดูประหลาดใจเช่นกัน เธอสับสนเล็กน้อยว่าทำไมเจียงฉินถึงมาปรากฏตัวในวงอาหารเย็นของหงหยานได้

ต้องรู้ไว้ว่าเธอเคยเอ่ยชวนเจียงฉินแทนฉู่ซือฉีมาก่อน แต่เจียงฉินมักจะหาข้ออ้างโดยบอกว่าเขาค่อนข้างยุ่ง ผลก็คือ การเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันได้อีกต่อไป

ไม่นานทั้งสองคนก็ฟื้นคืนความสงบและนั่งลงข้างหงหยานโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ฉู่ซือฉีไม่ได้พูดเพราะเธอสับสนเล็กน้อยและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ในขณะที่หวังฮุ่ยหรูคำนึงถึงความรู้สึกของหงหยานและไม่ต้องการทำให้สถานการณ์อึดอัด

“เป็นไง เพื่อนร่วมห้องของฉันสวยไหม?” หงหยานเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม

เหรินจื้อเฉียงและโจวเชาพยักหน้าหงึกๆ ทันที: “สวย พวกเธอคงไม่ได้อยู่ในหอพักดาวมหา’ลัยในตำนานหรอกใช่ไหม?”

“ฉันไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นดาวมหา’ลัยหรอก แต่ซือฉีของพวกเราก็ไม่แน่”

“แล้ว…เพื่อนร่วมชั้นฉู่มีแฟนหรือยัง?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ฉู่ซือฉีก็กัดฟันและอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเจียงฉิน

เจียงฉินแค่พยักหน้าเบาๆ อย่างสุภาพโดยไม่มีร่องรอยความสุขหรือเศร้าให้เห็นเลย จากนั้นเขาก็เริ่มก้มหน้าทานอาหารและไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาหรือพูดคุยอะไรอีกต่อไป ราวกับว่าทุกอย่างนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา

ความแปลกแยกและความเฉยเมยเช่นนี้ทำให้ฉู่ซือฉีถึงกับลมหายใจติดขัด ทันใดนั้นความคับข้องใจแบบไม่มีที่สิ้นสุดก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ

ตลอดทั้งช่วงวันหยุดฤดูร้อน พวกเขาแลกเปลี่ยนคำพูดกันไม่เกินสิบประโยค พอได้เจอกันในเมืองที่ไม่คุ้ยเคย กลับถูกมองเป็นคนแปลกหน้า เจอแบบนี้ไปใครบ้างจะรู้สึกดี

นายเคยชอบฉัน นายเคยชอบฉันมากตั้งขนาดนั้น

แต่ทำไมตอนนี้แม้แต่รอยยิ้มฉันก็ยังไม่ได้จากนายเลย?

หวังฮุ่ยหรูมองทั้งสองคนอย่างเงียบๆ และรู้สึกว่าเธอควรยืนยันเรื่องหนึ่งก่อน ดังนั้นเธอจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของหงหยานเล็กน้อย: “หงหยาน เธอชอบคนไหน”

จู่ๆ แก้มของหงหยานก็เปลี่ยนเป็นสีแดง: “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ อย่าเข้าใจผิด”

“ก่อนออกมาข้างนอกเธอแต่งตัวอยู่ตั้งหนึ่งชั่วโมง แถมยังลองเสื้อผ้าไปตั้งห้าชุด แบบนี้ยังจะเรียกว่าเข้าใจผิดอีกเหรอ?”

หงหยานลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า: “ก็ได้ คนที่อยู่ตรงนั้น ชื่อของเขาคือเจียงฉิน”

หวังฮุ่ยหรูเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า: “เธอชอบอะไรในตัวเขา”

“เขาแตกต่างจากผู้ชายทุกคนที่ฉันเคยเจอ”

“...”

ปรากฏว่าทุกคนต่างรู้ข้อดีของเจียงฉิน แต่มีแค่ซือฉีเท่านั้นที่ไม่รู้ หวังฮุ่ยหรูรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก แต่กลับไม่รู้ว่าต้องทำยังไง

เหรินจื้อเฉียงและโจวเชาไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของพวกเขา ยังทำตัวเอาอกเอาใจแบบขั้นสุด และยังบอกอีกว่าถ้าอยากกินอะไรก็จะสั่งมาให้ทันที

เฉากวงอวี่แทบหัวระเบิด ไม่สำคัญว่าพวกนายจะใจกว้างแค่ไหน แต่ฉันเป็นคนจ่ายเงินนะเฟ้ย!

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนรวยรุ่นสอง เพื่อเป็นการรักษาหน้ามันจึงยากที่จะพูดเรื่องนี้ตรงๆ และอีกอย่างเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนของหงหยานก็สวยมากจริงๆ โดยเฉพาะฉู่ซือฉี ความสวยของเธอแทบไม่ต่างจากหงหยานเลย

เขาเห็นว่าหงหยานสนใจเจียงฉิน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่มีหวัง ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงจีบผู้ชายก็เหมือนมีแค่ม่านบางๆ กั้นอยู่เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าสามารถสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่สวยระดับเดียวกันได้ก็คงเป็นเรื่องราวที่ดี

“เพื่อนร่วมชั้นฉู่ เธออยากดื่มหน่อยไหม?”

“ไม่ ขอบคุณ”

“เธอชอบทานอะไรเหรอ ให้ฉันสั่งมาให้ไหม?”

ฉู่ซือฉียังคงส่ายหัว และคราวนี้เธอถึงกับไม่พูดด้วยซ้ำ

เฉากวงอวี่ที่เอาอกเอาใจไม่สำเร็จพลันรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาทันที ความไม่เท่าเทียมกันของชีวิตมันน่าสะเทือนใจขนาดนี้เลยเหรอ?

“กินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”

จู่ๆ เจียงฉินก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นตะเกียบให้หงหยาน

เดิมทีนี่ก็แค่ท่าทางแสดงความเป็นมิตรและไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่เมื่อฉู่ซือฉีได้เห็นฉากนี้เข้า เธอก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกหนามทิ่มแทง แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

เห็นได้ชัดว่าเจียงฉินชอบเธอ ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยนหรือความเอาใจใส่ ก็มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ควรได้รับมัน

เธอไม่อยากทนมันอีกต่อไป

“เจียงฉิน นายบอกว่าเราจะเลิกลากันด้วยดี แล้วทำไมนายถึงมาโผล่ตรงหน้าฉันอีก?”

ฉู่ซือฉีมองไปที่เจียงฉิน เมื่อเธอเอ่ยปากทุกคนในที่นั้นก็เงียบลงทันที

มือของเจียงฉินที่กำลังคีบอาหารชะงักไปชั่วขณะ สุดท้ายเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้: “มันก็แค่บังเอิญ ฉันนัดกับหงหยานไว้ว่าจะมากินข้าวด้วยกัน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าพวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”

อารมณ์ของฉู่ซือฉีปะทุขึ้นทันที: “ฉันบอกว่ามีก็ต้องมี นายกล้าปฏิเสธฉันเหรอ”

“...”

“ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ พวกนายกินกันก่อนเลย”

จริงๆ แล้วเจียงฉินเกลียดนิสัยเจ้าหญิงแบบนี้มาก พูดว่ามีก็ต้องมีงั้นเหรอ? ถ้าเธอไม่ไปเป็นหมอที่ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยากก็ถือว่าน่าเสียดายความสามารถนี้จริงๆ

เขาวางตะเกียบลงบนจาน ยิ้มเบาๆ เป็นเชิงขอโทษหงหยาน กล่าวขอโทษทุกคนแล้วลุกจากโต๊ะ

“พวกนายรู้จักกันเหรอ?” หงหยานเหมือนตอบสนองไม่ทัน สายตาดูงุนงงเล็กน้อย

เจียงฉินหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างสงบ: “ใช่ เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย”

“ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย แต่นายยังบอกว่าจะชอบฉันตลอดไป!” ฉู่ซือฉีรู้สึกเสียใจมากกับท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ใส่ใจ

ในเวลาเดียวกัน เฉากวงอวี่ เหรินจื้อเฉียง และโจวเชาต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้หลังจากใช้สมองคิดอยู่นาน

เกิดอะไรขึ้น?

ฉู่ซือฉีคนนี้ดูเหมือนจะเป็นของเจียงฉินด้วย?

นี่ฉันโดนเจียงฉินหลอกแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้วเหรอ?

(จบตอน)

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด