ตอนที่ 32 : ความไม่เท่าเทียมของชีวิต
หลังจากตอบข้อความเสร็จเจียงฉินก็บิดขี้เกียจรอบหนึ่ง แต่กลับพบว่าเพื่อนร่วมห้องกำลังจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างตั้งใจ
เขาจึงมองออกไปด้วยความสงสัยและได้เห็นกลุ่มหญิงสาวจากชั้นเรียนการเงินที่สามกำลังซื้อของอยู่ร้านแผงลอยด้านนอก ซ่งฉิงฉิงและเจี่ยงเถียนก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน แต่ละคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับดอกไม้
“เหล่าเจียง ห้ามมอง ถึงมองไปนายก็ไม่ได้ครอบครองหรอก”
เจียงฉินกลับมารู้สึกตัว เขาพูดไม่ออกเล็กน้อย: “ฉันแค่อยากรู้ว่าพวกนายกำลังดูอะไรกัน!”
โจวเชาอดไม่ได้ทึ่จะผลักเฉากวงอวี่เบาๆ: “ถึงจะตามจีบก็จีบไม่ได้ แค่ปล่อยให้เหล่าเจียงดูนิดดูหน่อยจะเป็นอะไร”
แม้ว่าเฉากวงอวี่จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ซ่งฉิงฉิงสวยที่สุด แต่เขาก็ยังเห็นด้วยกับประโยคครึ่งแรกของโจวเชา: “เหล่าเจียง นายเปลี่ยนเป้าหมายเถอะ ฉันว่าพานซิ่วก็พอได้นะ ถึงจะไม่สวยเท่าซ่งฉิงฉิงกับเจี่ยงเถียน แต่เธอก็ถือได้ว่าเป็นสาวงามในหมู่สาวๆ ทั่วไป!”
เหรินจื้อเฉียงที่เงียบมาตลอดจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น: “พานซิ่วไม่ได้ ฉันเพิ่งเพิ่ม QQ กับเธอไป นายอย่ามาแย่งฉันเลยเหล่าเจียง ถ้าเป็นนายฉันอาจจะแพ้จริงๆ!”
โจวเชาและเฉากวงอวี่เบิกตาโพลงขึ้นทันทีที่ได้ยิน: “บัดซบ นี่เอ็งจำเป็นต้องลงมือเร็วขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ถ้านายไม่กระตือรือร้นในการจีบสาวๆ สมองนายคงมีบางอย่างผิดปกติแล้ว!”
เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายใส่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก ถ้าฉันต้องการหาแฟนจริงๆ ฉันจำเป็นต้องให้พวกขี้ขลาดอย่างนายสามคนมาช่วยวางแผนด้วยเหรอ? พวกนายใช้ตาไหนมองถึงได้คิดว่าฉันสนใจซ่งฉิงฉิง?
ไอ้ลูกมารดาขายช่องคลอด หมาเยิ้บแม่จริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าเหยียดหยามของเจียงฉิน เฉากวงอวี่ เหรินจื้อเฉียง และโจวเชาก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
“เหล่าเจียง นายไม่ยอมรับงั้นเหรอ ถึงนายจะค่อนข้างหล่อแต่นายก็ไม่มีโอกาสจีบสาวสวยระดับซ่งฉิงฉิงได้หรอก ไม่ต้องพูดถึงว่านายยังไม่มีประสบการณ์ความรักเลยด้วยซ้ำ”
“ฉันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ถ้าไม่เชื่อนายก็ออกไปลองดูได้ รับรองว่านายจะถูกปฏิเสธจนต้องคลานกลับมาแน่นอน”
เจียงฉินส่ายหัว: “ความสวยไม่ผ่าน ไม่เอาหรอก”
โจวเชาเม้มริมฝีปาก: “เชื่อตายแหละ!”
เจียงฉินเหลือบมองเขา นึกในใจว่าจะไปหาคนที่มีปัสสาวะสีเหลืองมาฉี่ปลุกพวกเขาได้จากที่ไหน แล้วก็ขอคนที่ไม่เป็นเบาหวานด้วย ไม่งั้นพวกเขาคงได้สำลักความหวานจนตาย
เฉากวงอวี่มองไปที่เจียงฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก
เหล่าเจียงดูกระสับกระส่ายมาก แม้ว่าเขาจะมองจนตาแทบทะลุ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไร เขาอาจต้องการตามจีบเธออย่างลับๆ ทว่าการจะไปจีบผู้หญิงระดับนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอน ขนาดคนรวยรุ่นสองอย่างเขายังไม่มั่นใจเลย ไม่ต้องพูดถึงเหล่าเจียงด้วยซ้ำ
แต่หลังจากที่เจียงฉินล้มเหลว เขาก็สามารถจู่โจมซ่งฉิงฉิงด้วยความเร็วสายฟ้าฟาดได้
เมื่อถึงตอนนั้นเจียงฉินต้องนั่งไม่ติดแน่นอน บางทีเขาอาจยอมรับความพ่ายแพ้และกลายเป็นน้องเล็กของเขาไปอย่างเต็มใจเลยก็ได้
ยิ่งเฉากวงอวี่คิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
เขารู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองไม่สามารถแสร้งทำเป็นเจ๋งได้เก่งกว่าเจียงฉิน แต่เมื่อเป็นเรื่องความรัก เขามั่นใจว่าจะสามารถล้างแค้นให้กับความอัปยศอดสูของตนได้อย่างแน่นอน
“ให้ตายเถอะ ดูนั่น ตรงนั้นมีสาวงาม!”
ขณะที่แต่ละคนกำลังใช้ความคิดกับตัวเอง ทันใดนั้นเสียงของโจวเชาก็ดึงพวกเขากลับสู่ความเป็นจริง
เฉากวงอวี่และเหรินจื้อเฉียงมองไปยังทิศทางของนิ้วชี้ จากนั้นดวงตาพวกเขาก็แข็งค้างไปทันที
เห็นเพียงว่าระหว่างโต๊ะอาหาร มีเด็กสาวคนหนึ่งถือกระเป๋าหนังสีเทาอ่อนลายลิ้นจี่เดินเข้ามา
เธอสวมกางเกงขาสั้นผ้าเดนิม เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนและช่วงเอวที่เรียวบาง ส่วนบนสวมเสื้อยืดสีดำตัวโคร่ง แม้จะดูหลวมๆ แต่เพราะรูปร่างของเธอดีมาก จึงทำให้เสื้อดูรัดรูปไปโดยปริยาย แถมยังช่วยขับเน้นเอวที่คอดกิ่วอีกด้วย
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอเป็นผู้หญิงใบหน้ารูปไข่ที่สวยแบบมาตรฐาน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ดวงตาและคิ้วดูมีเสน่ห์ ที่ติ่งหูขาวเนียนราวกับหยกมีต่างหูรูปใบโคลเวอร์สี่แฉกติดอยู่
เพียงแค่เหลือบมองแบบผ่านๆ ความรู้สึกประหลาดใจที่ซ่งฉิงฉิงสร้างให้พวกเขาก็หดหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
ไม่ว่าจะเป็นซ่งฉิงฉิงสวยกว่าหรือเจี่ยงเถียนสวยกว่า ทั้งหมดล้วนสลายหายไป
แต่ไม่นานความรู้สึกประหลาดใจก็กลายเป็นความตื่นตระหนก
เพราะทุกคนพบว่าหญิงสาวกำลังก้าวเท้าตรงมาที่พวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อยบนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเธอ
ขนาดเจอซ่งฉิงฉิงพวกสามหน่อนี้ยังไม่กล้าเงยหน้ามอง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตอนนี้พวกเขาตื่นเต้นแค่ไหน แต่ละคนแกล้งทำเป็นเบือนหน้าหนี จากนั้นก็เริ่มจัดทรงผมและกระชับเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือหญิงสาวกลับนั่งลงตรงหน้าพวกเขาจริงๆ เธอใช้มือไหวผมที่หลุดทรงเล็กน้อยแล้วมองไปที่เจียงฉิน
“มาแล้ว”
เจียงฉินเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า: “มาทันเวลาพอดีเลย ในที่สุดก็ปลุกคนพวกนี้ได้สักที”
หงหยานกระพริบตาที่สวยงามเบาๆ สายตามีแววสับสนเล็กน้อย: “หมายความว่ายังไง?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่ดีใจที่ได้เจอเธอ”
“ขอบคุณนะ แต่พวกนายมากันเป็นกลุ่ม จะรบกวนไหมถ้าฉันมากินข้าวด้วย?”
เจียงฉินส่ายหัวทันที: “นั่งตามสบายเลย พวกเขาสมควรถูกรบกวน”
หงหยานหัวเราะเบาๆ เหมือนไม่เข้าใจ จากนั้นจึงมองดูโต๊ะที่ว่างเปล่าตรงหน้า: “พวกนายยังไม่สั่งอาหารกันเหรอ งั้นมื้อนี้ฉันขอเลี้ยงได้ไหม?”
“เราสั่งไปแล้ว แต่ช่วงเปิดเทอมลูกค้าเยอะมาก พ่อครัวข้างหลังทำไม่ทันอาหารก็เลยมาช้าหน่อย เธอดื่มชาก่อนไหม?”
“ได้สิ”
เจียงฉินยื่นชุดช้อนส้อมที่เพิ่งลวกน้ำร้อนให้เธอ แล้วคว้ากาน้ำชาขึ้นมารินให้หงหยาน
หงหยานกระซิบขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้ววางกระเป๋าหนังใบเล็กของเธอไว้บนเก้าอี้ข้างๆ
เหรินจื้อเฉียงและโจวเชาต่างก็มีท่าทางโง่งม พวกเขามองไปที่หงหยานแล้วก็มองไปที่เจียงฉิน คำว่าบัดซบแทบจะหลุดออกมาจากปาก
“ละ…เหล่าเจียง นี่ใครน่ะ?”
“น้องใหม่ที่เข้ามาเรียนพร้อมกับเรา หงหยานจากคณะนิติศาสตร์”
เจียงฉินหันไปมองหงหยานอีกครั้ง: “ขอแนะนำให้รู้จัก สามคนนี้คือเพื่อนร่วมห้องของฉัน โจวเชา เหรินจื้อเฉียง และเฉากวงอวี่”
เหรินจื้อเฉียงมองไปที่เจียงฉินด้วยสายตาว่างเปล่า: “นายชวนสาวสวยขนาดนี้มากินข้าวด้วยได้ยังไง?”
หงหยานกระแอมขึ้นทันที: “นายเข้าใจผิดแล้ว จริงๆ แล้วฉันต่างหากที่เป็นคนชวนเจียงฉิน”
“?????”
หงหยานหัวเราะอย่างเขินอายเล็กน้อย: “ฉันยังเป็นฝ่ายขอเพิ่ม QQ กับเขาก่อนด้วยซ้ำ…”
เจียงฉินรีบโบกมือ: “นี่เป็นเพราะเธอพูดเร็วเกินไปต่างหาก ฉันเลยไม่มีโอกาสได้พูดก่อน”
“แต่สิ่งที่ฉันพูดก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน”
หงหยานกระพริบตาเบาๆ โดยไม่รู้สึกว่ามันน่าอายเลยที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายรุก
ในความเป็นจริง เธอมาพบเจียงฉินด้วยความคาดหวังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เธอพบว่าตัวเองรู้สึกดีและอยากรู้จักเจียงฉินมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับเธอ เธอรู้สึกว่าเขามีทั้งด้านที่ไม่ค่อยยึดติดกับแบบแผนและด้านที่สุขุมรอบคอบ เหมือนอย่างวันที่มีนัดบอดกลุ่ม เขาจะไม่ทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่น แต่เมื่อถึงตอนเช็คบิลเขากลับทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด
พูดง่ายๆ ก็คือ หงหยานรู้สึกว่าเขามีความหยิ่งยโสเหมือนชายหนุ่มทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ความหยิ่งยโสที่ดูอวดโอ้จนน่ารำคาญ เขาแตกต่างจากเด็กไร้เดียงสาพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง
และครั้งนี้เมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เธอพบว่าความคาดหวังของเธอไม่เสียเปล่า
เขาไม่รู้สึกว่าการถูกเข้าหาเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ เขาไม่ได้ใช้เรื่องนี้เพื่อให้ได้รับความชื่นชมจากคนรอบข้าง แต่เขากลับคำนึงถึงความรู้สึกของตัวเธอเอง
เขาดีจริงๆ และนี่ก็เพียงพอแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เหรินจื้อเฉียงและโจวเชารู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขาด้านชาอย่างหนัก
เมื่อกี้พวกเขากำลังโต้เถียงกันว่าระหว่างซ่งฉิงฉิงกับเจี่ยงเถียนใครสวยกว่ากัน พวกเขาถึงขั้นคิดว่าเจียงฉินต้องการตามจีบซ่งฉิงฉิงด้วยซ้ำ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องตลกที่น่าขำแค่ไหน ตลกจนเกือบทำให้คนขำจนตายได้เลย ปรากฏว่าเหล่าเจียงอยู่คนละระดับกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
โดนเทพธิดาขอเพิ่ม QQ แถมยังชวนกินข้าวอีก พวกเขายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้กลับสัมผัสได้ถึงความไม่เท่าเทียมของชีวิตก่อนเวลาอันควร
นี่พวกเราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันหรือเปล่า?
“เหล่าเฉา นายได้ยินไหม? นี่มันโคตรน่าเหลือเชื่อเลย!”
“อืม……”
มุมปากของเฉากวงอวี่กระตุกราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดเขาก็กลืนมันลงไป
ในความเป็นจริง เขารู้จักหงหยานเพราะหงหยานเป็นสาวงามในโรงเรียนมัธยมปลายของพวกเขาและยังเป็นไป๋เย่วกวงในสมัยมัธยมปลายของเขาอีกด้วย แต่ดูจากทัศนคติของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะจำเขาไม่ได้เลยสักนิด
(จบตอน)
เรื่องนี้คำหยาบตอนคุยกับเพื่อนนี่โคตรสุด บางคำขอเลี่ยงไม่แปลตรงๆ นะครับ