ตอนที่ 31 : ลุ่มหลงในผายลมสีรุ้ง
แม้ว่าในสายตาของคนนับพันจะมีแฮมเล็ตพันคน แต่ก็มีคนที่รู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของตนเป็นมาตรฐานที่สุดอยู่เสมอ
ซ่งฉิงฉิงสวยกว่าเจี่ยงเถียนงั้นเหรอ?
ถุย!
รอยยิ้มของเฉากวงอวี่ยืดออกจนดูเหมือนขอบกางเกงย้วยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ต้องการยอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงหันไปถามเจียงฉินเพื่อขอความคิดเห็น เขารู้สึกว่าคงจะดีมากถ้าเจียงฉินเห็นด้วยกับตน
แต่เจียงฉินแทบไม่ได้มองด้วยซ้ำ แล้วเขาจะไปมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นได้ยังไง ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับคำพูดของเฉากวงอวี่แบบขอไปที
“อ่า..ใช่ๆ นายพูดถูก”
เฉากวงอวี่รู้สึกภาคภูมิใจทันที: “เห็นไหม แม้แต่เหล่าเจียงก็ยังบอกว่าเจี่ยงเถียนสวยสุด พวกนายมีตาไว้ใช้หายใจหรือไง?”
“เหล่าเจียง นายมองยังไงของนาย? เห็นได้ชัดว่าซ่งฉิงฉิงต่างหากที่สวยสุด” เหรินจื้อเฉียงเอ่ยด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
โจวเชาอดไม่ได้ที่จะพึมพำ: “เหล่าเจียง หรือว่านายไม่ชอบผู้หญิง ทำไมฉันรู้สึกว่านายไม่ค่อยสนใจเลย?”
เจียงฉินเหยียดตัวและเอนหลังพิงเก้าอี้เบาๆ: “ผู้หญิงมีแต่จะส่งผลต่อความเร็วในการหาเงินของฉัน”
“หาเงิน? นายคงไม่เอาช่วงเวลาอันสวยงามของวัยรุ่นไปเสียกับการทำงานพาร์ทไทม์หรอกใช่ไหม?”
“งานพาร์ทไทม์แล้วทำไม นกกระจอกอย่างนายจะไปรู้ปณิธานของพญาหงส์ได้ยังไง”
เหรินจื้อเฉียงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ยกมุมปากขึ้น: “ฉันเข้าใจแล้ว เหล่าเจียง นายไม่ค่อยมีความมั่นใจใช่ไหม?”
โจวเฉาก็เริ่มเอะใจเช่นกัน: “ไม่น่าแปลกเลยที่นายไม่เคยคบกับใครตอนเรียนมัธยมปลาย นายกลัวถูกปฏิเสธงั้นเหรอ จริงๆ แล้วนายไม่จำเป็นต้องตามจีบคนที่เหมือนกับซ่งฉิงฉิงหรอก ระดับนี้มันสูงเกินไป แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาของนาย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดากว่านี้ก็อาจจะมีโอกาสอยู่บ้าง”
“????”
นี่มันการอ่านจับใจความโดยไม่ได้ดูเนื้อหาเลยชัดๆ รู้จักแต่เดาสุ่มๆ อยู่คนเดียว ฉันเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่หลังจากพูดถึงเรื่องนี้แล้วเจียงฉินก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับซ่งฉิงฉิงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปดู
ทักษะการแต่งหน้าของซ่งฉิงฉิงนั้นดีจริงๆ แค่เห็นก็รู้เลยว่ามืออาชีพมาก อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกสาวๆ ที่เพิ่งหัดแต่งหน้า ปกปิดจุดด่างดำไม่มิดแถมยังมีคราบแป้งติดอยู่ด้วย แต่ถึงเธอจะแต่งหน้าเก่งก็ตาม รูปลักษณ์โดยรวมก็ได้แค่หกคะแนนเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าพอๆ กับหวังฮุ่ยหรู
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงใบหน้าของเฟิงหนานซู เธอคนนั้นเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์
แต่ฉู่ซือฉีคงเอาชนะซ่งฉิงฉิงได้อย่างราบคาบ แม้กระทั่งหงหยานที่เขาเพิ่งพบเมื่อวานก็ยังเหนือกว่าเธอมาก
“เหล่าเจียง เหล่าเจียง?”
“หืม?”
เหรินจื้อเฉียงเม้มริมฝีปาก: “ปากบอกไม่สนใจ แต่ดูจนเคลิ้มแบบนี้หมายความว่าไง นายซื่อสัตว์กับตัวเองหน่อยได้ไหม!”
เจียงฉินหัวเราะเบาๆ: “ใช่ เอาซะฉันเคลิ้มตามเลย”
“อย่าคิดถึงมันเลย ผู้หญิงแบบนี้ไม่ขาดแฟนหรอก เธอจะมาชอบเราได้ยังไง ฉันแนะนำให้นายตั้งใจหาคนที่อ่อนโยนและเรียบร้อยดีกว่า”
เจียงฉินมองเหรินจื้อเฉียงด้วยความชื่นชม: “เหล่าเหริน ความคิดของนายดีมาก ฉันเห็นด้วยกับนาย”
หลังจากนั้นไม่นานการประชุมน้องใหม่ก็สิ้นสุดลง
นักศึกษาชั้นเรียนการเงินที่สามเดินออกจากห้องด้วยความครึกครื้น เดินตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปยังฝ่ายวิชาการเพื่อรับชุดฝึกทหาร
ส่วนสูงของเฉากวงอวี่อยู่ที่ 1.72 เมตร ดังนั้นชุดฝึกทหารที่มีขนาด 175 ซม. จึงถือว่าพอดีตัว
แต่เนื่องจากมีสาวๆ หลายคนจับตามองเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงยืนกรานที่จะรับชุดฝึกทหารขนาด 180 ซม. แม้ว่าที่ปรึกษาจะโน้มน้าวแล้วก็ตาม
“เหล่าเฉา นายช่วยซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยได้ไหม?”
“แล้วฉันไม่ซื่อสัตย์ตรงไหน ฉันใส่ไซต์ร้อยแปดสิบเซนได้พอดีเลย!”
เฉากวงอวี่จ้องเขม็งไปที่เหรินจื้อเฉียง ไม่พอใจที่เขามาเปิดเผยความลับของตัวเองในเวลานี้
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ พวกเขาก็หลุดหัวเราะอย่างหนักจนแทบหายใจไม่ทัน เธอใช้สายตามองไปที่เฉากวงอวี่อีกหลายครั้ง ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ เหล่าเฉาที่อ้างว่าตนสูง 180 ซม. กลับมีความสูงเท่ากับหลิวเซียวจวนที่อยู่ข้างๆ แบบเป๊ะๆ ชายคนนี้ถึงกับพูดออกมาอย่างไร้ยางอายว่า ‘เธอก็สูง 180 ซม. เหมือนกันเหรอ’ มันทำให้หลิวเซียวจวนรู้สึกอับอายมาก
หลังจากได้รับชุดฝึกทหารแล้ว ทั้งสี่คนก็กลับไปที่หอพักเพื่อปรึกษากัน แล้วตัดสินใจออกไปทานอาหารด้วยกันข้างนอก
เมื่อคืนเจียงฉินไปเดินเล่นกับเฟิงหนานซู มันจึงทำให้ในห้องพักขาดไปหนึ่งคน ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงอยากไปทานอาหารดีๆ ที่นอกมหาวิทยาลัย
“เหล่าเฉา นายเป็นคนรวยรุ่นสอง เพราะงั้นนายจะเลี้ยงมื้อแรกพวกเราใช่ไหม?” เหรินจื้อเฉียงตบไหล่เขาแล้วถาม
“ไสหัวไป เรื่องอะไรฉันต้องเลี้ยงนาย”
“นายเอาแต่พูดว่าที่บ้านทำธุรกิจ มีเงินหมุนเวียนเป็นล้านทุกวัน แต่ทำไมไม่เคยเห็นนายใช้เงินแบบอู้ฟู่บ้างเลย?”
เฉากวงอวี่สามารถเลี้ยงข้าวเขาได้ แต่เขาเพิ่งโดนเหรินจื้อเฉียงแซวเรื่องส่วนสูงแล้วยังอยากให้เลี้ยงข้าว เรื่องอะไรเขาต้องทำ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เจียงฉินจึงแอบโบกมือเงียบๆ เรียกเหรินจื้อเฉียงและโจวเชามาหา
“นายอยากให้เหล่าเฉาเลี้ยงข้าวไหม”
“อยากสิ ถ้าได้กินข้าวของเขาสักมื้อฉันคงมีความสุขไปทั้งวัน!”
เจียงฉินยกนิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “เอาเงินมาให้ฉันคนละสิบหยวน แล้วฉันจะทำให้เหล่าเฉาเลี้ยงข้าวพวกนาย”
เหรินจื้อเฉียงและโจวเชามองหน้ากัน จากนั้นจึงรีบควักเหรียญสิบหยวนออกจากกระเป๋าแล้วเอาให้เจียงฉิน
“ฉันให้สัญญาณแล้วค่อยทำตาม”
หลังจากที่เจียงฉินได้เงินเขาก็ยัดมันเข้าไปในกระเป๋า หยิบแบงค์ยี่สิบออกมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหรินจื้อเฉียงและโจวเชาไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เดินตามไปอย่างสงสัย
ผลก็คือ ทันทีที่พวกเขาทั้งสี่คนออกนอกมหาวิทยาลัย ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของเฉากวงอวี่ก็หยุดลง จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายพร้อมกับกรีดร้องด้วยความดีใจ: “บัดซบ ฉันเก็บแบงค์ยี่สิบได้ พี่น้อง ฉันเก็บแบงค์ยี่สิบได้!”
“ให้ตายเถอะ เหล่าเฉา นายโคตรโชคดีเลย เก็บเงินได้ตั้งแต่เปิดเทอม สี่ปีในมหาวิทยาลัยของนายจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน!” เจียงฉินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเผยให้เห็นความอิจฉาและตกตะลึงถึงขีดสุดทันที
“จริงอะ? มันก็แค่ยี่สิบหยวนเอง ไม่ขนาดนั้นมั้ง?”
โจวเชาเพิ่งรู้สึกตัว: “แม่มันเถอะ ทำไมฉันถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้าง นี่เป็นเพราะออร่าของคนสูงรวยหล่อใช่ไหม?”
เฉากวงอวี่รู้สึกโดนใจกับคำว่าสูงรวยหล่อ: “ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นมังกรและฟีนิกซ์ท่ามกลางชายหนุ่มจริงๆ!”
“มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเรียนเลย ฉันเดาว่าช่วงสองวันนี้นายจะมีโชคดอกท้อแน่นอน”
ในเวลานี้เหรินจื้อเฉียงเองก็เข้าใจแล้วเช่นกัน เขารีบตามน้ำอย่างรวดเร็ว: “เหล่าเฉา พวกเราสี่คนออกมาพร้อมกัน แต่นายเป็นคนเดียวที่โชคดีแบบนี้ นายต้องเลี้ยงเราแล้ว!”
เจียงฉินตบไหล่เฉากวงอวี่: “เหล่าเหรินพูดถูก ถ้านายไม่เลี้ยงพวกเราก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
“ไม่มีปัญหา มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง!”
“พี่เฉาโคตรเท่!”
“สมแล้วที่พี่เฉาสูงรวยหล่อ!”
จากนั้นทั้งสามก็ไปที่ร้านอาหารหนานซานและสั่งอาหารในราคาหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน เฉากวงอวี่มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันผิดปกติตรงไหน
ฉันเก็บเงินได้ยี่สิบหยวน เสียค่าขนมไปหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน รวมๆ แล้วฉันก็ขาดทุนไปร้อยหยวนเลยน่ะสิ?
เฉากวงอวี่ส่ายหัว รู้สึกว่าเงินไม่ควรคำนวณแบบนี้ แบงค์ยี่สิบที่เขาเก็บได้นั้นมันมีออร่าแห่งความโชคดีติดอยู่
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเจียงฉินก็ดังขึ้น เมื่อเขาเปิดขึ้นมา เขาก็พบว่าเป็นข้อความ QQ ของหงหยาน
“รายงานตัวเสร็จแล้ว เราจะไปกินข้าวที่ไหนดี?”
เจียงฉินตกตะลึงเมื่อเห็นข้อความนี้ จากนั้นก็ตระหนักว่าตัวเองพลาดแล้ว นี่เป็นผลสืบเนื่องจากการทำงานมาเป็นเวลานาน พอได้ยินว่ามีคนชวนไปกินข้าวเย็นทีไรก็คิดไปเองว่าต้องเป็นตอนสามทุ่ม แต่พอไปดูประวัติการแชทแล้วถึงได้รู้ว่าเมื่อวานหงหยานบอกว่าหลังจากรายงานตัวเสร็จ
แต่ตอนนี้เขาอยู่กับเพื่อนร่วมห้องแล้ว ควรทำยังไงดี?
หากเขาหนีเพื่อนร่วมห้องไปกินข้าวกับสาวตั้งแต่ปีหนึ่งล่ะก็ คงจะโดนแทงข้างหลังไปตลอดสี่ปีแน่นอน
“งั้นที่ร้านอาหารหนานซานแถวถนนคนเดินเป็นไง? ได้ยินมาว่าอาหารอร่อย”
“โอเค ฉันกำลังออกไป รอฉันก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกเรื่อง!”
“มีอะไร?”
“เพื่อนร่วมห้องของฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน เธอจะว่าอะไรไหม”
“งั้น...ฉันขอพาเพื่อนร่วมห้องไปด้วยได้ไหม?”
“แน่นอน”
(จบตอน)