ตอนที่ 136 ทิ่มผิวแต่ไม่ทิ่มหัวใจ มีตาแต่ไม่มีแววตา
"พับกระดาษ? แน่นอนว่าผมเคยได้ยิน มันเป็นงานฝีมือพื้นบ้าน สมัยก่อนเรียกว่าอาชีพประตูหยิน ปัจจุบันนี้คงมีช่างพับกระดาษไม่มากนัก"
เจียงเย่ตอบ ปลายสายก็มีเสียง "ปัง" เบาๆ
เสียงนั้น.. เหมือนกับว่ามีคนเอาไม้กระดานปิดไว้ หลังคิดถึงเสียงสักพัก เหล่าเฟิงกระแอม "คุณพูดถูก สมัยนี้มีคนเรียนพับกระดาษไม่มากนัก อีกไม่กี่ปีก็คงจะหายไป"
"ก็น่าเห็นใจ ยุคสมัยเปลี่ยนไปเร็ว งานฝีมือโบราณหลายอย่างไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่มีคนยอมรับน้อยลง"
"ใช่ งานฝีมือเหล่านี้ไม่เข้ากับยุคสมัยนี้ มีแต่คนที่อยู่ในชนบทอย่างผมที่สืบทอดกิจการของพ่อยังไงก็ต้องหาเลี้ยงชีพ ทั้งชีวิตผมทำได้แค่งานพับกระดาษ ถึงแม้ว่าจะออกไปข้างนอก ผมก็คงหางานที่เหมาะสมไม่ได้"
"คืนนี้ ผมใช้มือถือหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วก็เข้ามาในห้องถ่ายทอดสดของคุณ น่าเสียดายที่มาได้ไม่นาน แต่ฟังจากที่คนอื่นพูด คุณน่าจะเป็นผู้ดำเนินรายการที่เก่ง"
"ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ คุณเฟิงคิดว่าผมเป็นคนที่ชอบฟังเรื่องเล่า ถ้าคุณเฟิงมีปัญหาอะไร ผมก็ช่วยคุณแก้ปัญหาได้"
เจียงเย่พูดจบ เหล่าเฟิงปลายสายก็สูบบุหรี่
"ผมพับกระดาษ คุณบอกว่านี่คืออาชีพประตูหยิน สมัยก่อนงานฝีมือนี้สืบทอดกันมา มีข้อห้ามมากมาย แต่ถ้าจะบอกว่ามัน.. ชั่วร้าย มันก็ไม่ชั่วร้ายหรอก แค่มีบางคนชอบพูดเกินจริง อย่างน้อยพ่อของผมก็บอกผมแบบนี้ เขาบอกว่าไม่ว่าจะเป็นอาชีพประตูหยินหรือว่าอาชีพอื่น คนภายนอกก็มองว่าอาชีพของเราลึกลับ แต่จริงๆ แล้ อาชีพของเรามีแค่ 2 ข้อห้าม"
"1. ทิ่มผิวหนังแต่ไม่ทิ่มหัวใจ"
"2. เติมดวงตา"
"ทิ่มผิวหนังแต่ไม่ทิ่มหัวใจหมายความว่าตอนที่พับตุ๊กตากระดาษ แค่พับผิวหนังด้านนอก ไม่ต้องทำหัวใจ ส่วนแต้มจุดเติมตาก็เหมือนกับที่ชื่อบอก ตุ๊กตากระดาษมีตาแต่ไม่มีแววตา เหมือนกับที่คนสมัยนี้พูดว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ตุ๊กตากระดาษก็คือตุ๊กตากระดาษ ให้ความอบอุ่นแก่ผู้ตาย การเติมตา.. ไม่เท่ากับว่า.. ให้วิญญาณกับมันเหรอ?"
"2 ข้อห้ามนี้สืบทอดกันมา ไม่ว่าจะเป็นเหนือ ใต้ หรือว่าที่ที่มีประเพณีแปลกๆ ก็มีกฎมากมาย แต่หนีไม่พ้น 2 ข้อนี้ ตอนที่พ่อสอนผมพับกระดาษครั้งแรก เขาก็ให้ผมท่องจำ แม้แต่ตอนกินข้าว นอนหลับ บางครั้งตอนที่ผมอยู่ในห้องน้ำ เขาก็ยังเคาะประตู บอกให้ผมท่องจำ 2 ข้อห้ามนี้"
"ตอนนั้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องย้ำนักย้ำหนา ไม่ต้องพูดถึงการท่องจำแบบกลับไปกลับมา ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นพันๆ แบบ ผมก็สามารถท่องได้ทันที แต่พ่อดุมาก ตอนเด็กๆ ผมกลัวเขาก็เลยทำตามที่เขาบอก"
"ต่อมา พอผมโตขึ้น พ่อก็เริ่มให้ผมรับงานพับกระดาษ ผมพับบ้านผี ม้า เด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง อ้อ ในบรรดาตุ๊กตากระดาษทั้งหมด ผมชอบพับ.. เด็กผู้ชายมากที่สุด!”
"งานฝีมือการพับกระดาษของเด็กผู้ชายง่ายกว่าเด็กผู้หญิง ตอนที่ดูว่าช่างพับกระดาษเก่งไหม ทุกคนก็ชอบดูจาก.. เด็กทอง ถ้าพับเด็กทองได้ดี คนอื่นก็จะยอมทำธุรกิจด้วย หลายปีมานี้ ผมพับเด็กทองมามากมาย ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ป้าชุ่ยฮวาจากหวังเจียโข่วเสียชีวิต เด็กทอง เทพหยกที่ผมพับ.. เกิดเรื่อง!”
"ตอนนั้น หลานชายของป้าชุ่ยฮวาบอกว่าอยากได้เด็กชายกับเด็กสาวทองที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ผมบอกว่าไม่มีปัญหา แล้วเขาก็บอกว่าเด็กชายต้องอ้วน เด็กสาวต้องถักเปีย ผมบอกว่าง่ายมาก แล้วเขาก็ขออีกอย่าง บอกว่าเป็นคำสั่งเสียของย่าเขา บอกว่าหลังจากที่พับเด็กทองเสร็จ ต้องใส่เสื้อผ้าให้เด็กทอง"
"ผมบอกว่าพับเสื้อผ้าได้ ไม่ต้องห่วง แต่หลานชายของป้าชุ่ยฮวาบอกว่าต้องให้ใส่ชุดของลูกชายลูกสาวเขา ผมอึ้งไปเลย หลานชายของป้าชุ่ยฮวาน่าสงสารมาก ไม่นานมานี้ ตอนที่ลูกๆ ของเขาไปเก็บเห็ดบนเขา เจอหมูป่า หมูป่าฆ่าพวกเขาตาย ร่างกายแหลกเหลว"
"ตอนนั้น ผมไปดูศพ ตอนที่แบกลงมาจากเขา ลูกชายโดนควักลูกตา ส่วนลูกสาวดีหน่อย แต่ก็เละไปหมด ช่วงนั้น คนแถวนั้นก็กลัว ไม่ให้เด็กๆ ขึ้นเขา เพราะทุกคนคิดว่าสัตว์ป่าถูกกำจัดหมดแล้ว แต่ตอนนี้ บนเขากลับมีหมูป่า ถ้าเด็กๆ ขึ้นเขาไปเจอหมูป่า ก็..ไม่รอด"
"พอนึกถึงลูกชายลูกสาวของหลานชายป้า ผมก็ไม่ยอมเอาเสื้อผ้าของพวกเขาไปใส่ให้เด็กทอง แล้วตอนนั้น ลูกของเขาก็ตายไปนานแล้ว ผมก็เลยบอกว่าทำไมไม่เผาเสื้อผ้าให้พวกเขา? หลานชายของป้าชุ่ยฮวาบอกว่าเสื้อผ้า 2 ตัวนั้นแพงมาก ฐานะทางบ้านไม่ดี อยากจะเก็บไว้ให้ลูกคนต่อไป ก็เลย.. ไม่ยอมทิ้ง"
"พอได้ยินแบบนั้น ผมก็อยากจะด่า เสื้อผ้าของคนตายจะให้คนเป็นใส่ได้ยังไง? แต่นึกถึงที่บ้านของป้าชุ่ยฮวาไม่มีเด็กเกิดใหม่ ผมก็เลยกลืนคำพูดลงไป บอกว่าไม่ควรใส่ มันโชคร้าย!"
"ไม่คิดเลยว่าหลานชายของป้าชุ่ยฮวาจะโกรธ บอกว่าถ้าไม่ให้ใส่เสื้อผ้าก็ไม่ทำธุรกิจด้วย ไม่ทำก็.. ไม่ทำ จะไปหาคนอื่น! เขาพูดจบก็จากไป แถวนี้ไม่ใช่มีแค่ผมที่พับกระดาษได้ เขาก็เลยไปหาหยางเสี่ยวซูจากหมู่บ้านอื่น หยางเสี่ยวซูไม่ใช่แค่พับกระดาษ เขายังเรียนรู้วิชาจากพ่อด้วย เขารู้วิชา แล้วก็ชอบเกียจคร้าน พอได้ยินว่าเขาไปหาหยางเสี่ยวซู ผมก็โกรธ แต่ทำธุรกิจไม่สำเร็จ ผมก็ว่าอะไรไม่ได้"
"ผมไม่ได้ทำธุรกิจของป้าชุ่ยฮวา ช่วงนั้นผมก็ว่าง ทุกคืนก็นอนเร็ว จนกระทั่ง 2 คืนก่อนงานศพของป้าชุ่ยฮวา ตี 1-2 หยางเสี่ยวซูก็มาเคาะประตูบ้านผม เขาเคาะประตูแรงมาก ตะโกน "ลุงเฟิง ลุกขึ้น ลุกขึ้น.. เด็กทองที่ผมพับ.. โดนควักลูกตา!"