บทที่ 803 การบรรลุขั้นใหม่
การเดินทางไปยังอาณาจักรโบราณเพื่อรับศิษย์ใหม่เป็นเรื่องที่จางเหลียงไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เขาไม่ได้กลับไปยังยอดเขาหยินเยว่เพื่อแจ้งกับบุตรชายทั้งสองของเขา แต่ได้เข้าสู่ค่ายกลส่งตัวในทันที
ส่วนเรื่องว่าจะกลับมาเมื่อไหร่นั้น เฉินโม่ไม่ได้มีการกำหนดใดๆ แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้อีกฝ่ายคงไม่อาจปล่อยไว้ได้นาน
ณ ทุ่งบึงเฟยเทียน
ในใจกลางพื้นที่ขนาดใหญ่ เหลือเพียงหลี่ถิงอี้เพียงคนเดียว
เขายืนอยู่ข้างเฉินโม่ การเคลื่อนไหวของเขาดูท่าทีจะเกรงใจอยู่ไม่น้อย
"ผู้อาวุโสใหญ่บอกกับเจ้ารึยัง?"
"บอกแล้วขอรับ"
"ดี งั้นเรื่องแรก ให้เจ้ารวบรวมชื่อ อายุ และขั้นผู้ฝึกตนของผู้บังคับบัญชาที่อยู่ในขั้นปฐมภูมิขึ้นไปทั้งหมดในเฟยเทียน พร้อมทั้งความสามารถที่พวกเขาตื่นรู้ เจ้าสามารถบอกพวกเขาได้ว่า หากภักดีต่อข้าอย่างจริงใจ ชีวิตต่อไปของพวกเขาจะดีขึ้นกว่าเดิม"
หลี่ถิงอี้สูดลมหายใจลึก
"ศิษย์เข้าใจแล้ว"
"ไปเถอะ"
ทันทีที่จัดการเรื่องราวในเฟยเทียนเสร็จเรียบร้อย ทางฝั่งเนี่ยหยวนจือก็ส่งข่าวมาอย่างกะทันหัน
เมื่อดูจากเวลาแล้ว ตั้งแต่เขาไปถึงยอดเขาหยินเยว่ไม่น่าจะเกินสี่ชั่วโมง
ไม่นานนัก เสียงที่มีความยินดีปิดไม่มิดก็ถูกส่งผ่านทางท่อลมส่งเสียงหยินหยาง
"ยินดีด้วย ท่านแม่ทัพ!"
"หืม?"
เฉินโม่รู้สึกไม่เข้าใจ
เขาแทบสงสัยว่าท่อลมส่งเสียงนั้นอาจตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
แต่คำพูดถัดมา กลับทำให้เฉินโม่ไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเฟยเทียนและทันทีที่ได้ยินก็เรียกเจ้าไก่หัวแข็งมาในทันที!
สายฟ้าสีแดงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่เขาก็ส่งเสียงบอกหลี่ถิงอี้ที่เพิ่งจากไปว่า
"ข้าจะกลับไปก่อน เจ้าระวังตัวให้ดี!"
หลี่ถิงอี้ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพกลับรู้สึกตัวเองหยุดนิ่งไปชั่วครู่ เหงื่อเย็นก็ไหลรินลงมา!
มีท่านแม่ทัพเฉินอยู่ที่นี่ หลี่ถิงอี้ถึงมีความมั่นใจที่จะเจรจากับผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่
แต่เมื่อเฉินโม่จากไป ที่นี่ก็เหลือเพียงเขาคนเดียวในขั้นปฐมภูมิขั้นสาม แต่ต้องเผชิญกับผู้ฝึกตนขั้นปฐมภูมินับสิบ หรืออาจจะถึงขั้นปลาย
เขาจะทำเช่นไรดี?
"ใจเย็น! ใจเย็นไว้" หลี่ถิงอี้สูดลมหายใจลึกและไม่นานนักก็สามารถควบคุมความกังวลในใจได้สำเร็จ
เขาตามเนี่ยหยวนจือมาหลายปีและได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นเหนือ เมื่อเรื่องแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ แล้วจะทำงานรับใช้ท่านแม่ทัพได้อย่างไรในอนาคต?
หลังจากที่เขารวบรวมความคิดอยู่ราวหนึ่งธูป หลี่ถิงอี้ก็รวบรวมกำลังใจขึ้นมาใหม่!
จวนแม่ทัพในเฟยเทียนถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดส่วน โดยมีชื่อเรียกตามดาวเจ็ดดวงของกลุ่มดาวเต่าดำ และในนั้นที่สำคัญที่สุดคือส่วนของเทียนชู ซึ่งใช้สำหรับการจัดการเรื่องต่างๆ ของจวนแม่ทัพ
หากเขาสามารถจัดการกับคนในส่วนนี้ได้ งานทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเป็นสองเท่า
หลี่ถิงอี้ย่างก้าวเข้ามาในส่วนเทียนชูทันที ก็มีหลายสายตาคมกริบหันมามองเขา
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากผู้มีอำนาจก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก จนถึงขั้นอยากจะล้มเลิกความคิด
แต่หลี่ถิงอี้รู้ดีว่านี่คือโอกาสเดียวของเขา!
"ใครเป็นผู้ดูแลที่นี่" เขาฝืนความรู้สึกไม่สบายใจ แล้วเดินตรงเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ของเทียนชู พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เจ้าเป็นใครกัน?" ไม่นานนัก ชายชราขั้นปฐมภูมิปลายคนหนึ่งก็เดินออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาผสมความดูถูก
"ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่เจ้าจำเป็นต้องรู้เพียงว่า ข้าเป็นตัวแทนของใคร!"
หลี่ถิงอี้กล่าวด้วยท่าทีดูหมิ่นโดยไม่ปิดบัง เขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร
ฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่มีทางยอมรับเขา แต่พวกเขาต้องเข้าใจเรื่องหนึ่ง...ตั้งแต่วินาทีที่แม่ทัพใหญ่สิ้นชีพพวกเขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากชะตากรรมนี้ได้
ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความเมตตาของแม่ทัพเฉิน!
...
ในเวลาหนึ่งวัน เจ้าไก่หัวแข็งบินไปกลับจากเฟยเทียนสู่ยอดเขาหยินเย่วนับสองรอบ เทียบเท่ากับการข้ามผ่านทั้งแผ่นดินผิงตูโจว
แต่ถึงกระนั้นนี่ก็ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของมัน ครั้งหนึ่งมันเคยทดลองบินอย่างเต็มกำลังและสามารถทะยานข้ามหกครั้งได้โดยไม่หยุดพัก ความเร็วและความทนทานเช่นนี้ไม่เพียงแค่หาได้ยากในผิงตูโจว แต่แม้แต่ในแคว้นเหนือก็ยังเป็นเรื่องที่หายาก
เฉินโม่ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังยอดเขาหยินเยว่ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยทันที
เสียงของปีศาจงูแดงดังขึ้นในจิตของเขา
"สหายเฉิน"
"สหายงูแดง?" เฉินโม่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้นเฉินโม่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
เจ้าไก่หัวแข็งที่อยู่ใต้เท้าของเขาจู่ๆก็หยุดลงและทันใดนั้น แม่น้ำภูเขาเบื้องล่างก็เกิดแรงสั่นสะเทือนคล้ายมีการเคลื่อนไหว
นกที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าต่างพากันหันกลับและบินไปยังยอดเขาหยินเยว่
แผ่นดินเริ่มสั่นไหว เฉินโม่มองเห็นที่มาของการสั่นสะเทือนนี้ได้ชัดเจน!
สัตว์อสูร สัตว์เลี้ยงและแมลงที่ซ่อนอยู่ในดินต่างก็ปีนขึ้นมายังผิวดิน
พวกมันเหมือนเข็มที่ถูกดูดด้วยแม่เหล็ก มุ่งหน้ามาจากทุกสารทิศเพื่อไปยังจุดเดียวกัน!
"ที่แท้รอบๆยอดเขาหยินเย่วก็มีสิ่งมีชีวิตมากมายขนาดนี้นี่เอง"
เสียงของปีศาจงูแดงฟังดูเงียบสงบ แต่ถึงอย่างนั้น เฉินโม่เองก็ยังรู้สึกขนลุก
ชัดเจนว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดนี้ถูกเขาควบคุม แม้แต่เจ้าไก่หัวแข็งซึ่งอยู่ในขั้นที่สี่ยังไม่อาจหลบหนีได้!
"นี่เป็นความสามารถที่สหายงูแดงตื่นรู้หลังจากบรรลุขั้นใหม่หรือ?"
"ก็ประมาณนั้น แต่อาจจะมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป"
"สหายงูเขียวอยู่ไหน?"
ทั้งสองยังไม่ทันพบกัน แต่ก็ได้เริ่มสนทนากันแล้ว
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุย เจ้าไก่หัวแข็งก็กลับสู่สภาพปกติ มันแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่สิ่งมีชีวิตรอบๆยอดเขาหยินเยว่ก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังใจกลาง เหมือนกำลังต้อนรับราชาองค์ใหม่ของพวกมัน
"ข้าติดต่อมาเพื่อเตือนเจ้าเท่านั้น"
เฉินโม่อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแย้มขมขื่นออกมา
ปีศาจงูแดงพูดเช่นนี้ ทั้งบอกให้รู้ว่าปีศาจงูเขียวก็ได้บรรลุขั้นใหม่แล้วเช่นกัน พลังของมันไม่อาจเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน อีกทั้งยังบอกเป็นนัยว่ามันยังไม่ลืมเรื่องที่เคยทำให้พวกมันต้องหลอมยาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ดูเหมือนว่าจะอยากให้เขาได้รับ "บทเรียนเล็กน้อย" เพื่อแสดงความไม่พอใจในใจ
"เช่นนั้นข้าขอแสดงความยินดีกับทั้งสองท่าน ยอดเขาหยินเย่วข้าไว้วางใจให้พวกท่านดูแล ของที่ข้ามีให้เจ้าไก่หัวแข็งเอาไปส่งให้ ส่วนข้าต้องกลับไปจัดการเรื่องที่เฟยเทียนก่อน" เฉินโม่กล่าวจบก็หยิบกล่องบรรจุผลต้าโจวสองกล่องออกจากแหวนเก็บของและผูกติดไว้บนหลังเจ้าไก่หัวแข็ง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปในทิศตรงข้าม
การบรรลุขั้นใหม่ของปีศาจงูแดงและเขียวเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับเฉินโม่
หากมีสองตนนี้อยู่ ตราบใดที่ไม่มีใครจากจงโจวเข้ามา พื้นที่ทั้งหมดของผิงตูโจวจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
หากพวกมันแต่ละตนกินผลต้าโจวเพิ่มอีก 50 ลูกสะสมพลังเกรงว่าความสามารถของพวกมันจะยิ่งก้าวหน้าไปอีกขั้น!
เช่นนี้แล้ว บางทีพวกเขาอาจจะสามารถเผชิญหน้ากับกลุ่มที่หลงเหลือจากหน่วยเทียนหลงที่อยู่ในผิงตูโจวได้
แต่ก่อนจะทำเช่นนั้น ต้องให้ปีศาจงูเขียวสงบสติอารมณ์ลงเสียก่อน
หากมันก็สามารถตื่นรู้ความสามารถที่ไม่ด้อยไปกว่าปีศาจงูแดง ไม่ใช่เพียงแค่เฉินโม่เท่านั้น แต่เกรงว่ายอดเขาหยินเย่วอาจจะถูกเผาผลาญจนสิ้นเชิงง
"สหายเฉิน ชิงเอ๋อให้ข้าขอบคุณเจ้า นางบอกว่า คราวนี้จะไม่เผาเจ้าแล้ว"
"สหายเฉิน ชิงเอ๋อบอกว่าหากจะเผาเจ้าก็ต้องเป็นการเผาให้ร้อนรุ่มใจ"
"..."
เฉินโม่ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่ากำลังจะออกจากขอบเขตการรับรู้ของปีศาจงูแดง เขาจึงกล่าวขึ้นว่า
"เมื่อข้าจัดการธุระเสร็จสิ้นแล้วจะมาร่วมแสดงความยินดีในทันที!"
ผ่านไปอีกสักพักปีศาจงูแดงส่งเสียงบอกมาว่า
"สหายเฉิน หากมีเรื่องใดต้องให้เราช่วยก็สั่งได้เลย"
"แน่นอน!"
(จบบท)