บทที่ 584 การคาดการณ์ และ การมาถึง
บทที่ 584 การคาดการณ์ และ การมาถึง
ในห้องลับภายในหอคอยพ่อมด ข้างบ่อน้ำแห่งการถอนหายใจ
เจสซ่ายังคงยืนเงียบอยู่ จนกระทั่งล็อคกี้จากไป เขาจึงค่อย ๆ หันศีรษะอย่างไร้ชีวิต และ เลิกแขนเสื้อด้านขวาขึ้น
บนแขนขวาของเขา ผิวหนังที่ควรจะเรียบเนียนกลับเต็มไปด้วยตุ่มนูน และ ร่องลึก ก่อเกิดเป็นใบหน้าหญิงสาวที่ดูน่าพรั่นพรึง
"สำหรับเรื่องของวงแหวนงูคาบหาง เจ้าคิดว่าอย่างไร?"
“บล๊อก! บล๊อก!” ช่องว่างสองแห่งค่อย ๆ เปิดออก เป็นดวงตาของหญิงสาวที่แลดูมีชีวิตชีวา
"ตอนนี้ท่านอยู่ในช่วงแปลงสภาพอย่างลึกซึ้ง เกรงว่าตัวท่านเองคงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ง่าย ๆ…" เสียงของหญิงสาวลึกลับดังขึ้น
“เจ้าหมายความว่าเราควรปล่อยโอกาสนี้ไป?” เจสซ่ายกคิ้วขึ้น
"ไม่! พวกเราจะ..." เสียงของหญิงสาวค่อย ๆ แผ่วเบาลงไป และ จมหายไปกับเสียงของกระแสน้ำสีดำที่ไหลวนรอบข้าง…
…
เหนือชั้นบรรยากาศ ทะเลเมฆสีขาวอันกว้างใหญ่ก่อตัวรวมกัน คล้ายมหาสมุทรหยกสีขาวไม่มีที่สิ้นสุด
มีแสงสีดำพาดผ่านมหาสมุทรหยกนั้น แสงสีดำนี้มาจากเรือเหาะส่วนตัวที่มีโครงสร้างลื่นไหลสวยงาม พร้อมม่านพลังบาง ๆ ห่อหุ้มเพื่อป้องกัน ทำให้ภายในเรือสงบเงียบ
ในห้องนอน เรย์ลินนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่น โดยมีภาพลาง ๆ ของงูยักษ์โคโมอินค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหลัง
แสงสีแดงเพลิงกระพริบไปมา ทำให้ภาพงูยักษ์นั้นดูเลือนรางอย่างฝัน ริ้วลายสีแดงสดบนตัวของงูยักษ์ค่อย ๆ ประณีตขึ้น ดูหรูหรายิ่งนัก
การทำสมาธิในแต่ละวันเป็นกิจวัตรสำคัญของเรย์ลิน แม้เขาจะได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของระดับดวงดาวรุ่งอรุณแล้ว แต่ก็ยังคงทำอย่างสม่ำเสมอ
เมื่ออนุภาคแห่งความมืด และ อนุภาคไฟจำนวนมากถูกดูดซับผ่านพลังวิญญาณ ภาพเงาของงูยักษ์ก็คำราม และ ค่อย ๆ หดกลับเข้าไปในร่างของเรย์ลิน
เสียง “ซ่า” ดังขึ้นขณะที่เขาลืมตา และ บรรยากาศในห้องดูราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่าน
“หลังจากปรับแต่งผ่านชิปแล้ว การผสานระหว่างวิชาอัคนีปักษา และ ดวงตาโคโมอินในเทคนิคการทำสมาธินี้ มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย 1.5 เท่า!”
เรย์ลินทดลองด้วยตัวเอง และ ได้ข้อสรุปที่แม่นยำที่สุด
การทำสมาธิของดวงตาโคโมอินหลังการปรับแต่งนี้ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดมาก แม้ว่าจะยังขาดความสมบูรณ์ในบางขั้นตอน แต่ก็นับว่าใกล้เคียงกับเทคนิคการทำสมาธิชั้นยอดอย่างดวงตาแห่งสุริยันมากแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เรย์ลินก็ส่งจิตไปยังชิป
“ผลการคำนวณสำหรับเทคนิคการทำสมาธิชั้นที่ห้าของดวงตาโคโมอินไปถึงไหนแล้ว?”
“ติ๊ง! การคำนวณเสร็จสิ้น 76.5%! กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงส่วนที่เหลือ!” เสียงเครื่องจักรของชิปตอบกลับมาอย่างซื่อสัตย์
“ดูจากแนวโน้มนี้ อีกไม่นานก็คงสามารถคำนวณเทคนิคการทำสมาธิชั้นที่ห้าได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!”
เรย์ลินเผยรอยยิ้มแห่งความยินดี
พ่อมดงูยักษ์โคโมอิน โดยเหตุจากข้อจำกัดของสายเลือด จึงไม่เคยมีใครก้าวข้ามระดับสี่ระดับดวงดาวรุ่งอรุณได้ และ ด้วยเหตุนี้ เทคนิคการทำสมาธิเฉพาะสายเลือดอย่าง "ดวงตาโคโมอิน" จึงมีเพียงแค่สี่ชั้นเท่านั้น
นี่เป็นหนึ่งในข้อจำกัดของสายเลือด! เทคนิคการทำสมาธินี้เองก็เป็นเสมือนกรอบที่กักขังพ่อมดโคโมอินไว้ไม่ให้ก้าวข้ามขีดจำกัด!
แต่ในตอนนี้ เรย์ลินค้นพบความหวังในการทำลายกรอบพันธนาการนี้ได้! แม้เทคนิคการทำสมาธิจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็เหมือนเป็นการเปิดช่องโหว่ให้แก่พันธนาการนี้ และ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็เพียงแค่ขยายช่องโหว่นั้นให้กว้างขึ้น
หากมุ่งมั่นทำเช่นนี้ต่อไป เรย์ลินมั่นใจว่าวันหนึ่งพันธนาการแห่งสายเลือดจะไม่อาจหยุดยั้งเขาได้อีกต่อไป!
“เทคนิคการทำสมาธิเป็นเพียงแง่มุมเล็ก ๆ ของพันธนาการสายเลือดสำหรับพ่อมดสายเลือด ปัญหาหลักจริง ๆ นั้นคือพันธนาการจากสายเลือด และ ข้อจำกัดทางวิญญาณ…”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของเรย์ลินก็หม่นลง แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในอนาคตของตัวเอง แต่ก็ไม่ประมาทต่ออุปสรรคเบื้องหน้า
“พลังสูงสุดของงูยักษ์โคโมอินมีเพียงระดับสี่เท่านั้น และ เมื่อข้าผสานสายเลือด และ วิญญาณของมัน ขีดจำกัดของวิญญาณข้าก็อยู่เพียงระดับสี่เท่านั้น!”
พันธนาการแห่งสายเลือด เมื่อถึงระดับดวงดาวรุ่งอรุณ จะกลายเป็นข้อจำกัดทางวิญญาณแทน นี่ต่างหากที่เป็นความจริงของพันธนาการสายเลือด!
แง่มุมทางวิญญาณนั้นซับซ้อน และ กว้างขวางยิ่งนัก แม้แต่พ่อมดดวงดาวรุ่งอรุณระดับสี่ยังเข้าใจได้เพียงแค่ขอบเขตเล็กน้อยของมันเท่านั้น
“แล้วจะทำลายข้อจำกัดทางวิญญาณได้อย่างไร?” เรย์ลินลูบคางครุ่นคิด “หรือว่าต้องลองทำการผสมสายเลือดหรือดัดแปลงสายเลือด?”
ด้วยข้อมูลการทดลองมากมายจากกลุ่มหลิวซาโบราณ เรย์ลินจึงไม่แปลกกับแนวคิดนี้ อีกทั้งเขายังมีประสบการณ์มากมายในด้านนี้
การดัดแปลงหรือผสมสายเลือดของงูยักษ์โคโมอินให้เกิดสายเลือดใหม่ได้นั้น คงมีเพียงเรย์ลินในทวีปกลางที่มีความสามารถพอที่จะทำได้!
“แต่สายเลือดที่สังเคราะห์ขึ้นย่อมมีข้อบกพร่อง มันไม่อาจมีชีวิตชีวา และ พลังเช่นสายเลือดที่ถูกเลือกสรรโดยธรรมชาติ และ กาลเวลา!”
นี่คือข้อด้อยของสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น หากเรย์ลินยอมทุ่มเวลานับหลายชั่วอายุคน ปล่อยให้สายเลือดสังเคราะห์เติบโตในธรรมชาติจนสมบูรณ์ ก็เป็นไปได้ แต่ระยะเวลาที่ต้องใช้กลับยาวนานเกินกว่าอายุขัยของเขา
นอกจากนี้ แม้ว่าการดัดแปลงสายเลือดอาจสร้างสายเลือดที่แข็งแกร่งขึ้นได้ แต่อัตราการล้มเหลวก็สูงไม่แพ้กัน เรย์ลินไม่กล้าเดิมพันอนาคตของตนกับการเสี่ยงเช่นนั้น
ดังนั้น แม้ความคิดนี้จะดูน่าสนใจ แต่เมื่อผ่านเข้ามาในหัว เรย์ลินก็ละทิ้งไปในทันที
“หากวิธีเหล่านี้ใช้ไม่ได้ ก็เหลือเพียงทฤษฎีที่ต้นไม้แห่งปัญญาทิ้งไว้…น่าเสียดาย ที่ระดับของข้าตอนนี้ยังไม่เพียงพอจะใช้งานได้…” ร่องรอยความกังวลปรากฏบนหน้าผากของเรย์ลิน
หากเทียบกันเพียงแค่ด้านสติปัญญา และ ประสบการณ์แล้ว เขาในตอนนี้ยังไม่อาจเทียบได้เลยกับต้นไม้แห่งปัญญา สิ่งมีชีวิตที่คงอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ และ ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยเหตุนี้ คำแนะนำที่ได้รับจากมันจึงตรงประเด็น และ มีประโยชน์อย่างยิ่ง
ชิปได้ทำการจำลองการทดลองหลายครั้งเพื่อยืนยันความเป็นไปได้ของแนวคิดนั้นแล้ว แต่ก็น่าเสียดาย เพราะแผนการนี้ยังคงห่างไกลจากการปฏิบัติจริงอยู่มาก พลังของเรย์ลินในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันแผนการนั้นไปได้
“อีกทั้ง วิธีการที่มันเสนอให้ยังมีผลลัพธ์ที่เป็นการแก้ไขปัญหาได้ถาวร การนำมาใช้ตอนนี้ย่อมไม่เกิดผลดีเท่ากับการเก็บไว้ใช้ในอนาคต นี่อาจเป็นเพียงทางเดียวที่ข้าจะใช้เผชิญหน้ากับแม่แห่งงูหมื่นตัวในภายภาคหน้า!”
สายตาของเรย์ลินฉายแววลึกล้ำ
“บางที…ความคิดแรกเริ่มของข้าอาจผิดพลาดไป แทนที่จะพยายามแสวงหาพลังภายนอกมาปนเปื้อนสายเลือดของตน ควรหันมาสำรวจ และ ขุดลึกพลังในสายเลือดของตัวเอง อาจมีหนทางใหม่ที่รออยู่”
เรย์ลินตัดสินใจอย่างแน่วแน่
“ติ๊ง! ขณะนี้ถึงเขตของเมืองแห่งท้องฟ้าแล้ว! คาดว่าจะถึงจุดลงจอดในอีก 1 ชั่วโมง 24 นาที 13 วินาที!” เสียงแจ้งเตือนจากชิปดังขึ้น
“อืม? เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้วหรือ?” เรย์ลินยังคงงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะดูบันทึกเวลาจากชิป แล้วก็อดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ “ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่า พ่อมดระดับสูงบางคนทำการทดลองครั้งหนึ่งก็กินเวลานับปีหรือหลายสิบปี จนเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกที ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปจนไม่เหมือนเดิมเลย ข้าเองก็มาเจอเหตุการณ์นี้เข้าแล้ว เพียงแค่ทำสมาธิไปไม่กี่ครั้ง และ ลองทดลองสักสองสามครั้ง เวลาก็ผ่านไปไม่รู้ตัว…”
ในสายตาของคนนอก พ่อมดไม่เพียงแต่ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ แต่ยังมีอายุยืนยาวน่าทึ่ง แม้แต่พ่อมดระดับหนึ่ง และ สองก็มีอายุขัยยืนยาวนับหลายร้อยปี
แต่เรย์ลินรู้ดีว่า เวลานั้นไม่เคยพอ…มันสั้นเกินไป! พ่อมดไม่ได้มีแค่ทำสมาธิเท่านั้น แต่ยังต้องทำการทดลอง และ ออกสำรวจภายนอก ซึ่งแต่ละสิ่งนี้อาจกินเวลานับสิบปีหรือนับร้อยปี ดังนั้น แม้จะบรรลุระดับดวงดาวรุ่งอรุณที่มีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าเวลาไม่พอเสมอ
“ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีพ่อมดจำนวนมากที่เลือกแปรสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะหรือเป็นวิญญาณ แต่การหลีกหนีความตายนี้ก็ทำได้เพียงชะลอเวลาเท่านั้น สุดท้ายการสูญสลายของวิญญาณก็ยังคงเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่อาจขัดขวาง และ ยังทิ้งผลข้างเคียงมหาศาล อย่างเช่น การเสื่อมถอยทางปัญญา…”
เรย์ลินสะท้านเล็กน้อยในใจ หากถึงเวลาที่อายุขัยของเขาสิ้นสุดลงจริง เขาจะไม่เลือกหนทางนี้แน่นอน ต่อให้สามารถมีชีวิตยืนยาวออกไปอีก แต่หากต้องแลกมาด้วยการที่สติปัญญาหรือจิตใจเสื่อมลง ถึงขั้นกลายเป็นคนบ้าหรือโง่เง่าแล้วล่ะก็ เขายอมที่จะกลับสู่อ้อมกอดแห่งดวงดาวอย่างมีสติครบถ้วนดีกว่า
ในเวลานั้นเอง เรือเหาะ ‘งูยักษ์’ เริ่มยกตัวสูงขึ้น ก่อให้เกิดการเอียงเล็กน้อยของตัวลำเรือ
“ในที่สุดก็มาถึงแล้วสินะ เมืองแห่งท้องฟ้า! สถานศักดิ์สิทธิ์แห่งพ่อมดทวีปกลาง สถานที่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอู่แห่งความรู้ และ ความจริง!”
สายตาของเรย์ลินแฝงความคาดหวังขณะเดินออกไปยังดาดฟ้าเรือ
แรงกดดันของลมแรง และ แรงอัดของชั้นบรรยากาศไม่อาจส่งผลกระทบต่อการป้องกันของเรือเหาะ ‘
งูยักษ์’ ภายในเรือนั้นเรย์ลินจึงแทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใด ๆ
ในเวลานั้น หัวเรือของงูยักษ์เริ่มยกสูงขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังเร่งความสูงอย่างรวดเร็ว
เรือเหาะงูยักษ์อยู่สูงเหนือชั้นบรรยากาศในเขตของชั้นบรรยากาศที่ไม่มีสภาพอากาศรุนแรง แต่ตอนนี้ได้ทะยานพ้นชั้นสตราโตสเฟียร์ขึ้นไปยังฟากฟ้าที่สูงกว่าเดิมอีก
"ติ๊ง! ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของแรงดันรอบตัว ความเข้มข้นของออกซิเจนลดลง!" ชิปส่งการแจ้งเตือนขึ้นมา
“ฮะฮะ! ยังอีกไกลนัก” เรย์ลินส่ายหน้าเล็กน้อย งูยักษ์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเสมือนจรวด เคลื่อนที่เกือบเป็นเส้นตรงพุ่งขึ้นด้านบน
80 กิโลเมตร! 200 กิโลเมตร! 500 กิโลเมตร! ชิปแสดงค่าที่เปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“หากอยู่ในโลกก่อนหน้านี้ ตอนนี้ข้าคงทะลุผ่านชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์ และ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศเอ็กโซสเฟียร์ไปแล้ว”
เรย์ลินมองไปยังชิปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และ พบว่าแม้อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว และ เกิดการเปลี่ยนแปลงของไอออน แต่ก็ไม่มีปรากฏการณ์พิเศษอื่น ๆ
"ไม่มีอะไรเลยหรือ?" เรย์ลินแหงนมองขึ้นไป พบว่าเบื้องบนนั้นไม่ใช่ห้วงอวกาศ แต่ยังคงเป็นท้องฟ้าดั้งเดิม ทว่าแสงอาทิตย์กลับดูเจิดจ้า และ ส่องสว่างกว่าที่เคย
"โลกแห่งพ่อมดเป็นทวีปที่อยู่ภายใต้ม่านขนาดใหญ่ จึงไม่เหมือนกับโลกก่อนหน้าข้าเลย"
เรย์ลินหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อย
ในเวลานั้นเอง เงามืดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเรือเหาะงูยักษ์ ราวกับม่านบังฟ้าที่ทอดตัวลงมาคลุม
เมื่อเข้าใกล้ก็เห็นว่าเป็นเมฆดำหนาทึบขนาดใหญ่ ที่มีสายฟ้าส่องแสง และ คำรามอยู่ภายใน
"ชั้นอาคฟุเร! ด่านป้องกันชั้นแรกของเมืองแห่งท้องฟ้า!"
เรย์ลินยิ้มขณะขับเรือเหาะงูยักษ์พุ่งตรงไปข้างหน้า
เปรี้ยง! สายฟ้ามากมายคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด และ ฟาดลงมาอย่างรุนแรง!
.........