บทที่ 250 วิ่งทะยาน (6)
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]
บทที่ 250 วิ่งทะยาน (6)
ณ สุดตรอกที่แม้แต่แสงจันทร์ยังส่องมาไม่ถึง คังวูจิน หรือในนาม คิโยชิ ยืนก้มมองเครื่องบันทึกเสียงในมือ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งความรู้สึก บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ไม่ได้ ดวงตาคมเฉียบภายใต้แพขนตายาวดูลึกลับน่าค้นหา ร่างสูงโปร่งสง่างามราวกับเสือดำที่กำลังจ้องมองเหยื่อ ในขณะที่เอจิ ผู้รับบทเป็นวูจินในคราบหนุ่มหน้าหวาน หันมองไปด้านหลังด้วยแววตาหวาดระแวง บรรยากาศเงียบสงัดราวกับโลกหยุดหมุน มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนทั้งคู่ที่ดังเป็นระยะ ผ่านไปเนิ่นนาน เสียงทุ้มต่ำของเคียวทาโร่ ผู้กำกับมากฝีมือ ก็เปล่งขึ้นทำลายความเงียบ
“คัท!”
“โอเค ผ่าน!”
สิ้นเสียงประกาศ สายตาของทุกคนในกองถ่ายต่างจับจ้องมาที่คังวูจินเป็นตาเดียว แม้จะผ่านฉากนี้ไปได้ด้วยดี แต่การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไป แสงไฟถูกปรับเปลี่ยน มุมกล้องและตำแหน่งของนักแสดงถูกจัดวางใหม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด คังวูจินยังคงรักษามาดขรึมไว้ได้อย่างแนบเนียน แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าจำนวนคนดูเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
‘ทำไมคนดูถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้นะ’
เขาได้แต่คิดในใจ ขณะที่กองถ่ายกลับมาคึกคักอีกครั้ง การถ่ายทำดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเสร็จสิ้นในรอบที่สี่
ระหว่างนั้นเอง เหล่านักแสดงมากมายต่างทยอยกันมาจับจองพื้นที่ฝั่งตรงข้ามของตรอก ไม่ว่าจะเป็นทีมงานเบื้องหลัง ช่างภาพ และนักแสดงคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น มานะ โคซะกุ ผู้รับบท โมจิโอะ นายตำรวจหนุ่มไฟแรง หรือ อุรามัตสึ มิฟุยุ ในมาดตำรวจอามิเอะ ที่มาพร้อมกับรอยเปื้อนฝุ่นตามเนื้อตัว รวมไปถึงนักแสดงสมทบและตัวประกอบคนอื่น ๆ ที่ขาดไม่ได้คือ เหล่านักแสดงประกอบที่คอยเติมเต็มให้ฉากสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ต่างมารวมตัวกันเพื่อรอชมการแสดงของคังวูจิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักแสดงประกอบที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ต่างซุบซิบพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
“ได้ยินมาว่าคังวูจินพากย์อนิเมะด้วย”
“ใช่ ผมก็ดู! เท่าที่ฟัง เสียงกับการออกเสียงของเขาไม่มีปัญหาเลยนะ”
“จริงด้วย ฉันอยากเห็นมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้มาเห็นการแสดงของเขาสักที”
“เขาแสดงได้เหนือความคาดหมายมากเลยล่ะ บอกตรง ๆ ตอนแรกที่เห็นเขาดังขนาดนี้ ฉันนึกว่าเป็นแค่พวกกระแส”
“ไม่ว่ายังไงก็เถอะ ถึงฟองสบู่จะแตกไปแล้ว แต่สำหรับนักแสดงเกาหลีที่ไปโด่งดังเปรี้ยงปร้างขนาดนั้นที่ญี่ปุ่น คังวูจินก็นับเป็นคนแรกเลยใช่มั้ยล่ะ”
ท่ามกลางนักแสดงมากมาย ทั้งคนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดงจริง ๆ และคนที่แค่มาทำงานพิเศษระยะสั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน คังวูจินที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองถ่าย ก็เป็นบุคคลที่แปลกประหลาด น่าพิศวงจริง ๆ
“ช่วงนี้พวกนักแสดงในคณะละครของพวกเราน่ะ พูดถึงแต่เรื่องของคังวูจินกันทั้งนั้นเลย”
“อ่า จริงเหรอ? ก็จริงอยู่ ที่คณะของเราก็มีเด็ก ๆ ที่ฝึกฝนการแสดงแบบคังวูจินเพิ่มขึ้นนะ พวกฉากใน ‘นิติวิทยาเสเพล’ หรือ ‘เพื่อนชาย’ อะไรเทือก ๆ นั้นล่ะ แค่เปลี่ยนบทพูดนิดหน่อย”
ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงโนเนมหรือคนทั่วไป ต่างก็มองว่าวูจินเป็นดารา แถมยังเป็นคนเกาหลีที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเขย่าประเทศญี่ปุ่นได้ขนาดนั้น ใครจะไม่ทึ่ง ย้อนดูประวัติศาสตร์วงการบันเทิงเกาหลีและญี่ปุ่น คงมีแค่คังวูจินคนเดียวเท่านั้นล่ะมั้ง
ไม่กี่นาทีต่อมา
หลังจากที่กองถ่ายถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ทีมงาน ‘บุปผาเร้น’ ก็เริ่มถ่ายทำฉากต่อไปทันที
“แอ็กชัน!”
แน่นอนว่าตอนนี้คังวูจินคือ อิโยตะ คิโยชิ อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนนักแสดงหนุ่มหน้าหวานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็จดจ่ออยู่กับบทบาทโฮเรียว เอจิเช่นกัน
- กึก
วูจิน หรือก็คือคิโยชิในสีหน้าเรียบเฉยกําลังขยับเครื่องบันทึกเสียงในมือเล่น จากนั้นก็ค่อย ๆ ยกขึ้นมาแนบกับหู แล้วกดเล่นเสียงที่บันทึกไว้ เสียงผู้หญิงดังเล็ดลอดออกมา แต่เสียงนั้นไม่ได้ดังมากนัก มันเป็นเสียงของโฮริโนจิ อามิเอะ ที่กำลังเมาไม่ได้สติ
มันไม่ใช่เสียงที่ได้ยินชัดเจน
แม้บันทึกเสียงจะเลือนราง แต่ความตั้งใจในการบันทึกนั้นชัดเจน เสียงที่คล้ายคำสารภาพของอามิเอะดังเล็ดลอดออกมา เผยความเลวร้ายที่เธอและพวกพ้องร่วมกันก่อ
• ·····
คังวูจินนิ่งฟังเสียงของอามิเอะจากเครื่องบันทึกนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้าคมคายภายใต้ท่าทีสุขุมพยักอย่างพอใจเมื่อเสียงนั้นสิ้นสุด
“ทำได้ดีมาก”
เอจิที่ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่น เอ่ยเสียงแผ่ว
“ตกลงว่าจะจ่ายเงินให้ผมจริง ๆ นะครับ?”
“เงียบ” วูจินปรามเสียงเรียบ
“อะ อะ-”
เอจิหันมองกลับไปยังต้นเสียง พร้อมกับที่คังวูจินเก็บเครื่องบันทึกเสียงลงในกระเป๋าเป้ข้างกาย ก่อนจะหยิบมัดธนบัตรรัดแน่นปรากฏสู่สายตา
“นี่ 10% ก่อน”
กล้องบันทึกภาพความประหลาดใจบนใบหน้าของเอจิไว้ได้อย่างชัดเจน
“เฮ้ย ไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้นี่ครับ”
“ฉันจะให้เป็นรายเดือน”
“······รายเดือน?”
“ถ้าไม่พอใจ ฉันคืนเครื่องบันทึกเสียงให้ก็ได้ ถือว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น”
“เอา เอามานี่!”
เอจิคว้าปึกเงินจากมือของวูจินไปอย่างลุกลี้ลุกลน ทิ้งให้คังวูจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ทีนี้ก็ทำตัวตามที่บอกไว้ ประมาณครึ่งปี”
โฮเรียว เอจิ ชายคนรักลับ ๆ ของอามิเอะ คังวูจิน หรือคิโยชิ รู้จักเขาตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว ย้อนไปในวันที่เขายังเฝ้าติดตามเรื่องราวของอามิเอะอย่างเงียบเชียบ สิ่งที่น่าสนใจคือเอจิไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนกับใบหน้าอันหล่อเหลา เขาทำตัวเป็นคนดีก็ต่อหน้าอามิเอะเท่านั้น แต่ลับหลังกลับเที่ยวเล่นการพนันและร้านเกม แถมยังเป็นหนี้พวกพ่อค้าขายยาเสพติดในคาบูกิโจก้อนโตอีกด้วย
กลางแสงสีและม่านมายาแห่งคาบูกิโจ สถานที่ซึ่งคนอย่างเอจิกลืนหายไปกับผู้คนมากหน้าหลายตา คังวูจินรู้ดีว่าการใช้จุดอ่อนของเอจิเป็นเครื่องมือบีบบังคับนั้นง่ายดายเพียงใด
‘ต้องทำแบบนี้ต่อไป แต่อย่าให้มันดับกระหาย’
วูจินมองเอจิที่ก้าวข้ามเส้นอันตรายไปไกลเกินกว่าจะหวนกลับ เส้นทางนี้ไม่ว่าจะเป็นอามิหรือแม้แต่ยากูซ่ายังไงก็ต้องถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ยิ่งเข้าไปพัวพันกับยากูซ่ามากเท่าไหร่ โอกาสตายยังไร้ร่องรอยก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ในวินาทีนี้ สำหรับเอจิแล้ว คิโยชิเปรียบเสมือนทั้งทางตันและความหวังอันริบหรี่ในคราวเดียวกัน
ความหวังนั้นยื่นกุญแจและกระดาษโน้ตให้เอจิ
“ฉันหาบ้านให้แล้ว อยู่ที่หมู่บ้านชาวประมง ชิบะ ในกระดาษเป็นแผนที่”
เอจิรับกุญแจและกระดาษโน้ตมาด้วยมือที่สั่นเทา ดวงตาจ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของวูจินอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มผายไปด้านหลังเบา ๆ
“ทำอะไรอยู่ ไสหัวไปได้แล้ว”
“แล้วเรื่องติดต่อ...”
“ฉันจัดการเอง”
“...”
ไม่นานนัก เอจิก็ยัดเงินและกุญแจลงในกระเป๋าเสื้อก่อนจะวิ่งออกจากตรอกไป วูจินมองตามแผ่นหลังของเอจิที่วิ่งหายลับไปอย่างไม่ใยดี เลนส์กล้องซูมเข้ามาที่ใบหน้าเรียบนิ่งของเขาจนเต็มเฟรม
“ซักสองสามเดือนคงไม่เป็นไร” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเอง
“แต่ผู้ชายคนนี้ต้องเปล่งประกายในสักวัน ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนั้นค่อยหาวิธีจัดการทีหลัง ยังไงซะเอจิก็มีลิขิตต้องไปอยู่กับยากูซ่าอยู่แล้ว ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ได้เวลาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยก็พอแล้ว”
ตุ้บ ตุ้บ
วูจินก้าวออกจากตรอกไปอย่างเชื่องช้า ดวงตาไร้แววความรู้สึก มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าสัมผัสกับเครื่องบันทึกเสียง แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดจะมอบมันให้ตำรวจเลยแม้แต่น้อย
เครื่องบันทึกเสียงนี่เป็นเพียงเครื่องมือควบคุม ‘งาน’ อีกชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่อามิหรอก
คังวูจิน หรือ คิโยชิ ในวันนี้ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาคมกริบกวาดมองผังงานในหัว ก่อนจะเลื่อนไปหยุดที่กล้องตรงหน้า ฉากหลังในจอมอนิเตอร์อาจกำลังฉายภาพเมืองคาบูกิโจแสนศิวิไลซ์ แต่สิ่งที่วูจินกำลังเผชิญอยู่นั้นกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“...”
แววตาของ ‘คนแปลกหน้า’ บนหน้าจอนั้นไร้ซึ่งประกายชีวิต และจะมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดับสูญไปในไม่ช้า แต่สำหรับวูจินแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจมันสักเท่าไหร่ มือหนายังคงขยับทำภารกิจต่อไปอย่างไม่ลังเล
“ไปกินราเม็งก่อนจะดีไหมนะ?”
ความหิวเริ่มร้องเตือน
หลังจากนั้น
คังวูจินกลับมาทุ่มเทให้กับการถ่ายทำภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘บุปผาเร้น’ อีกครั้ง ช่วงนี้เขาแทบจะไม่มีตารางงานอื่นใดนอกจากเรื่องนี้เลย อีกทั้งทีมงาน ‘บุปผาเร้น’ เองก็เร่งถ่ายทำกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้ทันกำหนดฉาย
“คัต! เทคใหม่ครับ!”
“ครับ ผู้กำกับ!”
วันที่ 13 แห่งการถ่ายทำ ทีม ‘บุปผาเร้น’ ยังคงปักหลักถ่ายทำฉากกลางแจ้งบริเวณใกล้เคียงกับเมื่อวาน
ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ข่าวคราวของ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวาน กลับกลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นทั่วไป หรือคนในวงการบันเทิง ต่างก็ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘คังวูจิน’ ในบทบาทนักพากย์หน้าใหม่
『 “บุปผาเร้น” คงไม่พอ ล่าสุด “คังวูจิน” ก้าวสู่วงการนักพากย์ กับผลงาน “เพื่อนชาย: รีเมค” ทำเอาแฟนคลับฮือฮา ด้านวงการนักพากย์ออกอาการกังวล』
ราชาแห่งกระแสอย่าง ‘คังวูจิน’ ได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ท้าทาย ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งเขาได้ นี่คือช่วงเวลาที่ระเบิดปรมาณูที่สตูดิโอ A10 วางแผนไว้ ได้โจมตีเป้าหมายเข้าอย่างจัง!
เวลาผ่านไป ความสนใจในเรื่อง ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 14 หรือ 15 ที่มาถึง กระแสในโลกออนไลน์ยังคงร้อนแรง อนิเมะเรื่องนี้ได้เข้าไปอยู่ในใจของแฟน ๆ อย่างเต็มเปา สมกับที่ใคร ๆ ต่างก็ยกให้เป็นประเทศแห่งอนิเมะ พลังของแฟน ๆ ช่างน่าทึ่งจริง ๆ
ในเช้าวันจันทร์ที่สดใสในประเทศเกาหลี ข่าวคราวของรายการ ‘ครัวเรือนหรรษาของเรา’ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง
“มาอีกแล้ว! ‘ครัวเรือนหรรษาของเรา’ ทำลายสถิติ เรตติ้งพุ่งไปที่ 20.7%”
นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการประกาศข่าวที่ทำให้แฟน ๆ ลุ้นกันมานาน
“[ข่าวอย่างเป็นทางการ] บะหมี่มักกุกซูโรยสาหร่าย เมนูสุดสร้างสรรค์จาก ‘ครัวเรือนหรรษาของเรา’ โดยคังวูจิน เตรียมวางจำหน่ายในรูปแบบถ้วย ร่วมกับบริษัท เทพแห่งการเกษตร”
ไม่เพียงแต่จะรักษาเรตติ้งในระดับ 20% ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จอีกด้วย ‘เทพแห่งการเกษตร’ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมกัน ตัดสินใจไม่รอช้า ปล่อยข่าวดีออกไปทันที ผลก็คือไม่ใช่แค่ผู้ชมรายการ ‘ครัวเรือนหรรษาของเรา’ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชาวเน็ตจำนวนมากที่ให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม
“55555555 โอ้ย จริงดิ บะหมี่มักกุกซูโรยสาหร่าย จะวางขายเป็นสินค้าจริง ๆ เหรอเนี่ย??5555”
“คังวูจิน…. นี่มันอัจฉริยะชัด ๆ ป่ะเนี่ย อิทธิพลครอบคลุมทุกวงการเลย5555555”
“ตอนดูทีไร น้ำลายไหลทุกที บะหมี่มักกุกซูโรยสาหร่าย วางขายเมื่อไหร่ฉันนี่แหละจะไปซื้อคนแรกเลย”
“เชฟคังสุดยอดไปเลย”
“แบบนี้มันเคยมีมาแล้วไม่ใช่เหรอ?? แต่ของวูจินทำไมดูเหมือนคนจะแห่กันไปซื้อตั้งแต่วันแรกที่วางขายเลย5555”
“เทพแห่งการเกษตร นายทำดีแล้ว”
"ฮือ... ฮือ... ทำเป็นแบบปกติให้กินด้วยสิ... พี่วูจิน..."
"สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับคังวูจินก็คือ ไม่ว่าจะเป็น YouTube การทำอาหาร หรือรายการวาไรตี้ เขาก็ไม่เคยละเลยงานแสดงเลยจริง ๆ เก่งทุกอย่างเลยแฮะ"
เสียงจอแจในช่วงพักเที่ยงเริ่มดังขึ้น ก็มีประกาศอย่างเป็นทางการจากฝั่งPD ยุนบยองซอน ตามมา
『PDยุนบยองซอนกล่าวว่า "ครัวเรือนหรรษาของเรา 2 จะเริ่มถ่ายทำปลายเดือนกุมภาพันธ์" 』
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำ ‘ครัวเรือนหรรษาของเรา’ ซีซั่น 2 แม้ว่าข่าวนี้จะได้รับความสนใจมาก แต่ดูเหมือนว่าประเด็นอื่น ๆ ในหลาย ๆ ชุมชนในประเทศกลับกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็วกว่า
- สถานการณ์ล่าสุดของคังวูจินในญี่ปุ่น...ได้รับเลือกให้เป็นนักพากย์อนิเมะ.jpg
ข่าวเรื่อง ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ กำลังสั่นสะเทือนญี่ปุ่น และเริ่มข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเกาหลี คังวูจินเป็นนักแสดงที่มักสร้างเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ แทนที่จะเดินตามเส้นทางที่วางไว้ก็ไม่คิดจะเดิน และการเป็นนักพากย์ในครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นเคย ทำให้ชุมชนหลายแห่งร้อนระอุขึ้นมาทันที
- คังวูจินจะไปพากย์อนิเมะที่ญี่ปุ่นเหรอ?
- จริงดิที่คังวูจินคอนเฟิร์มเป็นนักพากย์อนิเมะแล้ว?
- (หลักฐาน) เอามาจากฟีดของสตูดิโอที่คอนเฟิร์มคังวูจินเป็นนักพากย์แล้ว
- โห... บ้าไปแล้ว สตูดิโอ A10 เนี่ยนะ? สตูดิโอนี้ทำอนิเมะออกมาคุณภาพโคตรดีไม่ใช่เหรอ??
- สถานการณ์ล่าสุดใน SNS ของสตูดิโอ A10 555 ญี่ปุ่นนี่คลั่งหนักมาก
- A10 นี่คือสตูดิโออนิเมะอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นเลยนะ
- หาข้อมูลอนิเมะที่คังวูจินพากย์มาดูแล้ว เหมือนจะเอา ‘เพื่อนชาย’ ทาง Netflix มาทำเป็นอนิเมะ
- ชื่ออนิเมะคือ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’
- คังวูจินพากย์คนเดียวเหรอ? แล้วฮวาลินล่ะ?
แม้แต่ในเกาหลี ฐานแฟนคลับอนิเมะญี่ปุ่นก็มีอยู่มากมาย ข่าวคราวจึงแพร่กระจายออกไปราวกับติดปีก ยิ่งมีชื่อของคังวูจินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ไม่ถึงชั่วโมง ข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วทุกสารทิศ กลายเป็นบทความบนเว็บไซต์ Youtube และเว็บไซต์ข่าวบันเทิงต่าง ๆ มากมาย
"บ้าไปแล้ว คังวูจินต้องมีฝาแฝดแน่ ๆ ใครจะทำงานได้เยอะขนาดนี้"
การที่นักแสดงหรือนักพากย์รับงานพากย์เสียงในประเทศ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่คังวูจินรับงานพากย์เสียง 'เพื่อนชาย: รีเมค' นับเป็นครั้งแรก แถมยังมีเรื่องราวของอาซามิ ซายะ กับการบรรเลงเปียโนเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งทำให้ข่าวยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
คังวูจิน เขาเหมือนเป็นคนที่สร้างความประหลาดใหม่อยู่ตลอดเวลา
"คังวูจินไปพากย์เสียงอนิเมะญี่ปุ่นเนี่ยนะ"
"จริงดิ แต่ก็นะ ทำไมถึงไม่รู้สึกแปลกใจเลย หรือเพราะเป็นคังวูจิน"
คงจะเป็นแบบนั้น เหล่าผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานในวงการบันเทิงเกาหลีที่รู้จักวูจิน ต่างไม่ได้แสดงความประหลาดใจเท่าใดนัก
เพราะเขาได้รับการยกย่องว่าเป็น 'อสูรกาย' ไปแล้ว หากเป็นนักแสดงคนอื่น คงจะกลายเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เพราะเป็นคังวูจิน ทุกคนจึงเข้าใจได้
เวลาผันผ่านไปอีกหนึ่งวัน
"เทค แอ็กชัน!"
แม้กระแสในเกาหลีจะร้อนแรง แต่คังวูจินก็ยังคงถ่ายทำ 'บุปผาเร้น' ต่อไปโดยไม่หวั่นไหว ซึ่งฉากในวันนี้เป็นการถ่ายทำในสตูดิโอ ไม่ใช่ฉากนอกสถานที่
นักแสดงนำคืออุรามัตสึ มิฟุยุ ผู้รับบทเป็น 'โฮริโนจิ อามิเอะ'
เรื่องราวความรักที่ดำเนินไป หลังจากที่คนรักอย่างโฮเรียว เอจิ ได้หายตัวไป
จิตใจของมิฟุยุค่อย ๆ แตกสลายลง ราวกับภาพวาดสีน้ำที่ถูกสาดซ้ำด้วยน้ำจนเลือนราง เมื่อเอจิ เสาหลักเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
"เอจิ… เอจิอยู่ไหน" เสียงแผ่วเบาเอ่ยถาม เหมือนคนไร้วิญญาณ
สมองของเธอถูกความสิ้นหวังกัดกร่อน ภาพหลอนและเสียงหลอกหลุดลอยออกมาจากส่วนลึกในจิตใจ มิฟุยุถ่ายทอดความทรมานของอามิเอะออกมาได้อย่างน่าเวทนา
"โทกะ! ไปให้พ้น! ออกไปนะ! ทำไมถึงโผล่มาแบบนี้! อย่ามองมานะ!"
ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการอันแยบยลของคิโยชิ แต่เขายังไม่คิดจะปล่อยเธอไป เขายังคงทรมานเธออย่างต่อเนื่อง ส่งรูปถ่ายวันจบการศึกษาไปวางไว้หน้าบ้าน ส่งรูปถ่ายการตายของคินโจ รวมถึงข้อความลึกลับที่ไม่มีแม้แต่หมายเลขโทรศัพท์
หนึ่งสัปดาห์… สองสัปดาห์… สามสัปดาห์…
ในที่สุด อามิเอะที่อ่อนแอลงทุกวัน ก็ยื่นมือไปคว้า 'ยาเสพติด' สิ่งต้องห้ามที่เอจิทิ้งเอาไว้ เธอพยายามอย่างมากที่จะอดทน แต่สุดท้าย เธอก็เลือกที่จะหลีกหนีความจริงอันโหดร้าย ยอมทิ้งร่างกายของตัวเองลงจากบันไดหนีไฟที่น่าเกลียดน่ากลัว บันไดที่ไม่มีอยู่จริง
ในวินาทีนั้น…
-♬♪
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของอามิเอะดังขึ้น ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายที่คุ้นเคย
“ฮัลโหล อามิเอะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมช่วงนี้ไม่เปิดร้านล่ะ”
เขาคือหนึ่งใน 'เบี้ย' ที่คังวูจินหรือคิโยชิใช้เดินเกม
จากนั้น ฉากก็ได้เปลี่ยนไป…
ภายในรถเก๋งสุดหรู ชายหนุ่มในชุดสูทนั่งเคียงข้างอามิเอะที่อยู่ในสภาพอิดโรย บนเบาะคนขับและเบาะข้างคนขับ กล้องถูกติดตั้งเอาไว้ที่หน้ากระจกรถ หันออกไปบันทึกภาพด้านนอก
ชายหนุ่มในชุดสูทผู้นั้น คือคนที่โทรหาอามิเอะเมื่อครู่นี้เอง
เบื้องหลังกรอบแว่นตาบนใบหน้าคมคาย คือแววตาเฉียบแหลมของชายหนุ่มนามว่า สึสึกิ อิตสึมะ ความชาญฉลาดปรากฏชัดเจนราวกับเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้า ตั้งแต่ปลายคางเรียวไปจนถึงดวงตาคมกริบ บ่งบอกถึงความสามารถอันล้นเหลือ สมัยมัธยมปลาย เขาคือมันสมองของกลุ่ม เป็นผู้ทรงอิทธิพลในหมู่เพื่อนฝูง ด้วยความที่เป็นทายาทของเจ้าของบริษัทขนาดกลาง
อิตสึมะดูแลสมาชิกในกลุ่มมาตลอด นับตั้งแต่วัยเยาว์
บัดนี้ เขากำลังก้าวสู่เส้นทางแห่งการสืบทอดกิจการ หากเกิดปัญหาใดขึ้นย่อมส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ยิ่งในช่วงเวลาอ่อนไหวเช่นนี้ หลังจากเหตุการณ์ที่คินโจจบชีวิตลง อามิเอะ หญิงสาวที่ดูราวกับเสียสติ ก็ยิ่งติดต่อเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่เขาตั้งใจมอบให้ต่างหาก แต่การส่งข้อความมากมายเช่นนี้ ย่อมเป็นที่ผิดสังเกต
เพราะเหตุนี้ อิตสึมะจึงต้องไปพบอามิเอะให้เร็วที่สุด
แต่ปัญหาก็คือ…
“ช่วยด้วย อิตสึมะ โทกะยังไม่ตาย มันตามหาฉันทุกวัน ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปแจ้งตำรวจ ถ้าสารภาพ โทกะจะต้องไว้ชีวิตฉันแน่”
“อามิเอะ ใจเย็น ๆ ก่อน โทกะตายไปแล้ว”
“ไม่จริง! มันยังไม่ตาย! เมื่อวานก็เจอ วันนี้ก็เจอ! ไม่กี่วันที่ผ่านมามีตำรวจมา ฉันจะเล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟังแล้วขอความคุ้มครอง อิตสึมะ นายก็หนีไปไกล ๆ ซะ โทกะต้องหาตัวนายเจอแน่”
อามิเอะดูเหมือนจะสติแตกไปเสียแล้ว หรืออาจจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ คุยกันไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
“หา— เอางี้ ไปโรงเรียนกันก่อนดีกว่า”
อิตสึมะตัดสินใจ พลางสตาร์ทรถยนต์อย่างไม่ลังเล
ไม่ว่าเขาจะเอ่ยสิ่งใด อามิเอะก็เอาแต่พร่ำเพ้อถึง ‘มิซากิ โทกะ’ อิตสึมะจึงได้แต่ล้มเลิกความคิดที่จะเกลี้ยกล่อม แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยเธอไว้เช่นนี้ได้
ขณะที่เหยียบคันเร่ง มือข้างหนึ่งของอิตสึมะก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ คลำหาบางสิ่งบางอย่าง
เครื่องบันทึกเสียง
สิ่งของที่ใครบางคนส่งมาให้เขาเมื่อไม่กี่วันก่อน…
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_