บทที่ 186 พวกเธอกำลังคบกันอยู่หรือ?
บทที่ 186 พวกเธอกำลังคบกันอยู่หรือ?
เจียงลู่ซีโยนร่มทิ้ง ทำให้ฝนทั้งหมดสาดลงมาโดนตัวเธอทันที
เฉินเฉิงรีบคว้ามือเธอดึงเข้ามาในร้าน แต่เจียงลู่ซีดูท่าทางดื้อดึง ครั้งแรกที่ดึงเธอเข้าไป เขาไม่สามารถพาเธอเข้ามาในร้านเครื่องเขียนได้ ต้องดึงแรงขึ้นอีกครั้งถึงจะพาเธอเข้ามาได้สำเร็จ
“เธอเป็นอะไรของเธอ?” เฉินเฉิงขมวดคิ้วถาม
“ปล่อยมือ” เจียงลู่ซีจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ความเย็นชานี้ต่างจากตอนที่โรงเรียนเมื่อตอนที่เขาจับมือเธอ นี่คือความเย็นชาที่แท้จริง เป็นความเย็นชาที่เต็มไปด้วยความห่างเหิน
เฉินเฉิงรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้มีท่าทางแบบนี้ ถ้าเป็นครั้งก่อน ๆ เขายังพอเดาได้ว่าทำไมเธอถึงโกรธ แต่ครั้งนี้เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเธอโกรธเรื่องอะไร
“ปล่อยมือให้เธอออกไปตากฝนหรือไง?” เฉินเฉิงถาม
“ไม่ต้องมายุ่ง” เจียงลู่ซีตอบ
เฉินเฉิงจับมือเธอแน่นขึ้นโดยไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาตั้งใจจะเคลียร์ให้เข้าใจก่อนที่จะปล่อยให้เธอออกไป ข้างนอกฝนตกหนักมาก หากเธอไม่มีร่มและออกไปตากฝน ตัวเธอคงเปียกชุ่มไปหมด ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย เธออาจเคยต้องวิ่งฝ่าฝนกลับไป แต่ตอนนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องเปียกฝนแน่นอน แต่เขาก็อยากรู้ว่าอะไรทำให้เธอโกรธขนาดนี้
“ปล่อยมือ” เจียงลู่ซีจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่ปล่อย” เฉินเฉิงตอบ
นักเรียนที่อยู่ในร้านเครื่องเขียนหันมามองด้วยความสนใจ เมื่อเห็นเช่นนั้น เจียงลู่ซียิ่งทั้งอายและโกรธ เธอก้มหน้าลงกัดที่มือเขาแรง ๆ
แต่เฉินเฉิงไม่ขยับหลบแม้แต่น้อย แม้จะรู้สึกเจ็บจากรอยกัดที่ทำให้เลือดซึมออกมาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงจับมือเธอไว้แน่น
เจียงลู่ซีมองรอยกัดบนมือของเขาด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ทำไมไม่หลบ?” เจียงลู่ซีถามเขาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“หลบเพื่อปล่อยเธอออกไปตากฝนเหรอ?” เฉินเฉิงมองเธอถามกลับ
“ฉันไม่ไปแล้ว” เจียงลู่ซีตอบ
เมื่อได้ยินคำนี้ เฉินเฉิงจึงยอมปล่อยมือเธอแล้วหันไปมองแผลบนมือของตัวเองพร้อมกับพูด “เธอเป็นลูกหมาหรือไง?”
เจียงลู่ซีรีบวิ่งออกไปนอกร้านทันที
“พูดแล้วไม่รักษาสัญญา” เฉินเฉิงพูดเสียงไม่พอใจ
“ฉันจะไปซื้อพลาสเตอร์ยา” เจียงลู่ซีตอบ
เฉินเฉิงถือร่มเดินตามออกไป ส่วนเด็กนักเรียนในร้านต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น แล้วรีบซื้อของให้เสร็จและพากันกลับไปที่โรงเรียนอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่แน่นอน เจียงลู่ซีกัดเฉินเฉิง แล้วยังจับมือกันอีก หากเอาเรื่องนี้ไปบอกที่โรงเรียน จะกลายเป็นข่าวใหญ่ทันที
ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ข้าง ๆ ร้านเครื่องเขียนมีพลาสเตอร์ขาย เจียงลู่ซีเดินเข้าไปในร้านแล้วใช้เงินทั้งหมดที่มีซื้อมาหลายแผ่น เมื่อเฉินเฉิงเดินตามเข้ามา เธอยื่นพลาสเตอร์ให้เขา
“เธอกัดฉัน แล้วยังจะให้ฉันติดเองอีกหรือ?” เฉินเฉิงมองเธอพลางถาม
เจียงลู่ซีเม้มปากแล้วฉีกพลาสเตอร์ออก จากนั้นเธอค่อย ๆ แปะลงบนมือเขาอย่างระมัดระวัง
“บอกมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เฉินเฉิงถาม
“เมื่อกี้ฉันเจอเฉินชิง” เจียงลู่ซีตอบ
เฉินเฉิงคิดครู่หนึ่งก่อนจะถาม “เรื่องร่มนี่ใช่ไหม?”
เฉินเฉิงไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยินว่าเธอเจอเฉินชิง เขาก็พอจะเดาได้ว่าปัญหามาจากตรงไหน ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เฉินชิงโทรมาหาและเขาปฏิเสธไป เฉินเฉิงก็พอจะเข้าใจว่าเฉินชิงอาจจะเริ่มชอบเขาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้เขาชอบใคร และอยากใช้ชีวิตกับใครไปตลอดชีวิต
เมื่อเฉินชิงมาหาเจียงลู่ซี และเธอก็โยนร่มให้เขา ยอมตากฝนมากกว่าจะใช้ร่มที่เขาเคยให้เฉินชิงใช้ ปัญหามันน่าจะอยู่ที่ร่มนี่เอง
เจียงลู่ซีเงียบไม่ตอบ
“นึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ถ้าเป็นเพราะร่มก็พูดมาตรง ๆ ก็ได้” เฉินเฉิงพูดพลางโยนร่มทิ้ง แล้วซื้อร่มใหม่จากร้านสะดวกซื้อแทน เขากางร่มและบอก “ไปเถอะ”
“อืม” เจียงลู่ซีเดินตามเขาออกมาจากร้าน
เมื่อเดินออกจากร้าน เจียงลู่ซีก็เดินกลับไปหยิบร่มที่เขาทิ้งไว้ขึ้นมา
“เธอไม่ชอบไม่ใช่เหรอ แล้วจะหยิบมันมาทำไม?” เฉินเฉิงถาม
“ฉันไม่ได้ไม่ชอบ และเมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้โกรธเพราะร่มนี้” เจียงลู่ซีตอบ “ร่มนี้โยนทิ้งไปทำไม ขายเศษเหล็กยังได้เงินอยู่”
เฉินเฉิง “…”
เจียงลู่ซีเดินไปพร้อมกับเฉินเฉิงอย่างเงียบ ๆ
“มือเธอยังเจ็บอยู่ไหม?” เดินไปสักพัก เจียงลู่ซีก็ถามเสียงเบา
“แล้วเธอคิดว่าไง?” เฉินเฉิงมองเธอถามกลับ
“ขอโทษ” เจียงลู่ซีเอ่ยขอโทษอย่างเบา ๆ
“เหมือนลูกหมาจริง ๆ” เฉินเฉิงตอบ
“เมื่อกี้เธอหลบก็ได้นี่นา!” เจียงลู่ซีพูดขึ้น
“เธอจะอยากไม่สบายหรือไง?” เฉินเฉิงถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
เจียงลู่ซีไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเขาปล่อยมือไปเมื่อครู่ เธอคงจะวิ่งกลับโรงเรียนไปโดยไม่มีร่มแน่นอน
“จะเป็นแผลเป็นไหม?” เจียงลู่ซีถามอย่างกังวล
“เธอคิดว่าเหมือนในนิยายหรือหนังเหรอ โดนผู้หญิงกัดแล้วต้องมีแผลเป็น?” เฉินเฉิงตอบ “ไม่เป็นไรหรอก มีแค่รอยฟันกับรอยช้ำ เดี๋ยวก็หายเอง”
“แล้วไปเรียนมากัดคนจากไหนเนี่ย?” เฉินเฉิงถามพร้อมรอยยิ้ม
“ในร้านมีนักเรียนหลายคน เธอจับมือฉันแล้วไม่ยอมปล่อย พอขอให้ปล่อยเธอก็ไม่ยอม เลยต้องทำแบบนั้น” เจียงลู่ซีตอบ
จริง ๆ แล้ว ถ้าแค่มีคนเห็น เธอคงไม่ถึงขั้นต้องกัดเขา แต่ตอนนั้นเธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความไม่พอใจนี้มาจากไหน การที่เขาจับมือเธอแล้วไม่ยอมปล่อยทำให้เธอเผลอกัดเขาไป
“ตอนนี้คนอื่น ๆ ก็คงรู้กันหมดแล้ว พอกลับไปที่ห้องเรียนเรื่องคงลือไปทั่ว เธอคิดจะทำยังไง?”
เฉินเฉิงถาม
“ลือก็ลือไปสิ เราไม่ได้มีอะไร” เจียงลู่ซีตอบ
“อืม” เฉินเฉิงพยักหน้า
“อืมอะไร?” เจียงลู่ซีหันมามองเขา
“ก็ไม่อืมแล้วจะให้ตอบอะไรล่ะ?” เฉินเฉิงถามกลับ
“อ๋อ” เจียงลู่ซีตอบสั้น ๆ ก่อนจะเงียบไป
เฉินเฉิงยิ้มแล้วส่ายหัว เขารู้ว่าเจียงลู่ซีคงไม่เข้าใจว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหน เมื่อพวกเขากลับมาถึงห้องเรียน เฉินเฉิงหยิบหนังสือฟิสิกส์ออกมาแล้วใช้เวลาช่วงบ่ายทบทวนฟิสิกส์ต่อ แต่เฉินชิงที่นั่งใกล้ ๆ สังเกตเห็นร่มที่เฉินเฉิงเพิ่งซื้อมาใหม่
“เฉินชิง เป็นอะไรหรือเปล่า?” หวังเยียนถามเมื่อเห็นเธอทำหน้าสงสัย
“ไม่มีอะไร” เฉินชิงส่ายหน้า
เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเฉินเฉิงและเจียงลู่ซีแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนภายในไม่กี่ชั่วโมง บางคนที่เคยได้ยินเพียงข่าวลือมาก่อน ก็เริ่มตั้งคำถามว่าทั้งสองคนกำลังมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่
ช่วงบ่ายหลังเลิกเรียน เจิ้งฮว่าครูประจำชั้นเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพูดว่า
“เฉินเฉิง เจียงลู่ซี พวกเธอสองคนไปพบครูที่ห้องพักครูหน่อย”
สิ้นคำสั่งนั้น นักเรียนหลายคนในห้องก็หันมองกันด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าครูถาม เธอก็บอกไปว่าเป็นฉันที่บังคับจับมือเธอ แล้วเธอก็กัดเพื่อจะให้ฉันปล่อย” เฉินเฉิงพูด
เจียงลู่ซีเงียบไม่ตอบอะไร
เมื่อพวกเขาเดินตามเจิ้งฮว่าไปถึงห้องพักครู เจิ้งฮว่าก็ถามขึ้นด้วยเสียงจริงจัง
“ตอนเที่ยงนี้ มีนักเรียนบอกว่าเฉินเฉิงจับมือเธอ แล้วเธอก็ต้องกัดมือเขาเพื่อให้ปล่อย เรื่องจริงใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ค่ะ” เจียงลู่ซีส่ายหน้าตอบ “เฉินเฉิงไม่ได้บังคับจับมือฉัน”
เฉินเฉิงอึ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเธอ ขณะที่เจิ้งฮว่าดูจะโล่งใจไปบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงยอมให้เขาจับมือ? หรือว่าพวกเธอสองคนกำลังคบกันอยู่?” เจิ้งฮว่าถามพร้อมทำหน้าจริงจัง