ตอนที่แล้วบทที่ 139  เกาะเหออู  (ติดตามผล 1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 141  เกาะเหออู  (ติดตามผล 3)

บทที่ 140  เกาะเหออู  (ติดตามผล 2)


บทที่ 140  เกาะเหออู  (ติดตามผล 2)

ซุนเยว่คิดเสมอว่าเมื่อโตขึ้น แม้จะต้องลุยน้ำพาแม่ออกจากเกาะนี้ เขาก็จะทำ ขอเพียงมีชีวิตใหม่

ด้วยความคิดนี้ เขาเติบโตเป็นวัยรุ่นอายุ 14 ปี เขาว่ายน้ำในทะเลสาบเป็นประจำ ฝึกฝนร่างกาย แม้เพื่อนในวัยเด็กจะไม่กล้าเล่นกับเขา แต่พวกเขาก็ช่วยแอบอ้างเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้เขาไปว่ายน้ำได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย

ซุนเยว่ซาบซึ้งใจมาก และคิดเสมอว่าเมื่อมีโอกาสจะตอบแทนเพื่อน ๆ แต่แล้วแม่ของเขาก็ป่วย

ในหมู่บ้านนี้ เขาไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย ไม่กลัวสายตาที่เย็นชาของชาวบ้าน มีเพียงอย่างเดียวที่เขากลัว คือการป่วยไข้

ถึงแม้หมู่บ้านจะได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านแห่งอายุยืนไร้โรค แต่เขากลับกลัวที่สุดคือโรคภัยที่อาจมาเยือน

แม่ของซุนเยว่ล้มป่วยจากการทำงานหนัก ร่างกายของเธออ่อนล้าเกินจะฟื้นฟู

เหตุการณ์ที่เสิ่นชงหรานเห็นก็เกิดขึ้น ซุนเยว่ เด็กหนุ่มที่เงียบขรึมมานานคุกเข่าขอร้องแซ่วังให้พาแม่ไปหาหมอ

สิ่งที่เขาได้รับกลับมา คือถุงดินเช่นเดียวกับที่แม่ของเขาเคยได้รับในอดีต

วันนั้นฝนตกหนัก ซุนเย่วิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังบ้านเก่า ๆ ของเขาด้วยความหวาดกลัว เขามีแม่เพียงคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง ชีวิตที่รอดมาอย่างทรหดทุกวันก็เพื่อแม่เท่านั้น

แต่ตอนนี้แม่ก็จากเขาไปแล้ว เสียงร่ำไห้ของเด็กหนุ่มถูกกลบด้วยเสียงฝน เช่นเดียวกับที่ครอบครัวของเขาทั้งสามถูกกลบฝังลงในนรกที่เต็มไปด้วยความโง่เขลา และ ความโลภของคนในหมู่บ้าน

ซุนเยว่หยิบขวานในบ้านขึ้นมา ตรงไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านแซ่วัง

เด็กหนุ่มร่างผอมบางแต่เต็มไปด้วยพลังโกรธ แกว่งขวานฟันใส่ประตูบ้านของแซ่วัง ลูกชายของแซ่วัง แซ่วังเซียนที่ยังเด็กอยู่ร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ

แซ่วังเห็นลูกชายร้องไห้อย่างหนัก จึงสั่งให้ชาวบ้านที่แข็งแรงหลายคนมาจัดการซุนเยว่

ซุนเยว่ในตอนนั้นเหมือนลูกหมาป่าที่ดุร้าย แม้ยังเด็ก แต่ฟันอันแหลมคมก็ทำให้คนอื่นต้องเกรงกลัว

เพียงไม่กี่ครั้งที่เขาฟันไปก็ทำให้ชาวบ้านหลายคนบาดเจ็บ ทำให้ชาวบ้านที่มามุงดูไม่กล้าเข้าใกล้

แต่ซุนเยว่ที่ร่างกายไม่แข็งแรง เมื่อสู้ไปได้ไม่นานก็ถูกจับตัวได้ในที่สุด

แซ่วังเห็นซุนเยว่ก็ยิ่งโกรธ เขาตรงเข้ามาเตะเด็กหนุ่มอย่างไม่ยั้ง ราวกับจะทำให้ตายคาตีน

“ไอ้ชั่ว แกกล้าดียังไงมาขู่ลูกฉัน!” สีหน้าของแซ่วังบิดเบี้ยวขณะตะโกนด่า

ซุนเยว่ที่นอนบนพื้นส่งเสียงอู้อี้ แต่ไม่ยอมร้องออกมาแม้แต่คำเดียว

สุดท้ายคนอื่น ๆ กลัวว่าแซ่วังจะเผลอฆ่าเขา จึงเข้ามาห้าม แซ่วังจึงพูดตะคอกอย่างโหดร้ายอีกครั้ง

“เหลือแค่แกคนเดียว คิดว่าพ่อแม่แกตายแล้วเรื่องจะจบเหรอ! ชีวิตของแกเพิ่งจะเริ่มต่างหาก!”

ชาวบ้านบางคนทนดูต่อไม่ไหว แต่ก็ทำได้เพียงหันหน้าหนีจากภาพนั้น

ซุนเยว่กัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง ชาวบ้านรอบ ๆ มองอย่างตกตะลึง เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

เขายืนขึ้น จ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่ไร้แวว ดวงตาดูราวกับน้ำที่ตายสนิท ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

“ฉันจะจำทุกคนเอาไว้ ในอนาคตจะลากทุกคนที่มีความผิดไปนรกด้วยกัน”

ตอนที่เอ่ยถึงคำว่า “นรก” สามคำสุดท้าย เขาแทบจะกัดฟันออกมา แซ่วังได้ยินก็จะเข้าไปทำร้ายเขาอีก

แต่มีชาวบ้านคนอื่น ๆ มาห้ามไว้

ซุนเยว่กุมแผลเดินออกไปอย่างยากลำบาก เพื่อนวัยเด็กที่เคยสนิทกันไม่ฟังคำห้ามของครอบครัว วิ่งตามเขาไป

ซุนเยว่กลับถึงบ้าน โอบร่างแม่ด้วยผ้าห่มเตรียมจะฝังแม่

เหล่าเพื่อน ๆ ของเขารีบเข้ามาช่วย ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ทุกคนรู้ว่าซุนเยว่ทุกข์ทรมานเพียงใด

เด็กหนุ่ม และ เด็กสาวมาถึงป่า เตรียมจะช่วยกันขุดหลุมใกล้ ๆ หลุมศพของหัวหน้าหมู่บ้านซุน แต่ซุนเยว่หยุดไว้

“ไม่ต้อง ขุดหลุมพ่อฉันออกมา ฉันอยากให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน”

เด็ก ๆ ต่างรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ยังช่วยขุดหลุม เมื่อขุดเปิดโลงศพของหัวหน้าหมู่บ้านซุนออกมา ซุนเยว่ก้มหัวขอบคุณพวกเขา “ขอบใจพวกนายมาก ฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้”

เด็กคนหนึ่งเข้ามาพูดกับเขา “เสี่ยวเยว่ ไปกับพวกเราด้วยกันเถอะ เราคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ไว้ครั้งหน้าที่มีเรือมา เราจะแอบพานายขึ้นไป วันหน้าเราค่อยหาทางแก้แค้นก็ได้”

แต่ซุนเยว่ส่ายหน้า “ความแค้นของฉัน ฉันจะแก้เอง วันนี้พวกนายมาช่วยฉันแล้วพวกนายอาจจะถูกเล่นงาน รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า”

พวกเขาต่างพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ซุนเยว่ก็ปฏิเสธ จนพวกเขาทำอะไรไม่ได้

สุดท้ายซุนเยว่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในป่า เขาเปิดโลงศพของพ่อ นำร่างแม่เข้าไปในโลงด้วยกัน จากนั้นก็ออกไปหากิ่งไม้แห้งที่สามารถเผาไหม้ได้ และ น้ำมันที่เตรียมไว้

ทั้งหมดนี้เขาค่อย ๆ ขโมยมาจากบ้านต่าง ๆ โดยเพื่อน ๆ ช่วยเตรียมมา เขาเคยคิดจะเผาสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชาวบ้าน จากนั้นจะพาแม่หนีไป

เขานำน้ำมันทั้งหมดราดลงบนกิ่งไม้ และ โลงศพ มองหมู่บ้านเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมด้วยความแค้นที่อัดแน่นในใจ ก่อนจุดไฟเผา แล้วใช้มีดแทงตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย และ ปล่อยให้ร่างล้มลงในหลุม

ครอบครัวสามคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

พวกที่เพิ่งออกมาจากป่าหลายคนเห็นแสงไฟที่ลุกโชนขึ้นภายในป่าก็คิดถึงซุนเยว่ทันที รีบวิ่งกลับไป แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือเปลวไฟที่พุ่งสูงขึ้น และ มีลมแรงพัดผ่าน ทำให้ไฟลุกไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น

“ซุนเยว่!” เหล่าเพื่อน ๆ ของเขาร้องเรียก แต่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้

ชาวบ้านในหมู่บ้านก็สังเกตเห็นไฟ จึงพยายามจะเข้ามาดับกลัวว่าไฟจะลามไปทั่วทั้งป่า

แต่เมื่อพวกเขายกน้ำมาสาดลงไป ไฟกลับยิ่งลุกโชนขึ้น ราวกับน้ำกลายเป็นน้ำมัน ทำให้ไฟยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก สุดท้ายพวกเขาทำได้เพียงละทิ้งความพยายาม และ ยืนมองไฟเผาไหม้เช่นนั้น

ทุกคนเตรียมจะอพยพออกจากหมู่บ้าน แต่กลับพบว่าไฟนั้นไหม้เพียงบริเวณนั้นเท่านั้น

เพื่อน ๆ ของซุนเยว่เล่าให้ฟังถึงการที่ซุนเยว่เผาตัวเอง ทุกคนจึงได้แต่นิ่งเงียบ

ไฟลุกไหม้อยู่สองวันสองคืน จนเมื่อไฟมอดดับลง ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปดู พบว่าหลุมศพของหัวหน้าหมู่บ้านซุน และ ครอบครัวถูกฝังกลบอย่างเรียบร้อย

ชาวบ้านต่างหวาดกลัว จนไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่าอีกนาน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ หลุมศพนั้นถูกเพื่อน ๆ ของซุนเยว่ช่วยกันกลบฝังให้

เพื่อน ๆ ของซุนเยว่สังเกตเห็นว่ามีโถเล็ก ๆ สามใบวางอยู่ในหลุม แม้จะไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่พวกเขาก็ช่วยฝังหลุมศพให้เรียบร้อย จากนั้นก็ออกจากหมู่บ้านไป และ ไม่หวนกลับมาอีกเลย

หลังจากนั้น ชาวบ้านตัดต้นไม้รอบ ๆ หมู่บ้านออกจนหมด เหลือไว้แต่ป่าเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามเข้ามาถึงหมู่บ้านอีก

มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในป่าหลังจากนั้น สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าล้วนตายหมด ราวกับว่าตายพร้อมกันในชั่วข้ามคืน

หลังจากเหตุการณ์นั้น เรื่องราวของหัวหน้าหมู่บ้านซุน และ ครอบครัวก็ถูกห้ามพูดถึง จนกระทั่งคนรุ่นหลังไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก ส่วนคนที่ไม่พอใจกับพฤติกรรมของแซ่วังก็ต่างพากันอพยพออกไป

สำหรับดินวิญญาณที่เคยใช้หลอกลวงคนภายนอกก็เริ่มหายไป จนเหลือเพียงแต่คนแก่ที่หลงเชื่อเท่านั้น ส่วนคนที่มีสติปัญญาก็รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง แซ่วังจึงต้องหาธุรกิจอื่นมาทำเพื่อเลี้ยงชีพ

จนวันหนึ่ง ชาวบ้านสูงวัยคนหนึ่งที่เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แถมต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เช่นนั้นจะเจ็บปวดขึ้นทุกวัน ชายแก่กลับมาที่หมู่บ้านด้วยความสิ้นหวัง และ ตัดสินใจจะเข้าไปในป่าเพื่อฝังตัวเอง

ในป่า เขาเห็นหลุมศพที่มีสีแตกต่างจากหลุมศพอื่น ๆ เขานั่งลงข้าง ๆ หลุมศพนั้น คล้ายคนเสียสติ พร่ำบอกว่าโรคร้ายที่เขาเป็นอยู่นั้นอาจจะเป็นกรรมที่เขาได้รับ เพราะเมื่อก่อนเขาไม่กล้าออกมาปกป้องครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านซุน จนต้องพบจุดจบเช่นนี้

ชายชราพูดก็คิดไปเรื่อย ๆ เขานึกถึงดินวิญญาณที่เคยโด่งดังในหมู่บ้าน จึงตักดินจากหลุมศพขึ้นมากิน หวังให้ใจสงบ

.........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด