บทที่ 128 ระเบิดอารมณ์หึง
บทที่ 128 ระเบิดอารมณ์หึง
ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ นับตั้งแต่ที่เราสองคนได้ใกล้ชิดกัน
เซี่ยซินหยู่พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองมาตลอด ไม่เช่นนั้นด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ เราคงจะทำตัวเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ ไปนานแล้ว สัมผัสกันอย่างไม่ยั้งคิดในช่วงเวลาที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
แต่เธอก็รู้ดีว่า เธอไม่มีวินัยในตัวเองมากขนาดนั้น
ทุกคนต่างพูดว่าเธอเป็นเด็กดี รู้จักคิด มีความรับผิดชอบ สามารถต้านทานสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ได้ ไม่งั้นคงไม่มีทางสอบเข้าโรงเรียนหมายเลข 4 ในฐานะเด็กเรียนจากเมืองเล็ก ๆ และยังรักษาความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้
แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่า การช้อปปิ้ง เล่นเกม ดูซีรีส์ และโทรศัพท์มือถือ ล้วนแล้วแต่มีแรงดึงดูดต่อเธอมากแค่ไหน...
อืม...ยกเว้นโทรศัพท์มือถือละกัน
ทันทีที่เสียงแจ้งเตือน WeChat ดังขึ้น เซี่ยซินหยู่ก็รีบเปิดดูอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็เห็นข้อความที่เขาส่งมา
เฉินหยวน: ฝันดีนะ นอนเร็ว ๆ ล่ะ [กลืนก้อนทอง]
ไม่นะ เฉินหยวน นายหลับลงจริง ๆ เหรอเนี่ย!?
แล้วก็ยังมาขโมยอิโมจิของฉันอีก...
แต่อ้าว ทำไมอิโมจิกลืนก้อนทองนี้ไม่ขยับล่ะ?
อ๋อ จริงสิ นี่มันอิโมจิของ QQ นี่นา
แล้วเขาเอามาส่งใน WeChat ได้ยังไง?
เซี่ยซินหยู่กดที่อิโมจิกลืนก้อนทองด้วยความสงสัย แล้วก็พบว่ามันเป็นรูปที่ถูกเซฟแล้วครอปมา
เขาชอบอิโมจินี้มากเลยสินะ...
เซี่ยซินหยู่: นายจะนอนจริง ๆ แล้วเหรอ?
เฉินหยวน: กำลังจะนอนแล้ว
เซี่ยซินหยู่: แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่?
เฉินหยวน: อืม... อธิบายยากนิดหน่อย
เซี่ยซินหยู่: นายคงไม่ได้อาบน้ำอยู่หรอกใช่มั้ย?
เฉินหยวน: ไม่ ๆ ตัวฉันเหงื่อออกเยอะ เลยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ด ๆ หน่อย
"..." เซี่ยซินหยู่มองข้อความพวกนี้ ภาพเหตุการณ์นั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่รู้ตัว
แล้วเธอก็ส่ายหน้า แก้มแดงระเรื่อ พยายามเตือนตัวเองให้ใจเย็น ๆ
นี่แหละ เซี่ยซินหยู่
ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แต่จริง ๆ แล้ว เธอรู้ดีว่าเวลาที่เธอเหม่อลอย เธอจะไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้เลย
อย่างเช่นตอนนี้ ตามนาฬิกาชีวิตของเธอ เธอควรจะนอนหลับได้แล้ว แต่ก็เพราะความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้
นอนไม่หลับ ตื่นไม่ไหว ง่วงนอน เหม่อลอยในห้องเรียน เรียนไม่ทัน แล้วก็สอบตก ความมั่นใจลดลง สอบครั้งต่อไปก็แย่ลง... อ๊ะ!
เซี่ยซินหยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งบนเตียง เธอเริ่มวิตกกังวลแล้ว
สาเหตุที่เธอวิตกกังวลก็คือ ก่อนหน้านี้เธอเป็นเหมือนผ้าขาว การไม่มีประสบการณ์ทำให้เรื่องรัก puppy love ส่งผลเสียต่อเธอมากกว่าคนที่เคยผ่านความรักมาหลายครั้ง...
ก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าเฉียนตั่วเอ๋อร์และหยูซินเยว่เคยมีความรัก โดยเฉพาะหยูซินเยว่ที่เคยมีแฟนมาแล้วถึงสามคน เธอถึงได้ตระหนักว่า คนแบบเธอเป็นพวกแปลกแยก
และในการแข่งขันทางการศึกษาในอนาคต เธอก็จะเสียเปรียบอย่างมาก
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ตอนนี้ผลการเรียนของพวกเธอสามคนใกล้เคียงกัน โดยหยูซินเยว่ได้คะแนนสูงกว่าเล็กน้อย สอบครั้งที่แล้วได้ 638 คะแนน มากกว่าเธอ 15 คะแนน
ความสามารถในการเรียนของทั้งสามคนใกล้เคียงกัน ผลการสอบก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
สมมติว่าทั้งสามคนไม่เริ่มมีความรัก ตั้งใจเรียน ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็คงไม่ต่างกันมาก
แต่ถ้าทั้งสามคนมีความรัก เฉียนตั่วเอ๋อร์ที่เคยมีความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง อย่างมากก็แค่ผลการเรียนตกเล็กน้อย ส่วนหยูซินเยว่ที่มากประสบการณ์จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังไง...
สำหรับเธอแล้ว ความรักมันง่ายเหมือนการหายใจ แถมยังอาจจะช่วยให้เรียนเก่งขึ้นได้อีกด้วย คบกับใครก็เหมือนได้เรียนรู้ไปด้วยกัน พัฒนาไปพร้อม ๆ กัน มีแต่ตัวเธอเองนี่แหละ...
ที่ทำแบบนั้นไม่ได้
ผลลัพธ์ก็คือ โดนทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น สอบเข้ามหาลัยทีไรคะแนนก็ไม่ถึงหกร้อยสักที
เธอไม่เหมือนเฉินหยวน พอรู้จักกับเธอแล้ว คะแนนคณิตศาสตร์ของเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แถมภาษาอังกฤษก็พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด แถมยังมีสมาธิกับการเรียนมากขึ้นอีก...
เดี๋ยวก่อนนะ
พอคิดได้แบบนั้น เซี่ยซินหยู่ก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาทันที
ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงมีสมาธิได้ขนาดนั้น?
หรือว่า... ที่จริงแล้วเขาเคยมีแฟนมาก่อน?
หรือไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นสองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง...
ช่วงนี้เซี่ยซินหยู่เป็นพวกคิดมากอยู่ด้วย ยิ่งคิดจุกจิกแบบนี้เข้าไปอีก เธอก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา
เพราะเธอพบว่าตัวเองเริ่มนับแกะไปแล้ว
ไม่ได้การแบบนี้ ถ้ายังกังวลเรื่องนี้อยู่ คงเสียการเรียนแน่ ๆ
เซี่ยซินหยู่เลยตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเพื่อนใหม่ โจวฟู่
หลังจากที่เป็นเพื่อนกันแล้ว ทั้งคู่ก็แอด WeChat กัน
เซี่ยซินหยู่: รบกวนหน่อยนะ ฟู่ฟู่ อยู่ไหม?
โจวฟู่: อยู่น้าาา ฮิฮิ
ตอบเร็วมาก!
แต่นี่มันก็ห้าทุ่มครึ่งแล้วนะ ดึกขนาดนี้ยังไม่นอนอีกเหรอ?
แถมยังส่งฮิฮิมาอีก ฟังดูคึกคักเชียว
เซี่ยซินหยู่: เธอยังไม่นอนอีกเหรอ ทำอะไรอยู่?
โจวฟู่: อ่านการ์ตูนอยู่อ่ะ แหะ ๆ
เซี่ยซินหยู่: พรุ่งนี้เธอไม่ง่วงเหรอ?
โจวฟู่: ง่วงสิ แต่พรุ่งนี้เช้ามีเรียนกับอาจารย์เสวี่ยลี่หลิว เฉินหยวนบอกว่าแอบหลับในคาบอาจารย์ได้ เลยกล้าอ่าน [หัวเราะทั้งน้ำตา]
เซี่ยซินหยู่: เธออ่านการ์ตูนอะไรอยู่อ่ะ? น่าสนใจขนาดนั้นเลย?
โจวฟู่: การ์ตูนรักใส ๆ
เซี่ยซินหยู่: แบบ พระเอกคน นางเอกคน น่ะเหรอ?
โจวฟู่: ของฉัน พระเอกสองคนอ่ะ [หน้าแดง]
พระเอกสองคน?
อ๋อ พระเอกสองคน แล้วก็นางเอกสองคนสินะ?
งั้นก็เป็นแบบหลายคู่ มีหลายเส้นเรื่อง ทุกคนก็มีเรื่องราวความรักของตัวเอง...
ประมาณนั้นมั้ง?
เรื่องของเฉินหยวน ถามเธอตรง ๆ เลยดีไหมนะ?
แบบนี้ เธอจะคิดว่าเรายุ่งเรื่องชาวบ้านรึเปล่า?
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น โจวฟู่ก็ส่งข้อความมาหาเธออีก
โจวฟู่: เอ่อ คือ เฉินหยวนไม่เคยมีแฟนตอนมัธยมปลายนะ ฉันมั่นใจมาก
เซี่ยซินหยู่: แล้วถ้าเขาไม่มีแฟน แถมเรียนก็ไม่ได้ดีมาก งั้นเขาทำอะไรอยู่ล่ะ...?
โจวฟู่: ก็คงเล่นกับโจวหยูมั้ง พวกเขาสนิทกันมาก แล้วก็เป็นพวกขี้หึงด้วย ถ้าอยู่โรงเรียนด้วยกัน ใครมีแฟนคนนึง อีกคนก็จะไม่มีโอกาสเลย ฮ่า ๆ
ขี้หึง?
เธอใช้คำไม่ถูกหรือเปล่านะ?
น่าจะเป็นประเภทเพื่อน "ฉุดรั้งกันและกัน" ที่ถ้าอีกฝ่ายมีแฟนจะอิจฉามาก ๆ เลยพยายามหาทางทำลายดวงความรักของอีกฝ่าย
ทำได้สวยมากมนุษย์โจวหยู
โจวฟู่: ส่วนเรื่องตอนมัธยมต้น ฉันยังไม่ได้ถาม เพราะยังไงก็ต้องหาเรื่องคุยก่อน
โจวฟู่: แต่ฉัน โจวหยู และเหอซือเจียว พวกเราไม่มีใครเคยมีความรักในช่วงมัธยมต้นเลย จึงไม่มีเรื่องจะพูด o(╥﹏╥)o
เซี่ยซินหยู่: ถามตรง ๆ ไปเลยเป็นไง?
โจวฟู่: ไม่ได้หรอกน่า ถามตรง ๆ แบบนั้น นอกจากจะทำให้เธอถูกเปิดเผยแล้ว ยังรู้สึกแปลก ๆ ด้วย
โจวฟู่: เรื่องแบบนี้ ให้แฟนตัวจริงถามจะดีกว่านะ
พอพูดถึงแฟนตัวจริง เซี่ยซินหยู่ที่กำลังพิมพ์ข้อความนิ้วก็สั่น สีหน้าก็ดูร้อนรน
ยัง ยัง ยัง ยัง ยัง...พวกเรายังไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย!
เซี่ยซินหยู่: อันนี้ ต้องพูดว่ายังไงดีล่ะ?
เซี่ยซินหยู่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องไปถามเรื่องแบบนี้กับคนอื่น แถมยังเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ความรักเหมือนกันอีก
แต่เธอก็รู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ตรงถึงจะให้คำแนะนำได้ โจวฟู่ที่คลุกคลีอยู่กับการ์ตูนรักโรแมนติกมากมาย ก็นับว่าเป็นรุ่นพี่ของเธอได้เหมือนกัน
และแน่นอนว่า อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ดูมีหลักการทางปรัชญา
โจวฟู่: ถึงแม้ผู้ชายจะกังวลว่าผู้หญิงจะคิดมาก แต่ก็ชอบให้ฝ่ายหญิงงอนบ้างเป็นครั้งคราวนะ
อ๊ะ...นี่...
ยากจังเลย แอบคบกันตอนเรียนนี่มันยากกว่าคณิตศาสตร์อีก เซี่ยซินหยู่ไม่ได้พูดเกินจริง
ที่เธอไม่กล้าถามตรง ๆ ก็เพราะว่า เธอรู้สึกว่าถ้าถามไป ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอรับได้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้น ด้วยนิสัยของเฉินหยวน เขาคงจะรู้สึกอึดอัด แล้วก็เริ่มลังเลว่าจะโกหกหรือบอกความจริงดี
หลาย ๆ ครั้งเขาก็น่าเชื่อถือได้ แต่เรื่องแบบนี้ เขาอาจจะเลือกที่จะพูดให้เธอสบายใจ...
น่าเสียดายจัง ทำไมตอนที่อยู่ป๋อหลง ตอนที่ทั้งสองคนยังไม่มีความรู้สึกไม่ชัดเจนต่อกัน เธอถึงไม่ไปล้วงความลับจากเขามาให้มากกว่านี้นะ
เฉินหยวนในตอนนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่เล่าประสบการณ์ความรักให้เธอฟัง แต่ยังพูดถึงนิสัยของผู้หญิงที่เขาชอบอย่างเปิดเผยอีกด้วย
เซี่ยซินหยู่: ไม่ได้งอน แค่อยากรู้น่ะ ฮ่า ๆ
ทำไงได้ล่ะ เรื่องแบบนี้เธอเปิดเผยตรง ๆ ไม่ได้จริง ๆ
โจวฟู่: ฉันก็แค่พูดไปเรื่อย [ปิดปากหัวเราะ]
เซี่ยซินหยู่: อืม งั้นไม่รบกวนเธออ่านการ์ตูนแล้วนะ ฝันดีนะฟู่ฟู่
โจวฟู่: โอเค ฝันดีนะซินหยู่ [ดอกไม้]
หลังจากคุยกันจบ เธอก็พอจะเข้าใจแล้ว
ในขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน เธอก็คลิกเข้าไปที่ QQ ของเฉินหยวน
จากนั้นก็ไล่ดูไดนามิกใน QQ Space ของเขาลงมา แต่ก็น่าเสียดายที่มีแค่ห้าโพสต์ และโพสต์ล่าสุดก็คือเมื่อหนึ่งปีก่อน ในจำนวนนั้นมีสามโพสต์ที่เป็นการแชร์ระดมทุน
อีกโพสต์หนึ่งคือรูปถ่ายประตูโรงเรียนในวันจบการศึกษาชั้นมัธยมต้น พร้อมกับข้อความประกอบว่า: ชนะ bo5 สอบเข้ามัธยมปลายแล้ว [ชูสองนิ้ว]
โพสต์นี้มียอดไลค์หลายร้อยเลย
คงเป็นเพราะปกติเขาไม่ค่อยโพสต์อะไร แต่มีเพื่อนเยอะ พอเพื่อน ๆ เข้ามาใน Space ก็เลยกดไลค์โพสต์เดียวที่ดูเป็นเรื่องเป็นราวนี้
ส่วนโพสต์สุดท้าย เป็นการซิงค์ลายเซ็นส่วนตัวไปยัง Space
41 05 18
หมายความว่า วันที่ 41 พฤษภาคม ปี 2018 เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?
แต่เดือนพฤษภาคมไม่มีวันที่ 41 นี่นา...อ๊ะ ไม่สิ เดือนไหนก็ไม่มีวันที่ 41
แปลกจัง ไม่เข้าใจเลย
ดูจากโพสต์ในโซเชียลแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก ๆ เธอจึงเริ่มไล่อ่านคอมเมนต์
คอมเมนต์ก็ไม่ได้เยอะอะไร มีแค่ยี่สิบกว่าคอมเมนต์เอง
ตอนแรกที่ไล่ดูก็ไม่มีอะไร เป็นคอมเมนต์ธรรมดา ๆ ทั่วไป
แน่นอนว่าก็ไม่ได้ธรรมดาไปซะหมด
ฟงชิงหยาง: ไอ้ลูกชาย พ่อมาแล้ว!
เฉินหยวนตอบกลับฟงชิงหยาง: อย่าเรียกพ่อแบบนั้นสิลูก
ฟงชิงหยางตอบกลับเฉินหยวน: 《กตัญญู》
เฉินหยวนตอบกลับฟงชิงหยาง: 《หอยกาบ》
เกี่ยวกับคอมเมนต์นี้ พอไล่ลงไปข้างล่าง ก็เจอแต่แบบนี้เต็มไปหมด อ่านไม่รู้เรื่องเลย
แถมยังตอบโต้กันไปมาตั้งสามสิบกว่าคอมเมนต์!
สุดท้ายก็จบลงด้วยเฉินหยวนที่พิมพ์ว่า 'บล็อกแล้ว อย่าเรียกอีก พ่อแกมองไม่เห็นหรอก'
ผู้ชายคุยกันแรง ๆ แบบนี้ ความสัมพันธ์ไม่เสียหายกันบ้างเหรอ?
ช่างเถอะ ดูต่อดีกว่า
พูดตามตรง พวกคอมเมนต์สมัยมัธยมก็ยังโอเค ดูแปลก ๆ หรือจะเรียกว่า 'อาร์ต' ตามที่เฉินหยวนบอกก็ได้ แต่พอดูไปเรื่อย ๆ อารมณ์เธอก็เริ่มแปลก ๆ พอเห็นว่าคอมเมนต์พวกนั้นมาจากคน ๆ เดียว อารมณ์เธอก็ยิ่งปั่นป่วน
นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เธอไม่ได้เป็นคนใจกว้างอะไรขนาดนั้น
ยิ่งไล่ดูตามลำดับเวลาย้อนหลังไป ความไม่สบายใจในใจก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ
หยางถาวเอ๋อร์: โพสต์นายน้อยจังเลย ฉันมาแล้วนะ~
เฉินหยวนตอบกลับหยางถาว: ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ
หยางถาวเอ๋อร์: นายชอบแมวหรือชอบหมา?
เฉินหยวนตอบกลับหยางถาว: ชอบคุนคุน (ปล. ชื่อเล่นของไอดอล ไช่ สฺวีคุน)
หยางถาวเอ๋อร์: สวัสดีปีใหม่ ขอให้ร่ำรวย เอาอั่งเปามา (เชิดหน้า ยืดอก แบมือ)
เฉินหยวนตอบกลับหยางถาว: สวัสดีปีใหม่ ขอให้ร่ำรวย เอาอั่งเปามาเติม CF หน่อย (คุกเข่า)
หยางถาวเอ๋อร์: เรียนจบแล้วต้องติดต่อกันบ่อย ๆ นะ [ร้องไห้หนักมาก]
เฉินหยวน: แน่นอน ไม่ต้องพูดเยอะ [ร้องไห้หนักมาก]
หยางถาวเอ๋อร์: สุขสันต์วันเกิด รอนายกลับเหอเสียงแล้วค่อยนัดเจอกันนะ!
เฉินหยวน: โอเคเจ้านาย
คอมเมนต์ล่าสุดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมปีนี้ จริง ๆ แล้วเซี่ยซินหยู่ก็ไล่ดูมาเจอตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะเป็นแค่คำอวยพรวันเกิด เธอเลยไม่ได้คิดมากอะไร
แต่ที่ไม่เหมือนคนอื่นคือ ทุกข้อความของหยางถาวเอ๋อร์ เฉินหยวนจะตอบกลับหมด แถมยังพูดจาดีมาก ๆ ด้วย
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พวกเขายังคงคอมเมนต์คุยกันแบบนี้มาตลอดสามปี
ครั้งล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อน ตอนนั้นเฉินหยวนยังไม่รู้จักเธอเลย ดูท่าแล้วน่าจะมีครั้งต่อไปอีก ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดคุยกันไปดื้อ ๆ
หยางถาวเอ๋อร์ต้องเป็นเพื่อนสนิทของเขาแน่ ๆ
แถมยังเป็นเพื่อนที่อยู่บ้านเกิด กลับไปแล้วก็คงจะนัดเจอกันเล่นบ่อย ๆ
เป็นเพื่อนสนิท...ที่อยู่นอกสายตาเธอ
………
หกโมงเช้า ตื่นนอน
เมื่อคืนนอนหลับเต็มอิ่ม พอใจมาก ๆ
เพราะงั้นตอนตื่นขึ้นมาเลยรู้สึกสดชื่นมาก
หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยและล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ประตูก็ถูกเคาะขึ้นกะทันหัน
ปกติแล้ว เซี่ยซินหยู่จะมาตอนหกโมงครึ่ง และมาตรงเวลาเป๊ะ ให้เวลาเขาได้ดูแลตัวเองอย่างเต็มที่
มีแค่ครั้งเดียวที่แตกต่างออกไป เพราะวันนั้นเซี่ยซินหยู่ถูกป้าพาตัวไป ก่อนไปเลยแวะมาทักทายเขา เลยได้เห็นเฉินหยวนเวอร์ชั่นผมชี้ฟูดูงัวเงีย
เฉินหยวนจึงเปิดประตู
แล้วก็มองออกทันทีว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายดูแปลก ๆ ไป
ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใส?
“ซินหยู่ นอนไม่หลับเหรอ?” เฉินหยวนถาม
“...อืม” ตอนที่เซี่ยซินหยู่ตอบ สายตาก็จ้องมองเฉินหยวนอยู่
ให้ความรู้สึกตัดพ้อแบบ ‘ทั้งหมดเป็นเพราะนาย’
หรือจะใช้พลังพิเศษแอบฟังดูดีนะ?
ช่างเถอะ เก็บความลับไว้ให้ซินเป่าหน่อยดีกว่า ยังไงก็ควรพยายามแอบฟังความในใจคนอื่นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“งั้นเราออกไปกันเลยไหม?” เฉินหยวนถาม
ถึงแม้ในบ้านจะมีกับข้าวที่เซี่ยซินหยู่ห่อมาให้บ้าง แต่กินแบบนี้เป็นมื้อเช้ามันเลี่ยนเกินไป เขาเลยตัดสินใจออกไปกินข้างนอก
เซี่ยซินหยู่พยักหน้า จากนั้นก็หันไปเดินนำหน้า ผมหางม้าที่มัดสูงแกว่งไกวเบา ๆ
เธอรู้ดี ว่าตัวเองโทษเฉินหยวนไม่ได้ ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะรู้จักเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น การมีเพื่อนก็เป็นเรื่องปกติ แม้ว่าจะเป็นเพื่อนต่างเพศ... ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่มีก็ตาม
แต่เธอกำลังคิดถึงเรื่องหนึ่ง เรื่องราวที่ค่อนข้าง ‘เจ็บปวด’
คนสองคนนั้นเคยสนิทกันมาก ดูเหมือนจะเหมือนกับเธอและเฉินหยวนในตอนนี้
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะล็อกพื้นที่ส่วนตัว เธอเข้าไปดูไม่ได้ แต่เซี่ยซินหยู่เดาได้ว่า เฉินหยวนกับหยางถาวเอ๋อร์ก็คงเป็นแบบเดียวกัน
นอกจากการพูดคุยผ่านข้อความแล้ว ใน QQ ก็คงคุยกันเยอะแน่ ๆ ยิ่งตอนอยู่มัธยมต้นด้วยกัน การได้เจอหน้ากันตรง ๆ ยิ่งต้องเยอะกว่านี้มาก
คำพูดนี้อาจจะดูรุนแรงไปหน่อย แต่นี่คือความคิดที่แท้จริงของเธอ ถ้าอีกฝ่ายยังดูสวย แล้วทั้งสองคนก็สนิทกันขนาดนี้ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศดี ๆ ถ้าได้ระบายความในใจ แล้วสารภาพรักกันไปตามธรรมชาติ งั้นก็กลายเป็นคู่รักที่มีความรู้สึกให้กันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ?
เซี่ยซินหยู่ยังคิดไปไกลกว่านั้นอีก ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างคนสองคน มากกว่าคำว่าเพื่อน ทั้งคู่ต่างก็อยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้น แต่เพราะเฉินหยวนมาเจอเธอ คนที่สำคัญกับเขามากกว่า ความรู้สึกที่มีต่อกันก่อนหน้านี้เลยค่อย ๆ เลือนหายไป
แล้วแบบนี้ ใครก็ไม่ผิด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินหยวนจะเลว
งั้น สิ่งที่เธอใส่ใจคืออะไรกันแน่?
ในขณะที่เซี่ยซินหยู่กำลังคิดแบบนั้น ก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่าข้าง ๆ ไม่มีเฉินหยวน
หันกลับไป ก็เห็นเฉินหยวนกำลังจับราวบันได ค่อย ๆ เดินลงอย่างระมัดระวัง พอเห็นเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ รอแป๊บนึง”
“ขอโทษที ฉันลืมไปเลย” เซี่ยซินหยู่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเฉินหยวนเดินลำบากเพราะข้อเท้าแพลง อาจจะบวมเป็นขาหมูไปแล้ว เลยรีบกลับไปหาเขา พยุงเอวเขา แล้วพาเขาลงบันได
ตอนนั้นเอง มือข้างหนึ่งของเฉินหยวนก็โอบไหล่เธอไว้...
แนบชิดกันเลยล่ะ
เสียงหัวใจเต้นดังชัดเจนเสียจริง
นี่แหละคือสิ่งที่ฮอร์โมนมันร้องเรียกร้องหา — การสัมผัสทางกายให้มากขึ้นกว่าเดิม
แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นา เขาเดินไม่สะดวกเลยต้องโอบฉันไว้ ฉันอย่าคิดมากเลยนะ...
ซินหยู่นี่โอบกอดสบายจัง
ไหล่นุ่มนิ่ม ผมก็หอม มุมนี้ยังมองเห็นต้นคอที่หัวหน้าหน่วยโปรดปรานอีกด้วย
แน่นอน เฉินหยวนไม่ได้อยากจะฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเธอแบบนี้หรอกนะ เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดเธอมากขึ้น
เขาก็มีเหตุผลของเขานะ เมื่อวานซินหยู่ก็ช่วยสระผมให้เขา เธอต้องคิดว่าอาการเขาหนักมากแน่ ๆ
ดังนั้น เฉินหยวนต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ซะแล้ว
และก็...
แกล้งทำตัวน่าสงสารนิดหน่อย ให้ซินหยู่ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงงอนเขาอยู่ใจอ่อนลง
ฉันเฉินหยวนคนนี้ จะต้องใช้ประโยชน์จากความใจดีของเธอให้ถึงที่สุด!
"โดยทั่วไปแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นจะเป็นช่วงที่เจ็บที่สุด หลังจากนั้นก็จะดีขึ้น" เซี่ยซินหยู่พูดปลอบใจ
"อืม ตอนเช้าก็เจ็บจริง ๆ นั่นแหละ ยกไม่ขึ้นเลย..." เฉินหยวนยังคงแกล้งทำตัวน่าสงสารต่อไป
"ก็ใช่น่ะสิ ใครใช้ให้บางคนข้อเท้าแพลงแล้วยังจะฝืนเล่นบาสต่อล่ะ" เซี่ยซินหยู่ก็เป็นห่วงเขาอยู่หรอก แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
ไม่นะ ปลอบใจกันมากกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?
เธอเปลี่ยนไปแล้วนะซินหยู่ เมื่อก่อนเธอยังเป่าเพี้ยง ๆ ให้ฉันหายเจ็บอยู่เลย
"พูดถึงเรื่องเล่นบาส" หลังจากลงมาข้างล่างแล้ว เฉินหยวนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดรูปถ่ายหมู่ห้อง 15 ที่ซินหยู่ดูได้ "โอเคมั้ย?"
"อืม ถ่ายออกมาดีมากเลย!"
เซี่ยซินหยู่รับโทรศัพท์มาดูอย่างเป็นธรรมชาติ มองดูผู้คนในรูป พบว่าทุกคนต่างยิ้มแย้มมีความสุข รวมถึงตัวเธอเองด้วย ที่กำหมัดแน่นแสดงความดีใจ
ก็จริง เหตุผลที่เฉินหยวนฝืนเล่นบาสทั้งที่บาดเจ็บ ก็เพื่อช่วงเวลานี้ไม่ใช่เหรอ?
และเหตุผลที่เขาอยากจะเด่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเธอ ไม่งั้นพอเห็นเธอ เขาก็คงไม่ขอเป็นคนเริ่มเกมหรอก
ช่วงเวลานี้ ก็เป็นหนึ่งในความทรงจำในช่วงมัธยมปลายที่สำคัญของเธอเช่นกัน
"เลื่อนรูปลงไปอีกสิ ยังมีรูปห้องเราอยู่อีก" เฉินหยวนไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร เพราะเขาซ่อนรูปนั้นไว้ก่อนแล้ว
"อ้อ..." หลังจากเซี่ยซินหยู่ทำตาม ก็เห็นรูปถ่ายหมู่อีกใบ แล้วเธอก็อดหัวเราะไม่ได้ "เปลี่ยนเสื้อบาสของนายเลยเหรอเนี่ย? เพื่อนร่วมห้องนายนี่ตลกดีนะ"
"ข้าง ๆ ฉันก็คือโจวหยูนั่นแหละ"
"อ๊ะ ข้าง ๆ เขาก็มีผู้หญิงด้วยนี่?"
"นั่นคือเหอซือเจียว พี่เจียว ช่วงนี้พวกเขาสองคนอาจจะลงเอยกันแล้วก็ได้"
"อ้าว แบบนี้ก็ได้เหรอ? พวกนายไม่ใช่ว่าจะคอยขัดขวางไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามมีแฟนไม่ใช่เหรอ?"
"หมายความว่าไง?" เฉินหยวนไม่เข้าใจ
"..." เซี่ยซินหยู่นึกขึ้นได้ว่านี่มันเป็นบทสนทนาระหว่างโจวฟู่กับเฉินหยวนนี่นา จึงรีบเปลี่ยนคำพูด "ฉันฟังจากที่นายพูดถึงพวกเขาบ่อย ๆ เลยรู้สึกว่าพวกนายดูเหมือนจะเป็นเพื่อนไม่ซื่อ"
"เพื่อนไม่ซื่อก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก"
ฉันเป็นพ่อไม่ซื่อของไอ้ลูกไม่รักดีนั่นมากกว่า
"ยังมีรูปอื่นอีกมั้ย? รูปตอนกีฬาสี" เซี่ยซินหยู่ถามต่อ
เฉินหยวนพูดอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่มีเยอะหรอก ประมาณเจ็ดแปดรูป เธอเลื่อนดูเองละกัน"
เขายื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ฉันโดยไม่ลังเลใจเลยสักนิด
ถึงแม้ว่าผู้ชายจะกังวลว่าผู้หญิงจะคิดมาก แต่บางครั้งก็ชอบให้เธอหึงบ้างเหมือนกันนะ...
เซี่ยซินหยู่ นึกถึงคำพูดของโจวฟู่ขึ้นมา เธอจึงเกิดไอเดีย
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วยัดใส่มือเฉินหยวน จากนั้นก็คว้าโทรศัพท์ของเฉินหยวนไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงปนขี้เล่นว่า "มา เล่นเกมกัน"
"เกมอะไรเหรอ? ฉันเล่นได้หมดแหละ ยังไงวันนี้ก็เลิกเร็ว เราเปิดเกมกันสักตาเลยเป็นไง?"
เฉินหยวนทำท่าโอเค ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนโทรศัพท์กัน แต่เขาเป็นพวกเล่นเกมไม่สนสเปคเครื่องอยู่แล้ว จึงไม่คิดว่านี่จะเป็นเรื่องท้าทายอะไร
แต่เกมบางเกมก็เล่นข้าม iOS กับ Android ไม่ได้ นี่สิเรื่องสำคัญ
เซี่ยซินหยู่ส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนเดิม พร้อมกับหยั่งเชิงเล็กน้อยว่า "กติกาของเกมก็คือ ต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ของอีกฝ่ายห้านาที"
"..."
นี่มันไม่ใช่เกมแล้ว นี่มันเกมท้าความกล้าชัด ๆ !
แล้ว 'ฉัน' ก็ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านด้วย นี่มันจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันหมดเลยนะ!
เฉินหยวนจึงไม่ได้ตอบตกลงในทันที แต่ทำหน้าลังเลแล้วพูดว่า "อืม... ก็ได้นะ ฉันว่าน่าสนุกดี..."
ด้วยนิสัยของซินหยู่ เธอน่าจะแค่แกล้งเล่น ๆ แกล้งแหย่ฉันเฉย ๆ คงไม่ดูจริง ๆ หรอก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว
จริง ๆ แล้ว เซี่ยซินหยู่ก็แค่ตั้งใจจะแกล้งเล่นเท่านั้น ด้วยนิสัยของเธอ คงไม่ไปแลกโทรศัพท์กับอีกฝ่ายเพื่อดูจริง ๆ หรอก เพราะมันเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวเกินไป
เพราะในโทรศัพท์ของคนเราก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว เพื่อนฝูง รวมถึงบุคลิกภาพแบบที่สองบนโลกอินเทอร์เน็ตด้วย
แต่ท่าทางลังเลของเฉินหยวน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมา
ท่าทางเมื่อกี้ มันชัดเจนเลยว่าเขามี 'ความลับ'
"เฉินหยวน"
เซี่ยซินหยู่หยุดเดิน ปล่อยมือจากแขนของเขา แล้วหันกลับมามองหน้าเขา เธอไม่ได้แกล้งทำเป็นหึง แต่ถามด้วยความรู้สึกอิจฉาจริง ๆ ว่า "ไม่อยากให้ฉันดู...รูปคู่กับหยางถาวเอ๋อร์หรือเปล่า?"