ตอนที่ 640 เหมาะสมกันทั้งคู่
“ประธานเย่ ที่ดินที่คุณซื้ออยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
รองประธานเจียง ถาม เย่เฉิน ด้วยความระมัดระวัง
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องการซื้อที่ดินนี้เป็นเพียงคำพูดของ เย่เฉิน คนเดียวเท่านั้น มันจะจริงหรือไม่ พวกเขาก็ยังไม่รู้
แต่หากรู้สถานที่ที่แน่นอน ความจริงในคำพูดของ เย่เฉิน ก็จะได้รับการพิสูจน์
โดยปกติแล้ว การปล่อยที่ดินออกขายจะมีการประกาศในเว็บไซต์ทางการ ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้เส้นสายตรวจสอบเลย แค่ค้นหาเล็กน้อยก็พอ
ถ้า เย่เฉิน สามารถบอกสถานที่ได้ กว่า 90% มันก็ต้องเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าบอกไม่ได้ก็มีแนวโน้มว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องแต่ง ..เพื่อหาข้ออ้างที่เขาต้อนรับพวกเขาไม่ดีก็เท่านั้น
“ที่ถนนเกาหยาง(เอี๋ยง)...”
เย่เฉิน ได้ตอบกลับ
ถนนเกาหยาง?
รองประธานเจียง ไม่คิดว่า เย่เฉิน จะตอบได้ตรงตามที่คาดไว้
“ท่านรองประธานครับ ผมจำได้ว่าที่นั่นมีที่ดินแปลงใหญ่อยู่แปลงหนึ่งที่กำลังเตรียมปล่อยขาย...”
หนึ่งในสมาชิกสมาคมการค้า ว่านไฉ เข้ากระซิบบอกข้างหู รองประธานเจียง
คราวนี้มั่นใจ 100% แล้วอย่างแน่นอน
เย่เฉิน...ไม่สิ ประธานเย่ พูดจริง..ที่เขาซื้อที่ดินแปลงที่มีพิ้นที่กว่าสี่หมื่นตารางเมตรนั้นเป็นเรื่องจริง
ในขณะนี้ การแสดงออกทางสีหน้าของ รองประธานเจียง ดูซับซ้อนมาก
ดูเหมือนว่า ประธานเย่ จะไม่ใช่แค่มหาเศรษฐีระดับหมื่นล้านธรรมดาๆ อย่างที่เขาคิดไว้แล้ว
มหาเศรษฐีธรรมดาๆ อย่าพูดถึงความสัมพันธ์ แต่มาพูดถึงเรื่องทุนกันดีกว่า
แม้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินมูลค่าสูงถึงหมื่นล้าน แต่การนำเงินจำนวนมหาศาลหลายหมื่นล้าน หรืออาจจะใกล้เคียงแสนล้านเพื่อซื้อที่ดินแปลงใหญ่เพียงแค่แปลงเดียวเช่นนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ต่อให้เป็นเขาเอง ก็ไม่มีทางที่จะนำเงินสดจำนวนมากขนาดนี้มาใช้ได้
การมีทรัพย์สินมากมาย กับการที่สามารถนำเงินสดออกมาใช้ได้อย่างสบายใจนั้น อย่าลืมว่า..มันเป็นคนละเรื่องกัน
และที่สำคัญคือ ประธานเย่ ยังหนุ่มมาก น่าจะเพียงแค่อายุยี่สิบปีต้นๆ เท่านั้น
อายุยังน้อย แต่กลับประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่งขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าอนาคตของเขาจะยิ่งใหญ่แค่ไหน
ตอนนี้ รองประธานเจียง เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านประธานถึงได้ส่งเขามาเชิญ ประธานเย่ ด้วยตัวเอง
เมื่อเผชิญหน้ากับ เย่เฉิน อีกครั้ง รองประธานเจียง ไม่เหลือความหยิ่งผยอง หรือความไม่พอใจอีกต่อไป
เทียบกับการซื้อที่ดินแปลงใหญ่ขนาดสี่หมื่นกว่าตารางเมตร การพบตัวเขาก็ดูไม่สำคัญอะไรเลย
“ท่านประธานเย่ ช่างมีความสามารถมากจริงๆ”
ผู้จัดการทั่วไปที่ยืนมองอยู่ข้างๆ รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็น รองประธานเจียง ที่เคยหยิ่งยโส ไม่หลงเหลือท่าทีไม่พอใจ หรือคำพูดประชดประชันอีกต่อไป
คุณมาลองดูนี่สิ.. เห็นไหมว่าเมื่อพบเจอประธานบริษัทของพวกเขาแล้ว สุดท้ายแล้วแม้แต่คุณเองก็ต้องเกรงใจอยู่เหมือนกัน
“ประธานเย่ครับ เรามาพูดคุยกันสั้นๆ ดีกว่า สมาคมการค้า ว่านไฉ(万财) ของเรามีศักยภาพสูงมาก...”
รองประธานเจียง เริ่มเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการ
เขาอธิบายถึงความแข็งแกร่งของสมาคมการค้า ว่านไฉ รวมถึงประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับหากเข้าร่วมสมาคมการค้า ว่านไฉ ของพวกเขา
“วันนี้ท่านประธานได้มอบหมายให้ผมมาชวน ประธานเย่ เข้าร่วมสมาคม ท่านประธานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะเข้าร่วมกับเรา”
ในที่สุด รองประธานเจียง ก็กล่าวเชิญอย่างจริงใจ และนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ เย่เฉิน ก็ส่ายหน้า
“ผมคงเข้าร่วมไม่ได้ครับ”
แม้ว่าการเข้าร่วมสมาคมการค้า ว่านไฉ จะมีประโยชน์บ้าง แต่ข้อเสียที่ รองประธานเจียง ไม่กล่าวถึงก็มีไม่น้อย
สมาคมนี้ไม่ใช่เหมือนสมาคมศิลปะที่สามารถเข้าร่วมได้อย่างอิสระ
เมื่อเข้าร่วมสมาคมแล้ว ย่อมต้องมีข้อจำกัดบางประการ
“เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ปฏิเสธ รองประธานเจียง ก็อยากจะโน้มน้าวอีก ครั้ง แต่เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ไม่มีท่าทีที่จะคุยต่อ
เขาจึงไม่พูดกล่าวอะไรอีกต่อไป ก่อนจะลุกขึ้นกล่าวลา
ผู้จัดการทั่วไปเดินไปส่ง รองประธานเจียง ออกจากบริษัท
ระหว่างทางออกไป รองประธานเจียง ยังได้หันมากล่าวขอโทษผู้จัดการทั่วไปอีกด้วย
ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา รองประธานเจียง ก็กลับมาถึงสำนักงานใหญ่ของสมาคมการค้า ว่านไฉ
ในห้องทำงานของประธานสมาคม รองประธานเจียง กำลังรายงานผลให้ชายวัยกลางคนที่สวมรองเท้าผ้าใบที่ดูเรียบง่ายฟัง
ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาคนนี้ คือประธานสมาคมการค้า ว่านไฉ หนึ่งในมหาเศรษฐีชั้นนำของเซี่ยงไฮ้
ถ้าพ่อของ ซู หนิงซวง อยู่ที่นี่ และได้มาเห็นชายวัยกลางคนคนนี้ เขาคงต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่น้อยแน่ๆ
ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็นคนที่เคยถือเหล้าเหมาไถ ‘ฮั่นตี้’ เข้ามาแจมปาร์ตี้บาร์บีคิวที่โรงแรม AMANYANGYUN ในวันนั้นนั่นเอง!
“ถูกปฏิเสธงั้นหรือ?”
หลังจากทราบผล ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาคนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย แต่..ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน
การเชิญบุคคลอย่าง คุณเย่ ..ให้เข้าร่วม ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
“ขอบคุณมาก เหนื่อยหน่อยนะ ไปพักผ่อนเถอะ”
ชายวัยกลางคนโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้ รองประธานเจียง
“ท่านประธานครับ แล้วเราจะยังเชิญ ประธานเย่ อยู่หรือเปล่าครับ?”
“เชิญสิ แน่นอนว่าต้องเชิญอยู่แล้ว”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า
“แต่..ครั้งหน้า ฉันจะไปเชิญเขาด้วยตัวเอง และฉันจะเสนอเงื่อนไขที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้แน่นอน”
เมื่อได้ยินคำนี้ รองประธานเจียง ถึงกับชะงัก
หากเรื่องที่ท่านประธานไปเชิญ ประธานเย่ ด้วยตัวเองแพร่ออกไป คงจะทำให้แวดวงเศรษฐีในเซี่ยงไฮ้ต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน!!!
อีกด้านหนึ่ง เย่เฉิน กำลังครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงาน
แม้ว่าที่ดินแปลงนี้จะไม่ใหญ่เท่าที่เขาคาดหวัง จนไม่พอที่จะเป็นฐานหลักสำหรับอาณาจักรสินค้าฟุ่มเฟือยของเขา
แต่ขนาดนี้ก็มากพอที่จะรองรับแบรนด์ต่างๆ ที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ซึ่งมันสามารถใช้เป็นฐานย่อยได้แน่นอน
ที่ดินแปลงนี้ยังคงต้องถูกพัฒนา หากปล่อยทิ้งไว้ก็เป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆ
หลังจากนั้น เย่เฉิน ตั้งใจที่จะหาวิศวกรที่เชื่อถือได้มาช่วยออกแบบสถาปัตยกรรม
หลังจากอยู่ที่บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ สักพัก เมื่อ เย่เฉิน ตรวจสอบงานบางอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกจากบริษัทไป
ในช่วงเย็น เย่เฉิน ได้มาเจอกับ ซู หนิงซวง ทั้งสองจึงเดินทางไปพบพ่อแม่ของ ซู หนิงซวง ที่ทอมสัน ริเวียร่า
พ่อแม่ของ ซู หนิงซวง พวกท่านจะอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ต่ออีกสักพักหนึ่ง
หลังจากรับพ่อแม่ของ ซู หนิงซวง ขึ้นรถแล้ว เย่เฉิน ก็ขับรถ BMW 7 Series ของเขาไปภายใต้คำแนะนำของพ่อ ซู หนิงซวง จนมาถึงหมู่บ้านที่สวยงาม และมีสิ่งแวดล้อมน่าอยู่
วันนี้ พ่อของ ซู หนิงซวง จะพา ซู หนิงซวง และเย่เฉิน ไปเยี่ยมผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
ผู้ใหญ่ท่านนี้คือ ผู้เฒ่า อู๋(ชายชราตระกูล อู๋) เพื่อนรักของผู้เฒ่า ซู(ชายชราตระกูล ซู) โดยปกติแล้ว พี่ชายคนโตของตระกูลซูจะเป็นตัวแทนของชายชราในการมาเยี่ยมในทุกๆ ปี
แต่ปีนี้ พ่อของ ซู หนิงซวง ได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำคนต่อไปของตระกูล หน้าที่นี้จึงตกเป็นของพ่อ ซูหนิงซวง..
หลังจากกดกริ่ง ก็มีแม่บ้านมาเปิดประตู และแนะนำตัวเล็กน้อย
ซู หนิงซวง และเย่เฉิน จึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก ผู้เฒ่า อู๋
“สวัสดีคะ คุณปู่ อู๋”
“สวัสดีครับ คุณปู่ อู๋”
ซู หนิงซวง และเย่เฉิน กล่าวทักทายพร้อมกัน
“หนิงซวง กับเสี่ยวเฉิน นี่เหมาะสมกันมาก ผู้ชายเก่งมีความสามารถ ส่วนผู้หญิงก็สวยโดดเด่นเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ..”
คุณปู่ อู๋ ยิ้มแล้วกล่าว
“พอดีเลย ฉันจะได้แนะนำคนสองคนให้รู้จัก”