ตอนที่ 30 : เปิดเทอมวันแรกของนักศึกษาใหม่
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอันอบอุ่นยามเช้าส่องกระทบลงมายังมหาวิทยาลัยอย่างเงียบๆ
เมื่อนาฬิกาปลุกดังขึ้น เฉากวงอวี่ โจวเชา และเหรินจื้อเฉียงต่างก็สะดุ้งตื่นขึ้นจากเตียงทันที พากันโดดลงจากเตียงเหมือนถูกฉีดเลือดไก่ จากนั้นก็สระผม โกนหนวด จัดทรงผม เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แต่งตัวจัดเต็มเหมือนจะไปนัดบอด
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมอย่างเป็นทางการสำหรับนักศึกษาใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนจะมารวมตัวกันในห้องเรียน สามคนนี้อยากไปโชว์ตัวในชั้นเรียนกันเต็มแก่ ตั้งใจจะไปอวดโฉมให้สาวๆ ในห้องเรียนได้กรี๊ดกร๊าดจนไม่อยากแต่งงานกับใครนอกจากพวกเขา
ในขณะนี้เอง เจียงฉินก็โดดลงมาจากเตียงเช่นกัน
อาจเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขาแก่เกินไป เขาจึงไม่ค่อยสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองมากนัก เขาเพียงแค่สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลและเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว
“พร้อมหรือยังพี่น้อง?”
“ไป!”
เฉากวงอวี่ตอบรับ หันหน้ากลับมาและกำลังจะเดินไป แต่พอสายตาไปสบเข้ากับเจียงฉินร่างเขาก็แข็งทื่อไปทันที
ปกติเจียงฉินก็สูงถึง 1.8 เมตรอยู่แล้ว และด้วยการแต่งตัวสบายๆ เรียบง่ายแบบนี้ มันจึงทำให้เขาดูสะอาดตาและสดใส ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาหล่อขนาดไหน แต่อย่างน้อยก็ดูสบายตาน่ามอง
เฉากวงอวี่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อมาแต่งตัวอยู่ตั้งครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมถึงดูไม่ดีเท่ากับคนที่แต่งตัวสบายๆ เลย?
ฉันต่างหากที่เป็นคนรวยรุ่นสอง ใส่แต่ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ทำไมถึงกลายเป็นตัวประกอบให้เขาอยู่เรื่อยไป?
“เหล่าเจียง ฉันเกลียดนายจริงๆ”
“?????”
ไม่นานคนทั้งสี่ก็ออกไปด้วยกันและมาถึงลานด้านหน้าของอาคารเรียน
ภายใต้แสงแดดอันสดใส ทั้งมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยขาขาวเรียวยาวอันงดงาม หน้าอกเต่งตึงและบั้นท้ายโด่งเด้ง พวกเฉากวงอวี่ทั้งสามคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที
แต่เจ้าสามหน่อนี้เวลาอวดดีนี่เก่งมาก พอถึงเวลาลงมือจริงๆ กลับเป็นแค่คนขี้ขลาด พวกเขากล้าที่จะสบตาแต่กลับไม่มีความกล้าที่จะเข้าใกล้
เจียงฉินมองพวกเขาจากทางด้านข้างแล้วคิดกับตัวเองว่าแค่นี้เองเหรอ?
คนหนึ่งบอกว่าเคยมีแฟนมาแล้วห้าคน อีกคนบอกว่าทิ้งรักครั้งแรกไปเพราะต้องตั้งใจเรียน และยังมีอีกคนที่บอกว่าจะไม่รับรักของสองสาวคู่นั้นจนกว่าจะเรียนจบ คำพูดพวกนี้แม้แต่ผีก็ไม่เชื่อ
หลังจากทั้งสี่คนเดินทางมาถึงคณะการเงินและทำการลงทะเบียนเสร็จแล้ว พวกเขาก็สามารถหาห้องเรียนที่ใช้รวมตัวของชั้นเรียนการเงินที่สามเจอได้อย่างราบรื่น
แม้ว่าเฉากวงอวี่มักจะพูดว่าผู้หญิงน่าเบื่อ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของเหล่าเด็กสาวในห้องเรียนเท้าของเขาก็อ่อนแรงลงทันที กว่าจะเข้าไปก็ลังเลอยู่สักพัก
“เหล่าเจียง นายเข้าไปก่อน”
“ทำไม?”
“ไม่มีเหตุผล บอกให้นายเข้าไปก่อนนายก็เข้าไปก่อนสิ”
เจียงฉินมองออกว่าเขาแข็งนอกอ่อนใน เขาจึงเข้าไปในห้องเรียนโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็ตกเป็นเป้าดึงดูดความสนใจของเด็กสาวหลายคนในทันที
ท่ามกลางเสียงกระซิบเหล่านั้น เฉากวงอวี่แอบได้ยินหญิงสาวคนหนึ่งพูดคำว่าหนุ่มหล่อ เอวของเขาจึงยืดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แถมยังหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ออกมาแล้วเล่นกับมันราวกับว่ามีคนส่งข้อความมาให้
โจวเชาและเหรินจื้อเฉียงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าหันกลับไปมองหญิงสาวคนนั้น แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองหล่อมากตอนที่เดินไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา โดยเฉพาะตอนที่คิดว่ามีผู้หญิงกำลังมองมาด้วย ทั้งตื่นเต้นและประหม่าสุดๆ
เจียงฉินเดินนำหน้าพวกเขาและนั่งลงตรงแถวริมหน้าต่าง จากนั้นก็มองไปยังเพื่อนร่วมห้องสามคนที่กำลังเดินตามมาด้วยท่าทางเหมือนลิงแมนดริล ไม่รู้ทำไมแต่เขาคิดว่ามันดูตลกมาก
ปรากฏว่าไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน นักศึกษามหาวิทยาลัยมากมายก็ยังมีคนที่ชอบคิดเองเออเอง
“เฮ้ เหล่าเฉา มือถือของนายดูดีเลยนี่ ราคาเท่าไหร่ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดหรือเปล่า?”
“ห๊ะ…?”
เฉากวงอวี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งกับคำถามของเจียงฉิน แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกเหมือนรู้แจ้งไปถึงจิตวิญญาณ ท่าทางของเขาดูสดใสขึ้นมาฉับพลัน: “ใช่ ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่น่ะ ประมาณสามพันกว่าหยวน พ่อฉันใช้ช่องทางพิเศษซื้อให้ รุ่นนี้ยังไม่ได้เปิดตัวในประเทศ”
ดวงตาของเจียงฉินเบิกกว้างทันที: “สามพันหยวน? บัดซบ มันเกือบเท่าค่าเทอมเลยนะ!”
“เงินแค่เล็กน้อย พ่อของฉันเป็นเจ้าของบริษัท เขามีรายได้เป็นแสน”
เมื่อได้ยินเสียงของทั้งสองคน สาวๆ ทุกคนในห้องเรียนก็พากันหันมามอง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วหัวเราะคิกคักกันเบาๆ
เจียงฉินเอื้อมมือไปตบไหล่เฉากวงอวี่แล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย: “เป็นไง ครั้งนี้ฉันให้นายได้ทำตัวเจ๋งๆ เต็มที่เลยใช่ไหม?”
เฉากวงอวี่ตื่นเต้นมาก เขาเอาแต่นึกถึงช่วงเวลาสุดยอดของวินาทีก่อนหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “เหล่าเจียง นายใจกว้างจริงๆ เดี๋ยวฉันจะช่วยนายแสร้งทำเป็นเจ๋งบ้าง!”
“ไม่ ฉันไม่ต้องการมัน”
“ทำไมล่ะ?”
เจียงฉินหัวเราะ: “เรื่องความรักน่ะขนาดหมายังไม่อยากพูกถึงด้วยซ้ำ แต่ยังไงฉันก็มีคำแนะนำ หวังว่าพวกนายจะลองฟังดู”
เหรินจื้อเฉียงและโจวเฉาก็เพิ่งนั่งลงเมื่อสักครู่ พวกเขาขยับมาใกล้ทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้: “นายมีคำแนะนำอะไร?”
“ทางที่ดีอย่าหาแฟนในชั้นเรียนของตัวเอง นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากใจในอนาคต”
“อนาคต? ชิ เรื่องอนาคตก็ค่อยว่ากันทีหลังสิ” เฉากวงอวี่ไม่สนใจ
“ใครบอกนายว่าเรื่องอนาคต? ที่ฉันพูดคือสิ่งที่นายต้องเจอต่างหาก”
“??????”
“ช่างมันเถอะ พูดไปตอนนี้นายก็ไม่เข้าใจหรอก เผลอๆ นายอาจจะหาแฟนไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ทว่าหลังจากที่เจียงฉินพูดจบเขาก็ตกตะลึง ทันใดนั้นก็เหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไป ในไม่ช้าก็มาถึงชั้นเรียนการเงินที่สี่ซึ่งอยู่ข้างๆ
เขามองเข้าไปข้างในจากทางประตูหลัง แล้วสายตาก็จับจ้องไปยังเฟิงหนานซูที่นั่งอยู่ด้านหลังทางขวาทันที เธอไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่กลับถูกรายล้อมไปด้วยสาวๆ สี่หรือห้าคน และตรงหน้าแต่ละคนก็มีแก้วชานมที่ซื้อมาจากร้านเดียวกัน
เมื่อเห็นฉากนี้เจียงฉินก็รู้สึกโล่งใจทันที ขณะที่เขากำลังจะจากไปเฟิงหนานซูก็หันศีรษะมาราวกับว่าเธอรู้ตัว
เธอยังคงเงียบขรึมและเย็นชา หรือบางทีอาจจะแค่ซื่อบื้อเหมือนเดิม จากนั้นเธอก็ยกมือขวาขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งๆ ทำเป็นท่ากรรไกรแล้วชูไปที่แก้มซ้าย
เจียงฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วทำมือเป็นท่ากรรไกรส่งให้เธอเช่นกัน
เฟิงหนานซูย่นจมูกเล็กน้อยราวกับว่าไม่อยากยอมแพ้ เธอยกมืออีกข้างขึ้นมาพร้อมกับทำท่ากรรไกรคู่
“หนานซู เธอทำอะไรน่ะ?”
เกาเหวินฮุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ เฟิงหนานซูสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ ดังนั้นเธอจึงหันไปมองที่เฟิงหนานซูแล้วตามสายตาของเธอไปจนมองเห็นเจียงฉิน
หลังจากชะงักไป 3.33 วินาที เกาหวินฮุ่ยก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ราวกับเธอเพิ่งยัดแตงโมลูกใหญ่เข้าไปในคำเดียว จากนั้นจึงรีบเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัวอย่างแรง
“ดูนั่น แฟนของหนานซู!”
“ไหน? แฟนอยู่ไหน?!”
“ตรงนั้น ตรงประตูหลังห้อง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สาวๆ จากห้องพัก 503 ต่างก็รีบหันหน้าไปดู แต่เจียงฉินไม่ได้โอกาสให้พวกเธอเลย เขากลับไปที่ห้องเรียนก่อนแล้ว
ขณะที่เจียงฉินเข้าไปในห้องเรียน ที่ปรึกษาของชั้นเรียนการเงินที่สามก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน
เขาน่าจะอายุสี่สิบกว่าๆ สวมแว่นตากรอบดำ ใบหน้ารูปไข่แบบจีนมาตรฐาน หลังจากขึ้นไปยืนบนเวทีหน้าชั้นเรียนเขาก็เขียนชื่อของตัวเองลงบนกระดานดำเป็นอันดับแรก — หลี่ว์กวงหรง
“ผมชื่อหลี่ว์กวงหรง เรียกผมว่าอาจารย์หลี่ว์ก็ได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นผมจะอยู่กับพวกคุณไปอีกสี่ปี”
อาจารย์หลี่ว์กล่าวต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่นและสุภาพ จากนั้นจึงพูดคุยเรื่องกฎของมหาวิทยาลัยและข้อควรระวังเกี่ยวกับการฝึกทหาร
นี่เป็นเรื่องราวซ้ำซากจำเจที่ต้องพูดทุกครั้งเวลาที่มีนักศึกษาใหม่เข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงพูดได้เร็วมากโดยไม่มีเรื่องไร้สาระปะปนเลยสักนิด
หลังจากพูดเรื่องเหล่านี้จบ หลี่ว์กวงหรงก็เปิดโอกาสให้ทุกคนในชั้นเรียนได้ขึ้นมาบนเวทีทีละคนเพื่อแนะนำตัว
ในระหว่างนี้เจียงฉินกำลังคิดเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์จึงไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
เขาไม่ใช่คนเก่งคอมพิวเตอร์ เขามีความคิดแต่ยังขาดทักษะ ดังนั้นเขาจึงวางแผนว่าจะจ้างคนนอกมาทำเว็บไซต์ให้
โชคดีที่ที่นี่คือมหาวิทยาลัยและมีคนจำนวนมากที่สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ นอกจากนี้ค่าจ้างนักศึกษาพาร์ทไทม์ยังมีราคาถูกมาก สามารถควบคุมต้นทุนให้ต่ำได้ไม่ยาก
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อเจี่ยงเถียน เธอสวยดีนะ ขายาวแถมยังผิวขาวด้วย”
“ฉันว่าซ่งฉิงฉิงสวยกว่า”
“นายจะไปรู้อะไร ไม่เห็นหรือไงว่าซ่งฉิงฉิงแต่งหน้า ฉันว่าถ้าเธอล้างเครื่องสำอางออกต้องสู้เจี่ยงเถียนไม่ได้แน่นอน นายคิดว่าไงเหล่าเหริน?”
“ฉันคิดว่าซ่งฉิงฉิงก็สวยกว่าเหมือนกัน”
“เวร! ปรากฏว่าพวกนายชอบผู้หญิงขี้อ่อยแบบนี้ ไร้รสนิยมจริงๆ!”
(จบตอน)