ตอนที่ 171 เก็บเกี่ยว (ฟรี)
ตอนที่ 171 เก็บเกี่ยว
“เถ้าแก่ ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง…”
คนที่ใจกล้าพอเลือกที่จะเดินออกมา แล้วถามฉู่เจียงเยว่
“พวกมันจะไปกับเราด้วย”
แน่นอนว่าฉู่เจียงเยว่รู้ดีว่าแม้ว่าแขกของโรงแรมจะคุ้นเคยกับเสือกลายพันธุ์ทั้งสาม แต่ก็มีข้อกำหนดเบื้องต้นบางอย่างอยู่ นั่นคือทั้งสองฝ่ายต่างต้องอยู่ในอาณาเขตของโรงแรมเจียงหลิน
เนื่องจากโรงแรมเจียงหลินมีกฎระเบียบที่ชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ภายใน
เพราะพวกเขาไว้วางใจในโรงแรมเจียงหลิน พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเสือกลายพันธุ์โจมตีเมื่ออยู่ในโรงแรม
แต่นอกอาณาเขตของโรงแรมเจียงหลิน มันจะต่างออกไป
หากไม่มีข้อจำกัดของโรงแรมเจียงหลิน ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกโจมตีโดยเสือกลายพันธุ์
ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเสือก่อนการกลายพันธุ์นั้นยากสำหรับมนุษย์ที่จะต้านทานได้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงหลังการกลายพันธุ์ พวกมันก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจัดการได้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก
“เถ้าแก่ เมื่ออยู่นอกโรงแรม การเดินทางรวมกับพวกมันค่อนข้างเสี่ยง”
ยังคงมีความแตกต่างระหว่างสัตว์กลายพันธุ์ และมนุษย์
หากจู่ๆ เสือกลายพันธุ์ทั้งสองบ้าคลั่ง และโจมตี ยากจะบอกได้ว่าจะมีสักกี่คนที่หลบหนีออกมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ถ้ากลัวก็ไม่ต้องตามมา ฉันไม่คิดจะบังคับใคร”
หากกลัว ก็ไม่ต้องตามมาก็เท่านั้นเอง เธอไม่ได้สนใจว่าจะคนตามมาด้วยหรือเปล่า
ทำยังกับว่าเธอได้ร้องขอให้พวกเขาตามไปด้วย เธอพูดเหรอ ตอนไหนกัน?
“เถ้าแก่พูดถูก หากใครกลัวก็ไม่ต้องตามมา พวกคุณสามารถตัดสินใจกันเองได้ ไม่มีใครห้ามหรือบีบบังคับ”
ซูจู้เฉิงก้าวออกมา และสนับสนุนฉู่เจียงเยว่อย่างเปิดเผย
ฉู่เจียงเยว่ไม่ได้ปิดบังเรื่องการนำเสือสามตัวออกไปด้วย ใครก็ตามที่ไม่อยากเสี่ยงก็ควรอยู่ห่างๆ
มันเป็นทางเลือกที่ต้องตัดสินใจกันเอาเอง
“ไม่มีใครรู้ว่าเสือกลายพันธุ์เหล่านี้จะบ้าคลั่งแล้วโจมตีเราเมื่ออยู่ข้างนอกนั่นหรือเปล่า นั่นเป็นความเสี่ยงที่มากเกินไป เถ้าแก่ คุณควรลองคิดดูอีกที อย่าให้พวกมันตามไปด้วยเลย”
“ถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ไม่มีใครบังคับคุณเสียหน่อย”
คำพูดของซูจู้เฉิงไร้ถ้อยคำสละสลวยโดยสิ้นเชิง แต่ก็ตรงไปตรงมา
เมื่อเห็นซูจู้เฉิงกล่าวออกมาเพื่อพูดแทนตัวเธอ ฉู่เจียงเยว่ก็ยิ้มให้เขา “คุณซูพูดถูกแล้ว หากใครคิดว่าการออกไปพร้อมกับพวกมันเสี่ยงเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องตามไปด้วย ฉันไม่ได้คิดจะบังคับใคร”
หลังจากพูดจบ ฉู่เจียงเยว่ก็หันหลังกลับ และเดินจากไป มุ่งหน้าไปยังบ้านพักของตัวเอง
“พี่เสิ่น เมื่อกี้ผมทำได้ดีไหม?”
เมื่อฉู่เจียงเยว่เดินจากไป ซูจู้เฉิงก็ไปหาเสิ่นจื้อกุยเพื่อรับคำชม
ถูกต้อง ซูจู้เฉิงจะเป็นคนที่ก้าวออกมา แต่เป็นเพราะเสิ่นจื้อกุยได้ส่งสัญญาณมาให้เขา
ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมเสิ่นจื้อกุยถึงไม่ออกหน้าเองก็เพราะเขาพูดไม่เก่ง และกลัวว่าจะเถียงแพ้คนอื่น
โชคดีที่ซูจู้เฉิงไม่ได้ทำให้เสิ่นจื้อกุยผิดหวัง และช่วยเหลือฉู่เจียงเยว่ได้สำเร็จ
ฉู่เจียงเยว่ที่จากไปแล้ว ไม่ได้ทราบเลยถึงเรื่องเหล่านี้
เมื่อฉู่เจียงเยว่กลับมาถึงบ้านพัก เธอเห็นยายฮัวที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว
“นี่ยังไม่เที่ยงเลย ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่แล้วล่ะ?”
ฉู่เจียงเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นยายฮัวมาอยู่ที่นี่ เพราะโดยปกติแล้วอีกฝ่ายจะมาเฉพาะตอนที่ต้องทำอาหารสามมื้อเท่านั้น
“ฉันเพิ่งได้ยินว่าหนูจะออกไปข้างนอกพรุ่งนี้ ฉันจึงมาทำอาหารเตรียมไว้ให้ก่อน หนูจะได้นำติดตัวออกไปทานในวันพรุ่งนี้ได้”
แม้ว่าฉู่เจียงเยว่สามารถซื้ออาหารจากร้านค้าของระบบได้ตลอดเวลา แต่อาหารเหล่านั้นก็ซ้ำซากจำเจ ไม่มีการเพิ่มเมนูใหม่มานานแล้ว
ยายฮัวจึงเดาว่าฉู่เจียงเยว่คงเบื่อที่ต้องกินอาหารเหล่านั้นแล้ว เพื่อให้ฉู่เจียงเยว่ได้กินอาหารจานใหม่ๆ เธอจึงมาเตรียมไว้ให้
เธอรู้สึกขอบคุณฉู่เจียงเยว่ที่ได้ทำให้เธอเห็นความหวังในชีวิตอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อเธอรู้ว่าฉู่เจียงเยว่กำลังจะออกไปข้างนอก เธอจึงพยายามช่วยในสิ่งที่เธอสามารถทำได้ นั่นคือการเตรียมอาหาร
เมื่อได้ยินคำพูดของยายฮัว ฉู่เจียงเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย “ขอบคุณ!”
ฉู่เจียงเยว่ชอบอาหารที่ยายฮัวทำ เมื่อคิดว่าจะได้กินอาหารอร่อยๆ ที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ต้องการให้ฉันช่วยไหม ถ้าเป็นแค่การเตรียมวัตถุดิบ ฉันน่าจะพอช่วยได้อยู่”
ทักษะการทำอาหารของฉู่เจียงเยว่พูดได้ว่าแค่พอใช้ได้ แต่มือของฉู่เจียงเยว่นั้นมั่นคง และเธอยังสามารถสับผัก และเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ได้
“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้หนูจะต้องออกเดินทางแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ยายฮัวปฏิเสธความช่วยเหลือของฉู่เจียงเยว่
ตลอดชีวิตของเธอ เธอทำงานในครัวเพียงลำพัง และไม่เคยต้องการให้ใครมาช่วยเลย
แน่นอนว่านี่เป็นผลมาจากธรรมเนียมโบราณในยุคที่ยายฮัวเกิดมาด้วย
ความคิดที่ว่าผู้ชายมีหน้าที่หาเงิน และผู้หญิงต้องทำงานบ้านนั้นถูกจารึกไว้บนร่างกายของเธอไปตลอดชีวิต เหมือนกับรอยสักที่ไม่มีวันลบออกมาได้
เมื่อฉู่เจียงเยว่เห็นว่ายายฮัวไม่ต้องการความช่วยเหลือ เธอก็เดินไปที่บันไดแล้วขึ้นไปที่ชั้นสาม
“โฮสต์ พรุ่งนี้คุณจะเดินทางไปที่ไหนบ้าง”
หลังจากกลับมาถึงห้อง จิ้งจอกน้อยก็กระโดดจากไหล่ของฉู่เจียงเยว่ นั่งทับขาหลังแล้วยืนด้วยขาหน้า และนั่งยองๆ บนโต๊ะ มองตรงมาที่ฉู่เจียงเยว่
“เราจะลองวนไปรอบๆ ที่ๆ เราเคยไปมาแล้ว”
แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนั้น แต่ ฉู่เจียงเยว่ก็ยังอยากไปเยี่ยมชมเมือง T
อาจกล่าวได้ว่าปันฮั่วฟางสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อเมือง T เพียงแค่การสร้างถนนปลอดซอมบี้ เธอก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ที่ตามมาด้วย
ฉู่เจียงเยว่จึงชื่นชมความอุตสาหะของปันฮั่วฟางเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อให้ฉู่เจียงเยว่ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ระหว่างออกเดินทาง ยายฮัวใช้เวลาทั้งวันเพื่อทำอาหารให้เธอ
เมื่อแขกบางคนเดินผ่านบ้านของฉู่เจียงเยว่ พวกเขาก็จะได้กลิ่นของอาหารต่างๆ ทำให้ความหิวของหลายคนถูกปลุกเร้า
ถึงขนาดนี้มีบางคนขอชิมอาหารฝีมือยายฮัวจากนอกหน้าต่างบ้านอีกด้วย
แต่สุดท้าย พวกเขาก็ถูกปฏิเสธ โดยบอกว่าอาหารที่ทำจากวัตถุดิบในครัว มีเพียงฉู่เจียงเยว่เท่านั้นที่ทานได้
บางคนจึงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ และต้องการซื้อมันด้วยเงิน แต่ยายฮัวก็ยังยืนกรานตามเดิม
ฉู่เจียงเยว่ได้บอกกับยายฮัวเกี่ยวกับกฎข้อนี้เมื่อเธอก้าวเข้ามาในครัวนี้ครั้งแรก
ยายฮัวเชื่อในความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ดังนั้นแม้จะทำอาหารมาให้ฉู่เจียงเยว่หลายครั้งแล้ว เธอก็ไม่เคยแอบกินหรือชิมเลยแม้แต่น้อย
โชคดีที่ทักษะการทำอาหารของเธออยู่ในระดับสูง แม้จะไม่ได้ชิม แต่เธอก็สามารถบอกได้ว่ารสชาติเป็นยังไงจากการดมกลิ่น
เมื่อความหิวถูกปลุกเร้า แล้วไม่สามารถขอซื้ออาหารจากยายฮัวได้ พวกเขาจงต้องหันไปหาอาหารที่ขายในร้านอาหารแทน
แต่ก็มีบางคนที่มุ่งหน้าไปหาร้านอาหารที่เปิดกันเองในถนนการค้า ทำให้ยอดขายของร้านเหล่านั้นพุ่งสูงขึ้น
นี่ทำให้บางคนเห็นช่องทางการทำเงินแบบใหม่ ทำให้ถนนการค้าคึกคักมากยิ่งขึ้น
…
วันรุ่งขึ้น สิ่งแรกที่ฉู่เจียงเยว่ทำหลังจากลุกขึ้นและแต่งตัวคือ การไปที่ฟาร์มในสวนหลังบ้านเพื่อตรวจสอบต้นถั่วเหลือง
เมื่อเธอเข้ามาในฟาร์ม ฉู่เจียงเยว่เห็นคำว่า ‘เก็บเกี่ยว’ บนที่ดินทุกผืน
ฉู่เจียงเยว่ยื่นมือออกแล้วคลิก ‘เก็บเกี่ยว’ ที่ดินที่อยู่ใกล้เธอที่สุด และคำว่า ‘เก็บเกี่ยว / เก็บเกี่ยวในคราวเดียว’ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ