ตอนที่แล้วChapter 325 : เผ่าสมุทรรุ่งโรจน์และดับสิ้น – โพชั่นชำระล้างขั้นสุดยอด (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 327 : เผ่าสมุทรรุ่งโรจน์และดับสิ้น – โพชั่นชำระล้างขั้นสุดยอด (3)

Chapter 326 : เผ่าสมุทรรุ่งโรจน์และดับสิ้น – โพชั่นชำระล้างขั้นสุดยอด (2)


ราวกับโลกทั้งใบเงียบสงัดลง

เมื่อเห็นเช่นนี้หัวใจหลินเซวียนจึงผ่อนคลายลง

เขาคว้าร่างของเทียนอวี้ไฉที่กำลังปิดตาขึ้นมาและพุ่งเข้าหาม่านพลังป้องกันเมืองในทันที

เมื่อมองกลับไปก็พบว่าม่านพลังตอนนี้กลับมาอาบไล้ไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าอันตรายยิ่งยวดที่เพียงแค่สัมผัสก็มากพอจะทำให้พวกเขาหายไปได้ทันทีอีกครั้งหนึ่งแล้ว

“ระยะเวลาสั้นๆแค่ห้าวินาทีเท่านั้นเอง ช่วงเวลานี้สั้นมากจริงๆถ้าเป็นนักสู้ทั่วๆไปที่ไม่ได้เข้าใจตัวหนังสือบนแผ่นหินคงจะไม่มีทางคาดเดาได้แน่” หลินเซวียนจดจำระยะเวลาได้ขึ้นใจ

แม้เขาจะไม่รู้ว่าในอนาคตมันจะเป็นประโยชน์หรือเปล่าแต่จดจำไว้ก็ไม่เสียหายอะไร

“นี่คือเมืองเขตราชวงค์!” หลินเซวียนมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างที่นี่นั้นสูงยิ่งกว่าเมืองเขตชั้นในมากนัก

เขาอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้

ความเจ็บปวดที่ดวงตาของเทียนอวี้ไฉในตอนนี้ก็คล้ายว่าจะค่อยๆมลายหายไปแล้วและน้ำตาเองก็ไม่ได้ไหลออกมาแล้ว

เธอขยี้ตาเล็กน้อยก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะค่อยๆปรากฏ

เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างที่เปลี่ยนไปอีกครั้งเธอก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา

“นายเข้ามาด้านในได้จริงๆหรอเนี่ย?!”

หลินเซวียนพยักหน้า “ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่เป็นอะไร ไม่เชื่อหรอ?”

เทียนอวี้ไฉหน้าแดงก่ำขึ้นมา

หลินเซวียนพูดถูก...ก่อนหน้านี้เธอไม่เชื่อจริงๆ

ตัวเธอนั้นเดิมทีมาจากทุ่งราบมหาสวรรค์

เหตุผลที่เธอสามารถหลบหนีมายังกองพลก่อสร้างพร้อมกับพิมพ์เขียวเครื่องกลจำนวนมากมายและกลายเป็นลูกศิษย์ของหว่านโหยวซีไปจนถึงกระทั่งได้เข้าร่วมกับกองพลก่อสร้างได้นั้น...แท้จริงแล้วต้องขอบคุณเรือที่ดาบพิษจัดแจงเอาไว้ให้

และดาบพิษผู้นั้นก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้น

การกระทำทั้งหมดของดาบพิษอยู่ภายใต้การควบคุมของหลินเซวียนดังนั้นหากจะบอกว่าคนที่ช่วยเธอในเวลานั้นคือหลินเซวียนก็ไม่ผิดนัก

เทียนอวี้ไฉคราแรกยังไม่คุ้นเคยกับหลินเซวียนนักแต่ไม่นานก็ค่อยๆปรับตัวได้และความรู้สึกไม่คุ้นเคยก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“นี่มันเครื่องกลแปลกประหลาดอะไรกัน?!” เทียนอวี้ไฉมองไปรอบๆและพลันสังเกตเห็นเครื่องกลที่ดูคล้ายกับกล่องจดหมายซึ่งตั้งอยู่หน้าอาคารสองชั้น

หลินเซวียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ยัยนี่ชอบเครื่องกลจริงๆแฮะ

“รูปแบบการส่งผ่านพลังงานแปลกประหลาดมาก...แต่ความสามารถในการส่งผ่านพลังงานกลับสูงมาก...แถมยังลดความสิ้นเปลืองระหว่างกระบวนการส่งผ่านอีกด้วย!”

“พระเจ้าช่วยช่างเป็นความคิดที่อัจฉริยะอะไรขนาดนี้!” เทียนอวี้ไฉจัดการคว่ำกล่องจดหมายจักรกลลงทันทีด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความประหลาดใจ

“มันเอาไว้ทำอะไร?” หลินเซวียนถามอย่างขอไปที

เทียนอวี้ไฉคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา “ถ้าฉันเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นสิ่งที่คนยักษ์เหล่านี้ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันเหมือนกับเครื่องมือสื่อสารของพวกเรา”

“ยังไงก็ตามทิ้งเครอื่งมือสื่อสารเอาไว้ที่ประตูแบบนี้มันค่อนข้างไม่สะดวกอยู่บ้าง ประสบการณ์ของผู้ใช้งานน่าจะตื้นเขินไปบ้างและจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา” เธออดเอ่ยเพิ่มเติมขึ้นมาไม่ได้

หลินเซวียนยิ้มและเอ่ย “เมื่อพูดถึงเครื่องกลดูเหมือนจะพูดได้ทั้งวันเลยสินะ”

เทียนอวี้ไฉชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหน้าแดงขึ้นมาทันที “โทษทีนะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจโอ้อวดหรืออะไรเพียงแต่ค่อนข้างรักเรื่องเครื่องกลเป็นพิเศษก็เท่านั้น...”

“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่คิดว่ามันมีอะไรไม่ดีอยู่แล้ว” หลินเซวียนส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อ

“เครื่องกล หลอมสร้าง ปรุงยาและอื่นๆนั้นล้วนส่งผลต่อการต่อสู้ ตราบใดที่มันสามารถยกระดับความแข็งแกร่งได้มันก็ควรจะได้รับการพัฒนาและต่อยอด”

เทียนอวี้ไฉเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข “อย่างที่คิดจริงๆล่ะนะ ความคิดของนักสู้สายสนับสนุนมันเข้ากันดีจริงๆ!”

หลินเซวียนลูบจมูก “จริงๆแล้วฉันไม่ใช่นักสู้สายสนับสนุนหรอกนะ...”

“แต่ฉันคิดว่าเธอกับเย่อู่ชิวเหมือนกันมากเลยนะ เธอคนนั้นเองก็นับว่าเป็นสายสนับสนุนเหมือนกัน”

“เย่อู่ชิว?”

เทียนอวี้ไฉเอียงคอ “ค่อนข้างน่าประทับใจอยู่นะ”

หลังจากเงียบไปช่วงสั้นๆเทียนอวี้ไฉก็จัดการแยกส่วนกล่องจดหมายจักรกลจนแล้วเสร็จ

“อาวล่ะฉันจดจำโครงสร้างของมันได้แล้ว มีประโยชน์มากเลยบางทีในอนาคตอาจจะได้ใช้ก็ได้”

“ไปกันต่อเถอะๆๆ! คนยักษ์พวกนี้น่าจะต้องมีเครื่องกลที่ยอดเยี่ยมอยู่อีกไม่น้อยแน่ ฉันอยากจะเห็นมากกว่านี้อีก!” เทียนอวี้ไฉแหกปากขึ้นมา

หลินเซวียนกระแอมเบาๆ “ก่อนเข้ามาที่เมืองราชวงค์นี่มีใครบางคนเขาพูดว่ายังไงนะ? ไอหย๋าก็แค่เมืองของพวกคนเถื่อนจะมีอะไรให้ดู...ไม่ใช่รึไง?”

เทียนอวี้ไฉอับอายยิ่งนัก “ฉันถอนคำพูดก็ได้ ฉันอวดดีเกินไป...ทักษะด้านเครื่องกลของคนยักษ์เหล่านี้มีประโยชน์มากจริงๆ”

หลินเซวียนสาวเท้าไปเบื้องหน้าและเอ่ยออกมาอย่างสบายๆ “พวกเขาเรียกว่าเผ่าสมุทร”

“เผ่าสมุทร? ฉันจะจำเอาไว้” เทียนอวี้ไฉตามไปติดๆ

อย่างไรก็ตามหลังจากเดินมาได้เพียงไม่กี่ก้าวคนทั้งสองก็ต้องหยุดเดิน

หลินเซวียนจนใจยิ่งนัก

เทียนอวี้ไฉมองไปที่เหล่าเครื่องกลราวกับเธอกำลังมองหนุ่มหล่อก็ไม่ปาน

ดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับและกระโจนเข้าใส่พวกมันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

เขาต้องเข้าไปลากเธอออกมาหากแต่หลังจากฉุดดึงฉุดลากกันมาเรื่อยๆนั้นพวกเขาก็ค่อยๆเข้าสู่เขตราชวงค์ของเมืองเขตราชวงค์โดยไม่รู้ตัว

ส่วนอาคารก่อนหน้านี้นั้นหลินเซวียนเดาว่าน่าจะเป็นบ้านของเหล่าขุนนาง

ราชวังนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นที่อยู่อาศัยของราชันย์สมุทร

“ในราชวังต้องมีเครื่องกลที่ดีกว่านี้แน่ ไปเถอะ! เข้าไปดูข้างในกัน!” เทียนอวี้ไฉเอ่ยอย่างไม่อดทน

หลินเซวียนยิ้มและตามไปติดๆ

หากแต่ยิ่งเขาเข้ามาลึกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างคนชั้นบนกับคนชั้นร่างของเผ่าสมุทรมากขึ้นเท่านั้น

เครื่องกลอันเป็นเทคโนโลยีระดับสูงนั้นมีเพียงตระกูลราชวงค์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติได้ใช้งานภายในเผ่าสมุทร

หลินเซวียนไม่เห็นร่องรอยของเครื่องกลใดๆเลยที่เขตเมืองชั้นนอกและชั้นใน

หลังจากเข้ามาในเขตเมืองราชวงค์เขาพบว่ากระทั่งเครื่องมือสื่อสารที่นี่ยังหาพบได้ทั่วไป

คนระดับสูงและระดับต่ำแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อำนวยการเขตที่6ของเมืองชั้นนอกเขียนจดหมายลาตายไว้ว่าความรุ่งโรจน์ของเผ่าสมุทรดำเนินมาถึงทางตันแล้ว

กระทั่งต่อให้น้ำทมิฬจากทะเลดำไม่ปรากฏไม่นานเผ่าสมุทรก็คงล่มสลายลงด้วยตัวมันเอง

คนทั้งสองเดินเข้าสู่โถงกว้าง

อย่างไรก็ตามที่แห่งนี้นั้นมีห้องหับอยู่มากมายและพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าควรจะเริ่มที่ตรงไหน

ส่วนเทียนอวี้ไฉนั้นเธอไม่เข้าใจภาษาของเผ่าสมุทรหรือรู้ว่าห้องไหนมีเครื่องกลมากกว่ากันอยู่แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด