ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 445 เปลวไฟแห่งโทสะ
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 445 เปลวไฟแห่งโทสะ
"ทันใดนั้นก็เห็น...โคมไฟวิญญาณ...โคมไฟวิญญาณขอกึ่งจักรพรรดิเซียนสองคนจากโลกตำลึงเงินและใต้เท้าหยวนจี๋..."
"โคมไฟวิญญาณอะไรกัน? มีอะไรก็พูดมาเร็วเข้า"
เห็นศิษย์ผู้นั้นอ้ำอึ้ง
ผู้อาวุโสใหญ่จึงเริ่มมีโทสะ
ศิษย์ผู้นั้นดูวิตกกังวล สุดท้ายก็เอ่ยปาก "ดับแล้ว!"
สิ้นคำกล่าว ผู้คนมากมายที่รีบรุดมาจากทุกสารทิศ ได้ยินคำรายงานของศิษย์ผู้นั้น
ดวงตาทั้งสองข้างของพวกเขาก็บ่งบอกถึงความตกตะลึง
แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แต่สีหน้าของเขาก็ดูกระวนกระวาย
"เกิดเรื่องอันใดขึ้น?"
เพราะความตื่นเต้น ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ ศิษย์ที่อยู่เบื้องหน้าเขามิอาจต้านทานได้ จึงคุกเข่าลงกับพื้น โลหิตไหลออกมาจากทั้งเจ็ดรู
เห็นสถานการณ์ของศิษย์ผู้นั้น ผู้อาวุโสใหญ่จึงรู้ว่าตนเองเสียกิริยา
เขารีบเก็บพลังของตนเองเอาไว้ในทันที
โชคดีที่ผู้อาวุโสใหญ่เก็บพลังได้ทันเวลา มิเช่นนั้น ศิษย์ที่อยู่เบื้องหน้าเขา คงต้องตาย ณ ที่แห่งนี้
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสใหญ่โบกมือ นำศิษย์ผู้นั้น เดินทางไปยังตำหนักโคมไฟวิญญาณ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์
เมื่อทุกคนมาถึงตำหนักโคมไฟวิญญาณ พวกเขาก็เห็นโคมไฟวิญญาณสามดวงดับลง
เรื่องนี้ คงจะไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้เขาได้ห้ามปรามหยวนจี๋มิให้ออกไป
แต่ไม่คิดเลยว่า เขากลับกล้าลอบออกไป และตอนนี้ เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับจักรพรรดิเซียนตำลึงเงินอย่างไร
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร
จักรพรรดิเซียนตำลึงเงิน แม้ว่าภายนอกจะดูอ่อนโยน แต่ภายในกลับเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
หลายปีมานี้ ไม่เคยมีโทสะ แต่ครั้งนี้ เกรงว่าเขาจะต้องคลุ้มคลั่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็ตัวสั่น
แม้ว่าตบะของเขาจะอยู่ในระดับกึ่งจักรพรรดิเซียนระยะสูงสุด แต่เขาก็ยังไม่ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน
บางทีจักรพรรดิเซียนตำลึงเงินอาจจะสั่งประหารเขา
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้
แต่เรื่องราวก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับจักรพรรดิเซียนตำลึงเงิน
ณ ตำหนักเจ้าเมือง หลังจากที่มหาจักรพรรดิเฟิงตูจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น
เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก
เพียงแต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ได้ทิ้งปราณอเวจีของยมโลกเอาไว้
พร้อมกันนั้น เขายังสลักอักขระยมโลกสองตัวไว้บนร่างของคนทั้งสาม
เดิมที เจ้าเมือง บุตรสาว และชายชุดขาวต้องการกล่าวขอบคุณ
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่มหาจักรพรรดิเฟิงตูปลดปล่อยออกมา
พวกเขาก็ตัวหด
สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปใกล้
เพียงแค่โค้งคำนับจากระยะไกล
มหาจักรพรรดิเฟิงตูหันหลังกลับจากไป ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นแหวนเก็บของสามวงในมือของเขา นอกจากนี้ ยังคงมีสมบัติฟ้าดินมากมายถูกเขาเก็บเอาไว้
ครั้งนี้ เขาร่ำรวยยิ่งนัก
ไม่เพียงแต่ได้รับสิ่งตอบแทน
ยังได้รับสมบัติฟ้าดินมากมายเช่นนี้!
เกินความคาดหมายของจี๋อวิ๋น
เมื่อมีคนยินดี ก็ย่อมต้องมีคนโศกเศร้า
ในเวลานี้ เจ้าเมืองรู้ดีว่าเรื่องราวได้ใหญ่โตขึ้นแล้ว
โลกตำลึงเงิน คงจะส่งคนมาที่นี่ในไม่ช้า
ดังนั้น พวกเขาคงมิอาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
เขาจึงมองไปยังบุตรสาวของตน
"บุตรสาว พวกเจ้าทั้งสองจงรีบจากไปจากที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้อันตรายยิ่งนัก หากพวกเจ้ายังคงอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะต้องพบเจอกับหายนะ"
ได้ยินคำพูดของบิดา หญิงสาวผู้นั้นก็ไม่ยินยอม
แต่สุดท้าย ภายใต้การจัดการของเจ้าเมือง นางก็ถูกพาตัวออกไป
ณ โถงใหญ่ของจักรพรรดิเซียนชำระวิสุทธิ์
เขากับจักรพรรดิเซียนตำลึงเงินกำลังรอคอยผลลัพธ์การต่อสู้ระหว่างองค์กรโลหิตสังหารและยมโลก
แต่จักรพรรดิเซียนตำลึงเงินกลับได้รับข่าวสารจากโลกของตน
เมื่อได้ยินข่าวสารจากโลกตำลึงเงิน สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป
เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ก็แตกสลาย
กลิ่นอายอันน่ากลัวปกคลุมทั่วทั้งโถงใหญ่
จักรพรรดิเซียนชำระวิสุทธิ์ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
เหตุใดจักรพรรดิเซียนตำลึงเงินจึงคลุ้มคลั่งเช่นนี้
ในเวลานั้น จักรพรรดิเซียนตำลึงเงินประสานมือคารวะจักรพรรดิเซียนชำระวิสุทธิ์
"สำหรับเรื่องของยมโลกและองค์กรโลหิตสังหาร คงมิอาจรอคอยได้อีกต่อไป ข้าเพิ่งจะได้รับข่าวสาร ยมโลกได้ลงมือกับน้องชายของข้า ไม่เพียงเท่านั้น กึ่งจักรพรรดิเซียนอีกสองคนของโลกตำลึงเงินก็ต้องตาย และทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นฝีมือของยมโลก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ยมโลก...ก็ไม่จำเป็นต้องคงอยู่ต่อไป!"
จักรพรรดิเซียนตำลึงเงินมีหนวดเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก ในเวลานี้ หนวดของเขาชี้ตั้งขึ้น
สัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของจักรพรรดิเซียนตำลึงเงิน
จักรพรรดิเซียนชำระวิสุทธิ์ไม่รู้ว่าจะกล่าวเช่นไร
เขาไม่คิดมาก่อนว่า ก่อนที่เรื่องของยมโลกและองค์กรโลหิตสังหารจะจบลง ยมโลกกลับกล้าลงมือกับโลกตำลึงเงิน
ช่างบังอาจยิ่งนัก
"สหายเต๋า แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้ากำลังโศกเศร้า แต่ข้าต้องเตือนเจ้า เบื้องหลังของยมโลกมีผู้ใดอยู่ พวกเรายังไม่รู้ หากพวกเราลงมือก่อน เกรงว่าจะต้องเสียเปรียบ!"
จักรพรรดิเซียนชำระวิสุทธิ์กล่าวด้วยความหวังดี
พร้อมกันนั้น เขาก็ไม่ต้องการให้จักรพรรดิเซียนอีกคนต้องตาย
มิเช่นนั้น เขาคงต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่างเพียงลำพัง
"สหายเต๋าโปรดวางใจ เรื่องนี้ข้ามีวิธีการจัดการ เพียงแต่ตอนนี้ ยมโลกได้เหยียบย่ำข้า หากข้าไม่ตอบโต้ พวกเขาคงจะคิดว่าข้ายอมแพ้ เรื่องนี้ สหายเต๋าไม่จำเป็นต้องกล่าวอันใด ข้าตัดสินใจแล้ว!"
ได้ยินจักรพรรดิเซียนตำลึงเงินกล่าวเช่นนั้น
จักรพรรดิเซียนชำระวิสุทธิ์ก็รู้ดีว่าตนเองมิอาจกล่าวอันใดได้อีก
เขาทำได้เพียงพยักหน้า
"สหายเต๋า โปรดระมัดระวัง หากมีเรื่องใดที่ข้าสามารถช่วยเหลือได้ โปรดบอกกล่าว"
จักรพรรดิเซียนตำลึงเงินพยักหน้า ประสานมือแสดงความขอบคุณ
จากนั้นก็จากไป กลับไปยังโลกของตน
หลังจากที่เขากลับไป
โลกตำลึงเงินก็วุ่นวาย
ผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกตำหนิ
พร้อมกันนั้น เขาก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ หากน้องชายของเขาไม่ดื้อรั้น ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา ออกจากโลกตำลึงเงิน เรื่องราวเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
แท้จริงแล้ว เขาไม่รู้
เรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาควรจะขอบคุณหยวนจี๋
มิเช่นนั้น หากหยวนจี๋ยังคงอยู่ในโลกตำลึงเงิน จี๋อวิ๋นคงจะมาหาเรื่องเขา
หากมหาจักรพรรดิเฟิงตูมาถึงที่แห่งนี้ เกรงว่าจะต้องเกิดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่
กระทั่งอาจจะทำให้โลหิตนองแผ่นดิน แต่ตอนนี้ มีเพียงสามคนที่ตาย สำหรับโลกตำลึงเงินแล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
แต่จักรพรรดิเซียนตำลึงเงิน คงจะไม่คิดเช่นนั้น
เขาต้องการให้ยมโลกรู้ถึงความแข็งแกร่งของตน
ในเวลานี้ เขาตัดสินใจ เรียกผู้อาวุโสทั้งหมดของโลกตำลึงเงินให้ติดตามเขาไปยังยมโลก เพื่อทำลายล้างยมโลก
เมื่อผู้อาวุโสเหล่านี้รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็โกรธแค้น
ท้ายที่สุด พวกเขาคือโลกของจักรพรรดิเซียน
แต่ตอนนี้ กลับมีคนกล้ามาหาเรื่อง ราวกับกำลังท้าทายพวกเขา
ในขณะที่พวกเขากำลังโกรธแค้น
จักรพรรดิเซียนตำลึงเงินก็เอ่ยวาจาขึ้นมา
"ก่อนหน้านั้น จงนำร่างของหยวนจี๋กลับมา เขาได้เดินทางไปที่ใดก่อนจะตาย?"
ผู้อาวุโสใหญ่จึงก้าวออกมา
"ก่อนหน้านี้ ข้าได้ติดตามหยวนจี๋ พวกเราจะรีบเดินทางไปยังที่แห่งนั้น"
จักรพรรดิเซียนตำลึงเงินพยักหน้า