บทที่ 9
โชคร้ายที่ก่อนที่ผู้บัญชาการจะกดปุ่มลงไป มือที่แข็งแกร่งจับข้อมือของเขาไว้อย่างแน่นหนา เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบ เขารีบลืมตาขึ้นมาและพบภาพที่ทำให้ตกตะลึง
ลีออนที่เมื่อครู่ยังถูกรายล้อมด้วยเหล่าทหาร ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยตรง ไฟสปอตไลท์สูงด้านหลังทำให้ใบหน้าของลีออนดูพร่ามัว แต่ดวงตาสีทองของเขาส่องประกายด้วยแววตาเข้มข้นและแทบจะเป็นดั่งทวยเทพ ซึ่งทำให้ผู้บัญชาการรู้สึกเล็กลงทันที
ในชั่วขณะนั้น ผู้บัญชาการนิ่งงันด้วยความตกใจ ข้อมือซ้ายยังคงถูกลีออนจับไว้แน่น เขารีบดึงสติกลับมาและพยายามคว้าปืนด้วยมือที่ว่าง แต่ก่อนจะได้ชักมันออกมา เขาก็ถูกเข่าของลีออนกระแทกเข้าที่ท้องอย่างจัง ทำให้เขาหอบหายใจแทบไม่ออก
ปัง!
เสียงกระสุนดังขึ้นแต่กลับไม่โดนอะไรและแรงกระแทกจากเข่าของลีออนส่งผลให้ผู้บัญชาการกระตุกและล้มลงกับพื้นอย่างแรง เมื่อเขาทรุดลงไป ทหารไฮดราก็ได้สติกลับมา พวกเขาหันมาเตรียมโจมตี แต่สายตาของลีออนกลับเฉียบคมขึ้นในทันที
บึ้ม!
ในเสี้ยววินาทีนั้น ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งพลังอันเกรียงไกรแผ่พุ่งออกมาจากตัวลีออนกวาดผ่านทั้งฐานทัพราวกับการฟื้นคืนของเทพโบราณ วงแหวนสีเเดงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปในทุกทิศทาง
พลังอันล้นเหลือของลีออนแทบจะจับต้องไม่ได้ บดขยี้จิตใจของทุกคนในฐานให้ร่วงโรยไปในทันใด ดวงตาของเหล่าทหารที่เคยสว่างไสวกลับมืดหม่นและไร้แสง พวกเขาล้มลงหมดสติไปบนพื้น ความกดดันจากออร่าของลีออนส่งผลให้กำแพงและหอคอยของฐานร้าวแตก
นี่เป็นเหตุผลที่ลีออนกล้าบุกเข้าฐานไฮดราเพียงลำพัง แม้จะรู้ว่าฐานมีระบบทำลายตนเองอยู่ก็ตามเพราะเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาได้ฝึกวิชาฮาคิราชันจนเชี่ยวชาญซึ่งเหมาะสำหรับการโค่นล้มศัตรูจำนวนมากในครั้งเดียว
เมื่อปราบทุกคนในฐานเสร็จสิ้น ลีออนจึงเริ่มค้นหาของมีค่าด้วยความชำนาญ เขาไม่สนใจทรัพยากรทั่วไปอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เขามุ่งเน้นมีเพียงเอกสารลับ เงินและเทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้คือรางวัลอันล้ำค่า มูลค่าสูงกว่าทั้งฐานรวมกันเสียอีก ทว่าครั้งนี้โชคของลีออนไม่ค่อยดีนัก เขาไม่พบเทคโนโลยีขั้นสูงใดๆ แต่กลับพบสิ่งที่ไม่คาดคิดแทน สูตรของสารอาหาร
ในสายตาของลีออน สิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่า สารอาหารสูตรพิเศษนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขาสามารถรับมือกับการฝึกอันหนักหน่วงได้ทุกวันช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปีที่ผ่านมา พัฒนาการของเขาเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งก็เพราะสารอาหารนี้ สูตรนี้ไม่เพียงมีคุณค่าเฉพาะตัวเขาเท่านั้นแต่ยังมีความหมายต่อเด็กคนอื่นๆ ด้วย ด้วยสิ่งนี้ การพัฒนาของพวกเขาจะสามารถดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก
การเดินทางครั้งนี้จึงไม่ได้ไร้ค่า
หลังจากค้นหาฐานอย่างละเอียด ลีออนไม่พบตัวทดลองใดๆ แต่ก็พอใจกับสิ่งที่ได้มา เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาจึงแปลงร่างเป็นพลังงานบริสุทธิ์ พุ่งทะยานขึ้นฟ้าเป็นลำแสง ก่อนจากไปเขากดปุ่มจุดชนวนบนรีโมทที่แย่งมาได้
ตูมมม!
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วในยามค่ำคืน เปลวไฟขนาดมหึมาสว่างวาบขึ้น พวยพุ่งเป็นก้อนเห็ดขึ้นฟ้า ลีออนมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกลายเป็นแสงและหายลับไปในท้องฟ้ายามราตรี
ขณะเดียวกัน ที่หน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านเยคาเตรินเบิร์ก หญิงสาวร่างบางในเสื้อสเวตเตอร์สีเทาสวมฮู้ด มือหนึ่งถือร่ม อีกมือถือกระเป๋า กดกริ่งหน้าประตู
ติ๊งหน่อง!
เสียงแหลมสะท้อนผ่านความเงียบของอพาร์ตเมนต์ ฝีเท้าช้าๆเดินมาอย่างตั้งใจจากด้านใน ประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นชายหนุ่มผมสั้นสีดำปนน้ำตาล รูปร่างแข็งแรง เขาจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่พูดจา ก่อนจะก้าวหลบทางให้เธอเข้าไป หญิงสาวพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามา
ชายหนุ่มโน้มตัวเล็กน้อย มองแวบหนึ่งไปยังจุดหนึ่งบนถนนด้านนอกอย่างระแวดระวัง ก่อนจะปิดประตูตามหลังเธอ
ไฟภายในส่องแสงอบอุ่นเหนือห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งเพียงเล็กน้อย ใกล้ๆ หน้าต่างมีชายร่างสูงใหญ่ สูงประมาณ 1.8 เมตร สวมแจ็กเก็ตกันลมสีดำที่รัดแน่นเข้ากับกล้ามเนื้อเป็นมัด
“เธอพาแขกมาด้วยเยอะเลยนะ วานด้า” ชายผู้นั้นกล่าว หันมาจากหน้าต่างและก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่น น้ำเสียงแฝงด้วยความกังวลขณะมองหญิงสาวหยิบของในกระเป๋าออกมาใส่กล่องเหล็ก
หญิงสาวปลดฮู้ดออกเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนโยนและผมสีแดงสด วานด้านั่นเอง สองปีที่ผ่านมานำพาเธอจากความเยาว์วัยและความไม่แน่นอนสู่ความมั่นใจและความเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าของเธอสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงอันไม่ธรรมดาที่เธอผ่านพ้นมา
“นอกจากจะมีอันธพาลท้องถิ่นคอยสอดส่องแล้ว ยังมีกลุ่มไฮดราด้วย” วานด้ากล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม ขณะจัดเก็บเสบียงให้เรียบร้อย เธอเดินไปที่หน้าต่างกวาดตามองถนนด้านล่างแววตาของเธอฉายแสงแห่งความสงบและมั่นคง
“ดูเหมือนพวกเขาจะตามเราจนเจอในที่สุด”
ขณะนั้น ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องดูดกล่องนมในมือ วานด้าหันมามองพี่ชาย สายตาอ่อนโยนลงด้วยความรัก จากนั้นเธอหันไปหาชายร่างแกร่ง “เซอร์เก รถของเราพร้อมไหม”
“จอดอยู่ที่ลานจอดรถห่างไปสองถนน ได้มาจากตลาดมืด ไม่มีเครื่องติดตามเสบียงจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” เซอร์เกตอบพร้อมพยักหน้า
“ดี พิเอโตร เตรียมตัวและออกไปก่อนเลย เซอร์เกกับฉันจะจัดการกับคนที่คอยเฝ้าด้านนอกแล้วจะตามไป” วานด้ากล่าวอย่างหนักแน่น
พิเอโตรรู้สึกขัดใจเล็กน้อยและประท้วงขึ้นว่า “เฮ้ อย่าลืมสิ ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งสิบนาทีนะ จำได้ไหม”
วานด้ายิ้มออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรักแต่ก็หนักแน่น “รีบไปเถอะ”
เซอร์เกหัวเราะเบาๆ กับความสัมพันธ์พี่น้องที่อบอุ่นนี้ สองปีที่ผ่านมาพวกเขาเติบโตและสนิทสนมกันดั่งครอบครัว เขาเสริมด้วยรอยยิ้มล้อเลียน “ดูเหมือนวานด้าจะรับบทพี่สาวใหญ่ได้ดีมากเลยนะ”
พิเอโตรชูนิ้วกลางใส่เขาแต่กลับเจอสายตาจ้องมองอย่างจริงจังจากวานด้าอย่างเฉียบขาด ทำให้ต้องจำใจคว้ากล่องใบใหญ่ในมือ สูดหายใจลึกและในพริบตาเดียว สายลมแผ่วเบาพัดผ่านห้อง ร่างของพิเอโตรหายวับไปเร็วจนเซอร์เกกับวานด้าแทบจะไม่ทันได้สังเกต
“เจ้านั่นช่างเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ” เซอร์เกกล่าวอย่างประทับใจ
“ด้วยความเร็วของเขาและเทคนิคการใช้ปราณวายุ เขาเกือบจะเร็วเท่าบอสลีออนแล้ว”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” วานด้าตอบ สายตาอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงลีออนแต่ใบหน้าเธอก็พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อสัมผัสได้ว่ากลุ่มที่เฝ้าด้านนอกเริ่มเคลื่อนไหวเตรียมโจมตี
“พวกโลภมาก” เธอพึมพำ
“เซอร์เก ถึงเวลาจัดการพวกนั้นแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาเซอร์เกเปลี่ยนเป็นยิ้มเย็นเยียบ “ผมรอเวลานี้อยู่นานแล้ว”