บทที่ 60 สาวกเทพอสูร
บทที่ 60 สาวกเทพอสูร
ลู่หยางจ่ายเงิน 5 เหรียญเงินเพื่อทำการซื้อเสื้อคลุมสปอร์แล้วทำการเปลี่ยนไปใส่เสื้อคลุมใหม่ในทันที และเมื่อเขาได้มองไปยังหน้าต่างสถานะ เขาก็ได้พบว่าขณะนี้พลังโจมตีเวทเพิ่มขึ้นมาเป็น 191 หน่วยแล้ว
จากนั้นชายหนุ่มก็ได้ใช้คัมภีร์ย้อนกลับเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์อีกครั้ง โดยในช่วงเริ่มเกมคัมภีร์ย้อนกลับ 1 ม้วนมีราคาเพียงแค่ 30 เหรียญทองแดง แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่เกมเปิดระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา ในเวลานั้นคัมภีร์ย้อนกลับจะเพิ่มราคาสูงถึงม้วนละ 1 เหรียญทองและจำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาร่าย 5 วินาทีอีกด้วย
แต่นั่นเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และในตอนนี้เขาก็สามารถนำคัมภีร์ย้อนกลับมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองได้ก่อน
ระหว่างที่ลู่หยางกำลังเก็บไอเท็มใส่กระเป๋า ฉือมู่ก็ทำการติดต่อเข้ามาหาเขา
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะกดปุ่มเพื่อรับสาย
“ไม่ทราบว่าหัวหน้ากิลด์ฉือมู่มีอะไรงั้นเหรอครับ?”
ตอนนี้ฉือมู่ได้ฟังรายงานจากชิงเฟิงจบแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งใจว่า
“น้องชาย คราวนี้นายได้ช่วยฉันเอาไว้อย่างมหาศาลเลย ภายใน 1 สัปดาห์สมาชิกภายในกิลด์ของฉันคงจะมีอุปกรณ์ระดับเงินได้มากกว่า 3,000 คน ความช่วยเหลือของนายคงจะทำให้กิลด์ของฉันนำหน้ากิลด์อื่น ๆ ไปได้ไกลเลยทีเดียว”
ในกิลด์ของฉือมู่มีผู้เล่นมืออาชีพอยู่อย่างมากมาย และการพยายามลอกเลียนแบบเทคนิคที่ลู่หยางใช้ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลามากมายอะไรขนาดนั้น
แน่นอนว่ากิลด์ขนาดใหญ่อื่น ๆ ย่อมมีผู้เล่นมืออาชีพเช่นนี้อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ท้ายที่สุดการที่ลู่หยางเลือกเปิดเผยข้อมูลให้กับชิงเฟิงจึงทำให้ฉือมู่ต้องโทรมาขอบคุณด้วยตัวเอง
“คุณไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจ เพราะว่าผมก็ขอให้ชิงเฟิงมาช่วยงานผมเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว
“ชิงเฟิงบอกฉันแล้วว่าเฮ่ยเจียคือลูกน้องของนาย ตราบใดก็ตามที่มีเขาอยู่คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือจากชิงเฟิงด้วยซ้ำ น้องชายฉันจะจดจำเรื่องราวในคราวนี้เอาไว้ หากในอนาคตนายต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ขอให้ติดต่อฉันมาได้เลย” ฉือมู่กล่าว
“ถ้ามีโอกาสในอนาคตผมจะขอความช่วยเหลือจากคุณแน่นอน” ลู่หยางตอบ
ความจริงสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการก็คือคำพูดเมื่อสักครู่ของชายชรา เพราะอีกไม่นานเขาจะทำการก่อตั้งกิลด์ของตัวเอง และในเวลานั้นหากเขามีพันธมิตรที่ดีอย่างเพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่ มันก็จะทำให้เรื่องต่าง ๆ สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
หลังจากทั้งคู่พูดคุยกันอีก 2-3 ประโยค ลู่หยางก็วางสายพร้อมกับขนย้ายไอเท็มจนเต็มกระเป๋า
ต่อมาชายหนุ่มก็ทำการขนย้ายวัตถุดิบไปส่งมอบให้กับหมู่บ้านสปอร์เรื่อย ๆ จนทำให้ค่าชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นมาจนอยู่ในระดับเทิดทูน ซึ่งมันก็หมายความว่าในตอนนี้เขาสามารถซื้อหนังสือสกิลสกิลสคอร์ชิ่งสปีดได้แล้ว
สกิลสคอร์ชิ่งสปีด
ประเภท เวทมนตร์ธาตุไฟ
มานาที่ต้องใช้ 30
เวลาร่าย ทันที
รายละเอียด หลังจากใช้สกิลจะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้เล่นเพิ่มขึ้น 100% เป็นเวลา 30 วินาที คูลดาวน์ 5 นาที
นี่คือสกิลที่ลู่หยางชอบใช้มากที่สุดในระหว่างการ PK และเมื่อมันได้คอมโบเข้ากับสกิลเบลซซิงเบิร์สที่มีคูลดาวน์เพียงแค่ 0.5 วินาที มันก็จะช่วยให้เขาสามารถจัดการกับศัตรูได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มจ่ายเงิน 5 เหรียญเงินเพื่อทำการซื้อหนังสือสกิลก่อนที่จะเรียนรู้ในทันที
ระบบ: คุณได้เรียนรู้สกิลสคอร์ชิ่งสปีดแล้ว
ลู่หยางเปิดหน้าต่างของระบบพร้อมกับเลือกใช้งานสกิลที่ได้รับมาใหม่จนทำให้มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากเท้าทั้งสองข้างของเขา
ระบบ: คุณได้ใช้สกิลสคอร์ชิ่งสปีด ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นเป็น 650 หน่วย
ผู้เล่นมีความเร็วในการวิ่งเริ่มต้นอยู่ที่ 325 หน่วยหรือเทียบเท่ากับมนุษย์วิ่งปกติได้ 4 เมตรต่อวินาที ขณะเดียวกันความเร็ว 650 หน่วยก็เทียบเท่าได้กับมนุษย์ที่วิ่งได้ในความเร็ว 8 เมตรต่อวินาที ซึ่งมันก็ช้ากว่ายูเซน โบลต์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติมนุษย์ที่วิ่งได้อย่างรวดเร็วที่สุดเพียงแค่ 2 เมตรต่อวินาทีเท่านั้น
ชายหนุ่มทดลองวิ่งรอบหมู่บ้านสปอร์แต่ก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมาอย่างเงียบ ๆ อยู่คนเดียว เพราะในชาติก่อนเขาสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่านี้เป็นเท่าตัว แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกเดียวกันกับในชาติก่อนได้เลย
หลังจากหยุดฝีเท้าลู่หยางก็ได้หยิบคัมภีร์ย้อนกลับออกมาอีกครั้ง พร้อมกับทำการขนย้ายดาร์คสไปเดอร์ซิลค์และลูมินัสเอเลเมนท์ต่อไป
ผู้ใหญ่บ้านสปอร์รับไอเท็มภารกิจจากเขาไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ จนกระทั่งในรอบที่ 6 ที่ลู่หยางทำการส่งมอบไอเท็มครบทั้ง 600 ชุด
ระบบ: คุณได้รับค่าชื่อเสียงในหมู่บ้านสปอร์ 60 หน่วย
ค่าชื่อเสียงของคุณในหมู่บ้านสปอร์อยู่ในระดับบูชา
ผู้ใหญ่บ้านสปอร์เงยหน้ามองลู่หยางพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอันนอบน้อมว่า
“ท่านนักรบขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำให้กับหมู่บ้านของเรา ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรดี นี่คือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในหมู่บ้านของเรา หวังว่าท่านจะชอบมัน”
ระบบ: คุณได้รับชิ้นส่วนพลังเทพอสูร
ลู่หยางมองชิ้นส่วนพลังงานสีแดงเพลิงในกระเป๋าพร้อมกับกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
หลังจากตัวเกมเปิดให้บริการมาเพียงแค่ 3 วัน เขาก็สามารถรวบรวมไอเท็มสำหรับอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูรได้จนครบแล้ว ซึ่งนั้นก็หมายความว่าหลังจากนี้เขาสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้อย่างแท้จริง
“ขอบคุณสำหรับของขวัญครับ” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะใช้คัมภีร์ย้อนกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์ในทันที จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังเขตสลัมซึ่งอยู่บริเวณทางทิศใต้ของเมือง
เขตสลัมเป็นที่อยู่ของประชากรชั้นล่างภายในเมืองเซนต์กอลล์ สภาพแวดล้อมในบริเวณนี้จึงถือว่าย่ำแย่อย่างมาก บนท้องถนนเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก แม้แต่บ้านเรือนก็อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างทรุดโทรม
ทันทีที่ลู่หยางเดินเข้าไปในสลัม เขาก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนโดยรอบในทันทีและมันก็มี NPC โจรหลายคนที่กำลังจดจ้องมายังกระเป๋าของเขา
ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจผู้คนเหล่านี้และเดินตรงไปยังพื้นที่กลางสลัม จากนั้นเขาก็ได้พบบ้านหลังหนึ่งที่สร้างขึ้นมาจากหินแกรนิต
ผนังด้านนอกของอาคารบ่งบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้รับการดูแลมาเป็นเวลานานแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปเคาะประตูพร้อมกับส่งเสียงเรียกขึ้นมาว่า
“มีใครอยู่ไหมครับ?”
“ไสหัวไปซะ!” เสียงคำรามดังขึ้นมาจากในบ้าน
หากเป็นผู้เล่นโดยทั่วไปพวกเขาก็คงจะถอยกลับหลังจากถูกเสียงตวาดไปแล้ว ซึ่งในชาติก่อนตอนที่ชายหนุ่มมายังสถานที่แห่งนี้เขาก็มีเลเวลมากกว่า 100 เขาจึงไม่กลัวอะไรและกล้าที่จะเคาะประตูต่อไปอย่างเฉยเมย
“ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหมครับ? ผมอยากจะขอพบท่านคาห์น สาวกแห่งเทพอสูรเปลวเพลิงสักครู่” ลู่หยางกล่าว
ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับชายชราในชุดผ้าหยาบหนาสีแดงวิ่งเข้ามาหาลู่หยางด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้าเป็นใคร?”
“ไม่เชิญผมเข้าไปทางด้านในก่อนเหรอครับ?” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มสามารถจดจำคาห์นได้ในทันที เพราะในชาติก่อน NPC ที่เขาพบเจอบ่อยมากที่สุดนั่นก็คือชายชราคนนี้นี่แหละ
“เอาล่ะเข้ามาก่อนสิ” คาห์นกล่าวหลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองลง
ลู่หยางเดินผ่านประตูเข้าไปยังด้านในและจดจำได้เลยว่าในชาติก่อนกว่าที่เขาจะหาสถานที่แห่งนี้ได้ มันก็จำเป็นจะต้องผ่านการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุดเมืองเซนต์กอลล์มาอย่างหนัก
สภาพภายในยังคงเหมือนเดิมทุกประการ โดยมันเป็นห้องเปล่า ๆ และหินสีดำที่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ
คาห์นปิดประตูพร้อมกับจ้องมองไปทางลู่หยาง
“บอกมา ใครบอกเจ้าว่าคาห์นคือสาวกของเทพอสูรเปลวเพลิง!?”
ลู่หยางไม่พูดอะไรแต่หยิบหัวใจแห่งเทพอสูรออกมาวางไว้ตรงหน้าชายชรา
“ลองดูสิว่านี่คืออะไร”
“นี่มัน... หัวใจของนายท่าน! ทำไมเจ้าถึงมีของสิ่งนี้ได้” คาห์นอุทานออกมาอย่างตกใจจนหน้าซีด
“นี่คือของขวัญที่เทพอสูรมอบให้กับผม” ลู่หยางตอบ
“นายท่านของข้ายังไม่ตาย! นายท่านยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่านายท่านอยู่ที่ไหน?” คาห์นหัวเราะขึ้นมาอย่างดีใจ
“ตอนนี้คุณยังไปพบกับเขาไม่ได้หรอก” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ท้ายที่สุดในตอนนี้เทพอสูรเปลวเพลิงก็ยังคงถูกจองจำและเขาก็ไม่อยากให้ใครได้ไปพบกับเทพอสูรในตอนนี้ เพราะมันถือเป็นการลบหลู่ศักดิ์ศรีของเทพองค์นั้น
ว่าแต่ รู้สึกเหมือนเราลืมอะไรไปไหมนะ อืม…ช่วยคิดหน่อย