บทที่ 55 กระโดดหน้าผา
บทที่ 55 กระโดดหน้าผา
ชายในชุดหนังสัตว์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ “พวกเจ้าสองคนฟังให้ดีนะ ที่พวกเรานี่มีนักยิงธนูยี่สิบคน อีกทั้งยังมีนักสู้ฝีมือแข็งแกร่งอีกห้าคน
พวกเจ้าคิดให้ดีว่ามีโอกาสชนะมากแค่ไหน หรือมีโอกาสรอดชีวิตเท่าไร
ข้าขอแนะนำว่าพวกเจ้าอย่าฝืนสู้เลย ออกมามอบตัวเสียเถอะ ข้ารับรองว่าจะไม่ฆ่าคนที่ยอมจำนน”
นี่เป็นคำขอให้ยอมแพ้!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หม่าอวี่ถังมองมาทางฟางจือสิงแล้วกระซิบว่า “พี่ฟาง ไอ้พวกนี้มันพูดจาไร้สาระ อย่าไปหลงกลมันเชียว”
ฟางจือสิงระวังตัว โผล่หัวขึ้นมาสำรวจหาตำแหน่งนักยิงธนูแต่ละคน
ด้วยความเร็วในการยิงของเขา บวกกับทักษะการระเบิด [การยิงโค้ง] ที่ทำให้สับสนได้
หากเหล่าโจรน้ำนี้ใช้เวลาในการตอบสนองสักสามวินาที เขาน่าจะยิงจัดการพวกมันได้อย่างน้อยหกถึงเจ็ดคนในทันที
หากโชคดี ก็อาจจะฆ่าได้ถึงสิบคนในการโจมตีครั้งเดียว
“ไม่ว่าข้าจะฆ่าพวกมันได้กี่คน เหล่าโจรน้ำพวกนี้ถ้าเกิดเสียชีวิตขึ้นมาก็ต้องตื่นตระหนก ทำให้ข้ามีโอกาสหลบหนีได้”
ฟางจือสิงคิดในใจ
ขณะนั้น เสี่ยวโก่วส่งเสียงในใจถามว่า “สู้หรือหนี?”
ฟางจือสิงเหล่มองเสี่ยวโก่ว แล้วจู่ๆ ก็ตระหนักถึงปัญหาที่สำคัญ
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ เขาแทบจะไม่มีทางหนีรอดไปได้เลย
แต่เสี่ยวโก่วไม่เหมือนเขา!
สำหรับเสี่ยวโก่วแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นทางตันเลย
เสี่ยวโก่วยังมีสามชีวิต สามารถกระโดดหน้าผาหลบหนีเมื่อไรก็ได้ และ เกือบแน่ใจว่าจะรอด
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฟางจือสิงจึงถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“เจ้าคิดว่าข้ามีโอกาสหนีรอดหรือ?”
เสี่ยวโก่วตอบกลับ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าไอ้พวกโจรน้ำนี้โกหกหรือเปล่า ถ้าพวกมันมีนักสู้ฝีมือแกร่งห้าคน
และนักยิงธนูยี่สิบคนจริงๆ เจ้าคงเสี่ยงอันตรายแน่”
ฟางจือสิงหันหน้ากลับ “วางใจเถอะ แม้ข้าจะต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะปกป้องเจ้าให้รอด”
เสี่ยวโก่วพึมพำอย่างหงุดหงิด
“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง! เจ้าเดินอยู่ดีๆ ยังมีโชคร้ายเจอพวกโจรน้ำ ข้าถามจริงๆ ว่าไปทำลายหลุมศพบรรพบุรุษใครมาหรือ?”
ฟางจือสิงจ้องตาเขม็งแล้วพูดว่า “เลี้ยงเจ้ามาก็ไม่มีประโยชน์อะไร เหตุใดเจ้าถึงไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่ามีพวกโจรน้ำพวกนี้อยู่?”
เสี่ยวโก่วแยกเขี้ยวแล้วด่ากลับ “เจ้านี่มันเหมือนโคนันจริงๆ ไปที่ไหน ที่นั่นมีแต่เรื่องซวย!”
ฟางจือสิงยิ้มเย็นชา “พูดเหลวไหล! ถ้าข้าเป็นโคนัน เจ้าก็ต้องเป็นโคโกโร่ ไม่ว่าไปไหนก็มีแต่คนตาย แถมยังเป็นพวกไร้ประโยชน์!”
เสี่ยวโก่วโมโหสุดขีด แต่กลับหัวเราะแล้วพูดว่า “ด่าต่อไปเถอะ จะด่าแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าข้าถูกฆ่า ข้าก็แค่ล้มลงแกล้งตาย ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะรอดยังไง!”
ในตอนนั้นเอง หม่าอวี่ถังก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ขอบหน้าผา ยื่นหัวลงไปดูเบื้องล่าง
ด้านล่างคือแม่น้ำเชี่ยวกราก น้ำเชี่ยวไหลแรง แต่หน้าผามีความสูงอย่างน้อยสิบห้าเมตร
หม่าอวี่ถังมีสีหน้าขึงขัง แล้วพูดว่า “พี่ฟาง เราลองกระโดดหน้าผากันเถอะ”
ฟางจือสิงเลิกคิ้ว “ความลึกของแม่น้ำไม่แน่นอน หากเบื้องล่างมีหินอยู่ การกระโดดลงไปก็เท่ากับตายแน่”
หม่าอวี่ถังยักไหล่ “แต่ก็คงต้องเสี่ยงดูแล้วล่ะ”
ขณะที่พูดนั้น เหล่าโจรน้ำก็เริ่มเคลื่อนไหว นักยิงธนูยี่สิบคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละสิบคน ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางซ้าย และ ขวา
หากพวกมันหาองศาที่เหมาะได้ ก็จะสามารถโจมตีฟางจือสิง และ หม่าอวี่ถังจากทั้งสองด้านพร้อมกันได้
นักสู้ที่ผ่านการฝึกฝนย่อมแข็งแกร่ง และ มีพลังเหนือกว่าคนทั่วไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้านอาวุธได้ทุกอย่าง
ลูกธนูยังคงเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาอย่างยิ่ง
เฉินอวี้เซิงในระดับด่านพญางูใหญ่ก็ยังเคยถูกฟางจือสิงยิงธนูสังหารมาแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น หม่าอวี่ถังมีสีหน้ากังวล เขาสูดหายใจลึกแล้วพูดอย่างจริงจัง “พี่ฟาง เรื่องความเป็นความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา ข้าขอกระโดดก่อนล่ะ!”
เขายังไม่ทันพูดจบดี ก็วิ่งขึ้นพร้อมกระโดดแล้วทิ้งตัวลงไปทันที
“เฮ้ย เจ้าหมอนี่บ้าชะมัด!”
เสี่ยวโก่วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ฟางจือสิงรีบชะโงกมองลงไป เห็นหม่าอวี่ถังกำลังร่วงลงสู่แม่น้ำเบื้องล่าง
ตูม!
เกิดเป็นละอองน้ำขนาดใหญ่กระจายออกมา แม่น้ำไหลเชี่ยว น้ำขุ่น และ เป็นฟองสีขาว
ฟางจือสิงจ้องมองลงไปพยายามมองหา แต่ก็ไม่เห็นหม่าอวี่ถังลอยขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่ากระโดดลงไปแล้วตาย?”
เสี่ยวโก่วก้มลงมองจากขอบหน้าผา แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของหม่าอวี่ถัง
มันคิดในใจ “ความสูงขนาดนี้ เขาอาจสลบไปเพราะกระแทกน้ำ แล้วถูกกระแสน้ำพัดหายไป”
ฟางจือสิงสีหน้าสงบนิ่ง แต่สายตาฉายแววกังวล
ทันใดนั้น เสี่ยวโก่วก็ส่งเสียงในใจเตือน “แย่แล้ว พวกมันกำลังอ้อมมาด้านหลังเรา”
นักยิงธนูสิบคนเคลื่อนตัวมายังด้านหลังอย่างรวดเร็ว และ อีกไม่นานพวกมันก็จะหามุมยิงที่เหมาะสมได้
ส่วนด้านหน้า นักยิงธนูสิบคนยังหาที่ซุ่มยิงไม่เสร็จ
ในป่านั้นเองก็มีคนซุ่มมองอยู่เช่นกัน
ฟางจือสิงกัดริมฝีปากแน่นแล้วพูดเสียงเข้ม “ดูท่าคงต้องสู้สุดกำลังแล้ว”
เขาหยิบถุงผงปูนขาวสามถุงออกมา
โชคดีที่ถุงพวกนี้ห่อด้วยผ้าเคลือบน้ำมันกันน้ำ จึงไม่เปียกเมื่อตกน้ำมาก่อนหน้านี้
ฟางจือสิงหยิบถุงผงปูนขาวหนึ่งถุงขว้างไปด้านหน้า
จากนั้นเขาหยิบถุงที่สองขว้างไปยังทางด้านป่า
ลมพัดเบาๆ ทำให้ผงปูนขาวฟุ้งกระจาย กลายเป็นม่านหมอกบดบังทัศนวิสัยในสองทิศทาง
ฟางจือสิงหมอบลงเล็กน้อย ยกธนูขึ้น เล็งไปที่ศัตรูด้านหลัง และ ยิง!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ลูกธนูยิงต่อกันอย่างรวดเร็ว ความเร็วถึงสองดอกต่อวินาที
หลังจากสามวินาที มีศัตรูหกคนถูกยิง
“ระวังตัว!”
เสียงตะโกนด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นจากฝั่งศัตรู และ ต่างก็พากันหาที่กำบังอย่างลนลาน
ฟางจือสิงหรี่ตาลง จับจ้องเส้นทางการเคลื่อนที่ของศัตรูอีกสี่คนที่เหลือ
ฟึ่บ!
เขายิงธนูพุ่งทะลุหลังชายในชุดหนังสัตว์ที่กำลังหาที่หลบ ทำให้เขาล้มลงพร้อมเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
อีกสามคนที่เหลือรีบหลบไปอยู่หลังหินบ้าง หลบต่ำจนมองไม่เห็น
ฟางจือสิงยังคงตั้งสมาธิ หาตำแหน่งที่คาดว่าศัตรูจะซ่อนตัว
“ทักษะการระเบิด: การยิงโค้ง!”
เขายิงธนูสามดอกติดกันเป็นแนวโค้งไปยังตำแหน่งที่คาดไว้
“อ๊าก!” “อ๊าก!”
เสียงร้องสองเสียงดังขึ้นอย่างเจ็บปวด แสดงว่ามีสองคนถูกธนูเจาะเข้าเป้า
อย่างไรก็ตาม มีอีกคนหนึ่งโชคดีรอดไปได้
ผ่านไปเจ็ดวินาที หมอกผงปูนขาวเริ่มจางลง
“เสี่ยวโก่ว จับตาดูด้านหลังข้าไว้”
ฟางจือสิงส่งเสียงในใจ จากนั้นเขาไม่สนใจศัตรูที่เหลือด้านหลังแล้ว หันกลับมาเล็งไปยังนักยิงธนูอีกสิบคนข้างหน้า
“ได้เลย!” เสี่ยวโก่วตอบรับพร้อมกระโดดไปเฝ้าด้านหลังฟางจือสิง
ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนจากศัตรูข้างหน้าก็ดังขึ้นสี่คนในคราวเดียว
ฟางจือสิงยิงรวดเดียวสี่ดอกโดนเป้าทั้งสี่คน
“หลบเร็ว!”
เหล่าโจรน้ำเริ่มรู้ตัว ต่างพากันวิ่งหลบหรือหาที่ซ่อน
ฟางจือสิงไม่สามารถจับเส้นทางการเคลื่อนที่ของศัตรูทั้งหกคนได้ เขาจึงเลือกเล็งไปที่คนหนึ่ง เห็นว่าชายคนนั้นหลบไปอยู่หลังต้นไม้
เขายกธนูขึ้นอีกครั้งแล้วยิงไป
“อ๊าก~”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ขณะที่เงาคนร่างหนึ่งล้มลงจากด้านหลังต้นไม้
ฟางจือสิงหันไปมองศัตรูคนอื่น แต่พวกมันทั้งหมดก็หาที่หลบจนไม่สามารถเล็งได้ชัด
ความเงียบกลับคืนมา
ไม่นานก็มีเสียงตะโกนจากฝั่งป่า “พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
มีเสียงตอบจากด้านหลัง “เก้าคนโดนธนูเหลือข้าคนเดียว”
มีคนตอบจากด้านหน้า “ห้าคนโดนธนู อีกห้าคนปลอดภัย”
ป่าฝั่งนั้นเงียบลง
สักพัก ชายในชุดหนังสัตว์ก็กัดฟันพูดด้วยเสียงแค้น “ไอ้หนู เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าประเมินเจ้าต่ำไป!”
ฝีมือยิงธนูของฟางจือสิงแม่นยำไร้ที่ติ ทำให้พวกโจรน้ำถึงกับอึ้งไป
..........