ตอนที่แล้วบทที่ 278 ข้าฆ่าตัวข้าเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 280 ข้ายังอยู่ ข้ายังอยู่

บทที่ 279 อาตมาไม่ยอม


"เจ้ากลับไปแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้ส่งเดช" ซื่อเฟยเจ๋อบินอยู่เหนือทุ่งหิมะ พูดกับย่านกแก้วที่เกาะอยู่บนบ่า

"เอ๊ะ! เจ้าปล่อยให้ข้ากลับไป ไม่ปิดปากข้าหรือ?" ย่านกแก้วเอียงหัวถาม

"ทำไมข้าต้องปิดปากด้วย นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!" ซื่อเฟยเจ๋อส่ายหน้าพูด

"นี่มันความลับยิ่งใหญ่ที่จะพลิกผันยุทธภพนะ!" ย่านกแก้วพูด "คนที่รู้เรื่องนี้ต้องตายหมด!"

"......" ซื่อเฟยเจ๋อหัวเราะเบาๆ พูดว่า "อีกสิบกว่าปี ข้าจะเอาเรื่องนี้ใส่ไว้ในตำราประวัติศาสตร์! ต้องเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง!"

"หา?" ย่านกแก้วไม่คิดว่าซื่อเฟยเจ๋อจะคิดเช่นนี้

"ประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่ทุกคนในอดีตมีส่วนร่วม มันไม่ได้เป็นของคนส่วนน้อย และไม่ใช่แค่คนส่วนน้อยที่มีสิทธิ์รู้ ทุกคนควรรู้ประวัติศาสตร์และมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์" ซื่อเฟยเจ๋อพูด

"นี่คือมุมมองประวัติศาสตร์ของทุกคน ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงเพราะการมีส่วนร่วมของทุกคน"

"หา??" ย่านกแก้วหันมามองซื่อเฟยเจ๋อ นางพบว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น

"คนหนุ่ม ช่างมีความมุ่งมั่นจริงๆ! ถ้าย่าอ่อนกว่านี้สักพันปี คงหลงรักเจ้าแล้วกระมัง!" ย่านกแก้วทำเสียงจ๊ิจ๊ะพูด

"......"

"ข้าได้ยินอาเฉวียนบอกว่า หยางโจวแปลกและน่าสนใจ จริงหรือไม่?" ย่านกแก้วกลอกตาถาม (อาเฉวียน หรือ เฟิงชิงเฉวียน คนที่อยู่กับปู่ม้า -ผู้แปล)

"จะว่าน่าสนใจก็ไม่เชิง แต่ก็ดีกว่ายุทธภพอยู่มาก" ซื่อเฟยเจ๋อตอบ

"งั้นย่าไปหยางโจวกับเจ้าด้วยกันเถอะ!" ย่านกแก้วพูด "คิดว่าที่หยางโจวคงไม่มีนกอดตายหรอก"

"ที่หยางโจว ถ้าไม่ใช่คนขี้เกียจ ก็ไม่มีใครอดตาย" ซื่อเฟยเจ๋อพูด

"ดี ดี ดี! คนหนุ่ม พวกเราไปหยางโจวกัน!"

"ก่อนไปหยางโจว ข้าต้องแวะไปมณฑลหยงก่อน"

"ไปมณฑลหยงทำไม?"

"ไปชักชวนพระรูปหนึ่ง"

สองวันต่อมา เหลียวเฉินแห่งวัดพุทธหฤทัยในมณฑลหยงก็เห็นซื่อเฟยเจ๋อที่ถือศีรษะและกระดูกสันหลังของตัวเอง

ที่เอวของซื่อเฟยเจ๋อยังแขวนลูกกลมสีดำขนาดเท่าแตงโม เปล่งแสงสลัวๆ บนบ่าของเขามีนกแก้วขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง

ลูกกลมสีดำแผ่คลื่นรางๆ กดทับพลังวิญญาณของเขา

ระหว่างทาง ซื่อเฟยเจ๋อก็พอจะเข้าใจลูกกลมนี้แล้ว

วัสดุของลูกกลมคล้ายกับลูกแก้วมังกรและลูกแก้วมังกรน้ำ เป็นสสารพิเศษที่เกิดจากเทคโนโลยีชีวภาพ

ดังนั้น...เผ่ามังกรในทะเล รวมถึงลูกแก้วมังกรที่ฝากเจตจำนงไว้บนกำแพงมังกรทั้งเก้า ช่างน่าขบคิดจริงๆ

แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาศึกษาอย่างละเอียด ซื่อเฟยเจ๋อเตรียมจะกลับไปหยางโจวแล้วตั้งแผนกพิเศษขึ้นมา หานักเรียนที่สนใจด้านนี้สักไม่กี่คน ค่อยๆ วิจัย

วันเวลายังอีกยาวไกล เรื่องนี้ไม่ใช่จะวิจัยให้เข้าใจได้ในหนึ่งหรือสองปี

ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือรวมเก้ามณฑล ทำลายยุทธภพนี้

"พุทธบุตร ท่าน..." เหลียวเฉินมองศีรษะในมือซื่อเฟยเจ๋อ อดไม่ได้ที่จะพูด

เหมือนกันทุกประการ แม้แต่ขนคิ้วก็ไม่ขาดไปสักเส้น

"นี่คือสิ่งสนุกที่ข้าพบทางเหนือ" ซื่อเฟยเจ๋อถือศีรษะและกระดูกสันหลัง พูดว่า "เรื่องนี้พูดแล้วยาว"

เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนเหนือสุดคร่าวๆ

เหลียวเฉินฟังจนงุนงง ทั้งเรื่องนอกดาวเคราะห์ เรื่องหกเจ็ดพันปีก่อน เรื่องตัวทดลอง เรื่องตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่น เขาไม่เข้าใจเลย

แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาเข้าใจ คือเผ่าอมนุษย์อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตนอกโลกพวกนี้ ส่วนพวกเขาเป็นคนท้องถิ่น

คนท้องถิ่นขับไล่คนนอกไป สถาปนาราชวงศ์ จึงเกิดเป็นยุทธภพ

"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!" เหลียวเฉินพยักหน้า

เขารู้ว่าซื่อเฟยเจ๋อมีรสนิยมประหลาดอยู่บ้าง

"เจ้าเข้าใจแล้ว?" ซื่อเฟยเจ๋อพูดมาครึ่งค่อนวัน เห็นเหลียวเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง คิดว่าเขาเข้าใจแล้ว

"เข้าใจราวกับไม่เข้าใจ!" เหลียวเฉินตอบอย่างซื่อตรง

"......"

นั่นก็คือไม่เข้าใจน่ะสิ

ซื่อเฟยเจ๋อเข้าใจในทันที

"ท่านพิจารณาอย่างไรแล้ว?" ซื่อเฟยเจ๋อพูดตรงประเด็น

"......"

คราวนี้ถึงคราวเหลียวเฉินเงียบบ้าง

เขาค่อยๆ เดินเข้าไปในมหาวิหาร มองดูพระพุทธรูปบนแท่นบูชา

เงียบ ยังคงเงียบ

ซื่อเฟยเจ๋อไม่ได้เร่งรัดเขา เพียงยืนเงียบๆ อยู่ไม่ไกล เล่นลูกกลมสีดำ

บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้แต่ย่านกแก้วยังสังเกตเห็นความผิดปกติ

นางกระพือปีกบินขึ้นไปเกาะบนคานใหญ่ เกรงว่าเลือดจะกระเด็นใส่ตัว

"อาตมาขอไม่เลือกได้หรือไม่?" เหลียวเฉินหันหลังให้ซื่อเฟยเจ๋อ พูดเบาๆ

"ไม่ได้! ในการเคลื่อนไหวที่กวาดล้างยุทธภพครั้งนี้ ไม่มีใครรอดพ้นได้ ยุทธภพต้องการการปฏิรูปที่ขุดลึกถึงสามชั้น" ซื่อเฟยเจ๋อส่ายหน้าพูด

"พวกท่านล้วนบีบบังคับอาตมาเช่นนี้" เหลียวเฉินถอนหายใจ พูดอย่างหม่นหมอง

"พวกเรา?" ซื่อเฟยเจ๋อพูด "นอกจากข้า ยังมีใครอีก?"

"ยังมีลัทธิหวงเทียน พวกท่านล้วนมาให้เลือก แต่อาตมาจะมีทางเลือกที่ใดเล่า?" น้ำเสียงของเหลียวเฉินฟังไม่ออกว่ามีอารมณ์ใด

เขามีทางเลือกจริงหรือ?

ยอมแพ้? นั่นก็คือการคุกเข่า! นั่นก็คือการทรยศต่อเจตจำนงและหนทางของตัวเอง แม้แต่ตัวตนก็เปลี่ยนไป แล้วจะมีความหมายอะไร!

ไม่ยอมแพ้ ก็คือความตาย

เขาแค่อยากเป็นพระที่ถอนหญ้าและปลูกต้นไม้

อยากทำสิ่งที่ตนต้องการในยุทธภพ แต่ยุทธภพกลับบีบบังคับเขา ไม่ให้เขาทำสิ่งที่ต้องการ

ยังจะบอกว่าควรทำอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้

อ้างว่า: ทางเลือก

ทางเลือก ทางเลือกบ้าอะไร

"ลัทธิหวงเทียน?" ซื่อเฟยเจ๋อรับคำพูด "ลัทธิหวงเทียนก็มาเจรจากับท่าน พวกเขาเสนอเงื่อนไขอะไร?"

"หากเต็มใจ อาตมาสามารถเข้าร่วมกับพวกเขา เป็นอาจารย์ใหญ่ พื้นที่แถบนี้ก็ยังคงเป็นของอาตมา" เหลียวเฉินพูด

"โอ้? เงื่อนไขที่พวกเขาเสนอไม่เลวเลย!" ซื่อเฟยเจ๋อพูด

"แต่อาตมาไม่อยากเป็นนักพรตของลัทธิหวงเทียน!" เหลียวเฉินพูด "อาตมาเป็นพระ ไม่ใช่นักพรต"

"วิธีการของพวกเขามีปัญหาจริงๆ ท่านไม่เลือกพวกเขาถูกต้องแล้ว!" ซื่อเฟยเจ๋อพยักหน้าพูด

"แต่อาตมาก็ไม่ได้เลือกพุทธบุตร" เหลียวเฉินยังคงหันหลังให้ซื่อเฟยเจ๋อพูด

"เพราะเหตุใด?" ซื่อเฟยเจ๋อถาม

"เพราะอาตมาไม่ยอม!"

"ล้วนเป็นหนทางของพวกท่าน ล้วนเป็นโจทย์ที่พวกท่านให้อาตมาเลือก ทำไมไม่ฟังหนทางของอาตมา? ทำไมไม่ใช่พวกท่านเป็นผู้เลือก!"

"ทำไมต้องบีบบังคับอาตมา!"

"อาตมาไม่ยอม ต้องการขอคำชี้แนะจากพุทธบุตร!"

น้ำเสียงของเหลียวเฉินเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เขาหันกลับมา แสงพุทธะสีทองแผ่ออกจากร่างของเขา ในแสงพุทธะสีทองนั้น มีพระพุทธรูปสีดำไร้ศีรษะปรากฏขึ้นด้านหลังเขา

พระพุทธรูปดำสนิททั้งองค์ รอบกายมีเมฆเพลิงนับไม่ถ้วน มีหกกร ในหกกรถือกะโหลก ตะขอเหล็ก ลำไส้มนุษย์ ขลุ่ยกระดูก ขวานและกลองหนังมนุษย์

นั่นคือร่างจริงแห่งนักรบของเขา

เขาต้องการใช้หมัดและเท้าบอกเหตุผลของตนแก่พุทธบุตรแห่งสำนักหัวใจ

ก๊วก!

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด