บทที่ 16 : เเหวนมิติ!
บทที่ 16 : เเหวนมิติ!
“หวังเยี่ยนก่อนเริ่มประลองทำเก่งนักหนา สุดท้ายก็ต้องมาก้มหัวขอโทษเซียวซิงหยู”
“หึ ฝีมือไม่ถึงเเต่ชอบกร่าง…แพ้เเบบนี้ก็สมควรแล้ว!”
“เเต่เอาจริงๆ เซียวซิงหยูเก่งมากนะ”
“ใช่ สัตว์อสูรของเขาไม่ใช่แค่มีธาตุที่สาม แต่ยังใช้ทักษะข้ามขั้นได้อีก…ฉันล่ะนับถือเลย!”
เซียวซิงหยูกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ของการประลองครั้งนี้
เขาได้รับทั้งคำชมและความชื่นชมจากทั้งเพื่อนๆและเหล่าอาจารย์
……
“เซียวซิงหยู”
ทันใดนั้น ซูหรูหยานก็เดินมาหาเซียวซิงหยู
“ท่านอธิการบดีซู” เซียวซิงหยูโค้งคำนับอย่างสุภาพว
“ตามฉันมาที่ห้องทำงานที”
“ครับ”
เซียวซิงหยูเดินตามซูหรูหยานออกไปจากสายตาของทุกคน
“ข่าวใหญ่ ท่านอธิการบดีซูเรียกเซียวซิงหยูไปคุยเป็นการส่วนตัว!”
“ถ้าฉันเป็นอธิการบดี ฉันก็ต้องให้ความสนใจอัจฉริยะแบบนี้เป็นพิเศษอยู่เเล้ว”
“หึ…ลูกชายรองอธิการบดีแล้วไง เจอพรสวรรค์ขั้นเทพแบบนี้ เส้นใหญ่แค่ไหนก็ไร้ประโยชน์!”
ณ เวลานี้…หวังเยี่ยนที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแทบคลั่งด้วยความโกรธ
เขากำหมัดแน่น เเล้วเอ่ยอย่างอาฆาต
“เซียวซิงหยู ความอัปยศที่แกมอบให้ฉันวันนี้ ฉันจะเอาคืนแกเป็นร้อยเท่า!”
พูดจบ หวังเยี่ยนก็ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างอับอาย
…….
ณ ห้องทำงานอธิการบดี วิทยาลัยชิงหลง
ห้องทำงานนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา ราวกับฉากในคฤหาสน์
“เชิญนั่ง”
เซียวซิงหยูนั่งลงบนโซฟาแล้วเปิดใช้งานดวงตาเทพอสูรโดยไม่รู้ตัว
“โอ้โห! เบาะโซฟานี่ทำจากหนังของอสูรระดับราชาเลยหรือ!”
“ห้องทำงานของท่านอธิการบดีนี่อลังการจริงๆ”
ทันใดนั้น ซูหรูหยานก็รินชาให้เซียวซิงหยูด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับ ท่านอธิการบดีซู”
“นอกจากเย่ซวงหนิงแล้ว นายเป็นนักเรียนคนที่สองที่ฉันรินชาให้ด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เซียวซิงหยูก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“ท่านอธิการบดีครับ พอจะไม่พูดถึงเย่ซวงหนิงได้ไหมครับ”
“ทำไมหรือ เธอเป็นแฟนเก่านายรึไง” ซูหรูหยานยกยิ้มอย่างมีเสน่ห์
พุ่ฟฟฟ!!!!
เซียวซิงหยูที่กำลังดื่มชาอยู่ ถึงกับพ่นชาออกมาโดยไม่ตั้งใจ
เเละน้ำชานั้นก็เปียกเสื้อตรงหน้าอกของซูหรูหยานอย่างพอดิบพอดี
“ขอโทษครับ ท่านอธิการบดี ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเช็ดให้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหรูหยานก็พูดอย่างฉุนเฉียว
“นายกำลังทำอะไรกับหน้าอกฉัน ตั้งใจลวนลามรึไง!”
“ผมแค่เช็ดน้ำชาให้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรทั้งนั้นครับ”
“แล้วก็ เย่ซวงหนิงไม่ใช่แฟนเก่าผม...แค่คนชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับเธออยู่ตลอดเวลา ผมเลยรำคาญ”
ซูหรูหยานไขว้ขา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เย่ซวงหนิงเป็นหน้าเป็นตาของวิทยาลัยชิงหลง และเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวิทยาลัย”
“พลังวิญญาณเริ่มต้นของนาย ต่ำกว่าเย่ซวงหนิงแค่ 2 แต้ม…ไม่เเปลกที่คนอื่นเลยชอบเอานายไปเปรียบเทียบกับเธอ”
เซียวซิงหยูยักไหล่อย่างจนใจ เขาไม่สามารถควบคุมความคิดของคนอื่นได้
“การประลองเมื่อกี้นี้ นายทำได้ดีมาก”
“นายเพิ่งเข้าเรียนได้สองวัน ก็ปลุกพลังธาตุที่สามของสัตว์อสูรได้เเล้ว…นี่แสดงให้เห็นว่านายมีพรสวรรค์สูงมาก”
ตอนแรกซูหรูหยานแค่ชมเชย แต่จู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“นายคิดยังไงกับกฎข้อที่ 8”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เซียวซิงหยูก็ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“มองแต่ภายนอก กฎข้อนี้ดูไม่ยุติธรรม และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับหวังเยี่ยน”
“หมายความว่า นายมองเห็นอะไรมากกว่าการมองเเค่ภายนอก?”
“ผมคิดว่าจริงๆแล้ว กฎข้อนี้มีไว้เพื่อฝึกฝนจิตใจของนักเรียน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหรูหยานก็เบิกตากว้างด้วยความสนใจ
“อธิบายให้ฟังหน่อยซิ”
“วิทยาลัยชิงหลง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของพวกเรา”
“จุดหมายปลายทางของเรา คือสนามรบ”
“ในสนามรบ ไม่มีอะไรยุติธรรม”
“อสูรดุร้ายพวกนั้น ไม่มามัวพูดเรื่องถูกผิดกับเราหรอก”
“มีแต่ความแข็งแกร่งเท่านั้น ที่เป็นของจริง”
หลังจากเซียวซิงหยูพูดจบ แววตาของซูหรูหยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เด็กน้อยอย่างนาย กลับมีความคิดที่เกินวัยอย่างน่ากลัว~”
กฎข้อที่ 8…เป็นกฎที่ซูหรูหยานเขียนขึ้นมาเองกับมือ
กฎข้อนี้ดูไม่ยุติธรรมก็จริง
แต่ความจริง มันมีไว้เพื่อฝึกฝนอารมณ์และนิสัยของนักเรียนใหม่ ให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเข้าใจว่าความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญที่สุด
เพราะในสนามรบ ไม่มีอะไรยุติธรรม…มันมีแต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ที่จะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์
อย่างเช่นในการประลองครั้งนี้ เซียวซิงหยูที่เป็นผู้ชนะ ดังนั้นเขาคือผู้ที่ถูกต้อง
ส่วนหวังเยี่ยนที่เป็นฝ่ายแพ้ ก็จะกลายเป็นตัวตลก
“เห็นแก่ที่นายมีพรสวรรค์เเละมีเเนวคิดที่ดี ฉันจึงมีของขวัญจะให้”
หลังจากพูดจบ, ซูหรูหยานก็หยิบแหวนออกมาจากลิ้นชัก
ตัวแหวนมีลักษณะเหมือนมังกรที่ขดตัวอยู่ ลายบนแหวนก็เหมือนเกล็ดมังกรที่ดูมีชีวิตชีวา
“นี่มัน…แหวนมิติ!”
เซียวซิงหยูตื่นเต้นมาก
แหวนมิติคืออุปกรณ์เก็บของที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
ปรมาจารย์อสูรมักจะต้องพกอาหารเสริมต่างๆของสัตว์อสูร รวมถึงผลึกอสูรที่ได้จากการต่อสู้
สิ่งของเหล่านี้ล้วนมีน้ำหนักมากและมีความหลากหลาย…รัฐบาลจึงประดิษฐ์แหวนมิติขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการพกพาของเหล่านี้
แหวนมิติที่ซูหรูหยานให้เซียวซิงหยูเป็นแหวนคุณภาพปานกลาง มัรมีพื้นที่เก็บของเท่าขนาดโกดังโรงงานเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม, เซียวซิงหยูเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับหนึ่งดาว เขาจึงไม่ได้มีสมบัติล้ำค่ามากมาย
พื้นที่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
“ขอบคุณครับ ท่านอธิการบดีซู!”
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่คือสิ่งที่นายสมควรได้รับ”
ซูหรูหยานลุกขึ้นยืน เเละตบไหล่เซียวซิงหยูเบาๆ
“เอาล่ะ อีกสามวันจะมีการแข่งขันจัดอันดับนักเรียนใหม่”
“ฉันอยากรู้ว่านายจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน”
การแข่งขันจัดอันดับนักเรียนใหม่ เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นทุกปีโดยวิทยาลัยทั้งสี่
การแข่งขันนี้ จัดขึ้นเพื่อเหล่านักเรียนใหม่โดยเฉพาะ
จุดประสงค์ของการจัดการแข่งขันนี้ ก็คือการประเมินระดับพรสวรรค์ของนักเรียนใหม่ เพื่อที่จะหาเเนวทางฝึกฝนของพวกเขาได้อย่างเหมาะสม
ปีนี้นักเรียนใหม่ของวิทยาลัยชิงหลงมีทั้งหมด 600 คน
คนอย่างหวังเยี่ยน พรสวรรค์ไม่ได้โดดเด่นอะไร พลังวิญญาณเริ่มต้นแค่ 850, เเต่อาศัยสัตว์อสูรสายเลือดระดับตำนานที่พ่อหาให้ ถึงได้อวดเก่งได้
คนที่เก่งกาจจริงๆ คือคนรุ่นใหม่จากตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต่างหาก
เเละแชมป์การแข่งขันจัดอันดับนักเรียนใหม่ของวิทยาลัยชิงหลงปีที่แล้ว คือเย่ซวงหนิงจากตระกูลเย่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่
หลังจากออกจากห้องทำงานอธิการบดี เซียวซิงหยูก็ถือเอกสารปึกใหญ่อยู่ในมือ
ในเอกสารระบุข้อมูลของนักเรียนใหม่ทั้งหมด
“ดูเหมือนว่านักเรียนใหม่ปีนี้ จะมีคนเก่งๆซ่อนตัวอยู่เยอะเหมือนกันนะ”
“เเต่ก็ดีเเล้ว ยิ่งมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ฉันก็ยิ่งตื่นเต้น”
“หึๆ รอการแข่งขันจัดอันดับในอีกสามวันไม่ไหวแล้ว!”
……
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในช่วงเช้า เวลาอาหารกลางวันก็มาถึง
เซียวซิงหยูมาที่หน้าโรงเรียน แต่เขาไม่เห็นเซียวรั่วเสวี่ย
เเต่ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล พี่สาว พี่ไม่มาส่งข้าวให้ผมเหรอ”
“เซียวหยู ที่พักเราไฟดับ ต้องรอถึงบ่ยกว่าจะมา นายหาอะไรกินเองก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้พี่เอาข้าวไปให้”
“โอเคครับพี่”
หลังจากวางสายแล้ว เซียวซิงหยูก็ลูบท้องที่กำลังร้องด้วยความหิวโหย
“วันนี้อดกินข้าวที่พี่สาวทำเลยแฮะ”
“ถ้าไปโรงอาหาร ตอนนี้คงเหลือแต่เศษอาหารแล้ว”
“ไปกินข้างนอกดีกว่า”
เซียวซิงหยูเดินมาที่ประตูหลังของวิทยาลัยชิงหลง เพราะตรงนี้มีร้านอาหารข้างทางอยู่
“จะกินข้าวไก่ตุ๋น หรือบะหมี่หลานโจวดีนะ”
“ร้านเสี่ยวชีก็ไม่เลว”
“เอาล่ะ ตัดสินใจแล้ว กินหม่าล่าทั่งดีกว่า!”
………………..