ตอนที่แล้วบทที่ 15 : กรงเล็บเงียบสงัด​!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 : หยิบสาวโลลิกลับบ้าน!

บทที่ 16 : เเหวน​มิติ​!


บทที่ 16 : เเหวน​มิติ​!

“หวังเยี่ยนก่อนเริ่มประลองทำเก่งนักหนา สุดท้ายก็ต้องมาก้มหัวขอโทษเซียวซิงหยู”

“หึ ฝีมือไม่ถึงเเต่ชอบกร่าง…แพ้เเบบนี้​ก็สมควรแล้ว!”

“เเต่เอาจริงๆ เซียวซิงหยูเก่งมากนะ”

“ใช่ สัตว์อสูรของเขาไม่ใช่แค่มีธาตุที่สาม แต่ยังใช้ทักษะข้ามขั้นได้อีก…ฉันล่ะนับถือเลย!”

เซียวซิงหยูกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ของการประลองครั้งนี้

เขาได้รับทั้งคำชมและความชื่นชมจากทั้งเพื่อนๆและเหล่าอาจารย์

……

“เซียวซิงหยู”

ทันใดนั้น​ ซูหรูหยานก็เดินมาหาเซียวซิงหยู

“ท่านอธิการบดีซู” เซียวซิงหยูโค้งคำนับอย่างสุภาพ​ว

“ตามฉันมาที่ห้องทำงานที”

“ครับ”

เซียวซิงหยูเดินตามซูหรูหยานออกไปจากสายตาของทุกคน

“ข่าวใหญ่ ท่านอธิการบดีซูเรียกเซียวซิงหยูไปคุยเป็นการส่วนตัว!”

“ถ้าฉันเป็นอธิการบดี ฉันก็ต้องให้ความสนใจอัจฉริยะแบบนี้เป็นพิเศษ​อยู่​เเล้ว​”

“หึ…ลูกชายรองอธิการบดีแล้วไง เจอพรสวรรค์ขั้นเทพแบบนี้ เส้นใหญ่แค่ไหนก็ไร้ประโยชน์!”

ณ เวลานี้…หวังเยี่ยนที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแทบคลั่งด้วยความโกรธ

เขากำหมัดแน่น เเล้วเอ่ยอย่างอาฆาต​

“เซียวซิงหยู ความอัปยศที่แกมอบให้ฉันวันนี้ ฉันจะเอาคืนแกเป็นร้อยเท่า!”

พูดจบ หวังเยี่ยนก็ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างอับอาย

…….

ณ ห้องทำงานอธิการบดี วิทยาลัยชิงหลง

ห้องทำงานนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา ราวกับฉากในคฤหาสน์

“เชิญนั่ง”

เซียวซิงหยูนั่งลงบนโซฟาแล้วเปิดใช้งานดวงตาเทพ​อสูร​โดยไม่รู้ตัว

“โอ้โห! เบาะโซฟานี่ทำจากหนังของอสูรระดับราชาเลย​หรือ​!”

“ห้องทำงานของท่านอธิการบดีนี่อลังการจริงๆ”

ทันใดนั้น​ ซูหรูหยานก็รินชาให้เซียวซิงหยูด้วยตัวเอง

“ขอบคุณครับ ท่านอธิการบดีซู”

“นอกจากเย่ซวงหนิงแล้ว นายเป็นนักเรียนคนที่สองที่ฉันรินชาให้ด้วยตัวเอง”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, เซียวซิงหยูก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น​

“ท่านอธิการบดีครับ พอจะไม่พูดถึงเย่ซวงหนิงได้ไหมครับ”

“ทำไมหรือ เธอเป็นแฟนเก่านายรึไง” ซูหรูหยานยกยิ้มอย่างมีเสน่ห์

พุ่ฟฟฟ!!!!

เซียวซิงหยูที่กำลังดื่มชาอยู่ ถึงกับพ่นชาออกมาโดยไม่ตั้งใจ

เเละน้ำชานั้นก็เปียกเสื้อตรงหน้าอกของซูหรูหยานอย่างพอดิบพอดี​

“ขอโทษครับ ท่านอธิการบดี ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเช็ดให้”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้​ ซูหรูหยานก็พูดอย่างฉุนเฉียว​

“นายกำลังทำอะไรกับหน้าอกฉัน ตั้งใจลวนลามรึไง!”

“ผมแค่เช็ดน้ำชาให้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรทั้งนั้นครับ”

“แล้วก็ เย่ซวงหนิงไม่ใช่แฟนเก่าผม...แค่คนชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับเธออยู่ต​ลอดเวลา​ ผมเลยรำคาญ”

ซูหรูหยานไขว้ขา พร้อม​พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เย่ซวงหนิงเป็นหน้าเป็นตาของวิทยาลัยชิงหลง และเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวิทยาลัย”

“พลังวิญญาณเริ่มต้นของนาย ต่ำกว่าเย่ซวงหนิงแค่ 2 แต้ม…ไม่เเปลก​ที่คนอื่นเลยชอบเอานายไปเปรียบเทียบกับเธอ”

เซียวซิงหยูยักไหล่อย่างจนใจ เขาไม่สามารถควบคุมความคิดของคนอื่นได้

“การประลองเมื่อกี้นี้ นายทำได้ดีมาก”

“นายเพิ่งเข้าเรียนได้สองวัน ก็ปลุกพลังธาตุที่สามของสัตว์อสูรได้เเล้ว…นี่แสดงให้เห็น​ว่านายมีพรสวรรค์สูงมาก”

ตอนแรกซูหรูหยานแค่ชมเชย แต่จู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องทันที​

“นายคิดยังไงกับกฎข้อที่ 8”

เมื่อ​ได้ยิน​คำถาม​นี้ เซียวซิงหยูก็ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“มองแต่ภายนอก กฎข้อนี้ดูไม่ยุติธรรม และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับหวังเยี่ยน”

“หมายความว่า นายมองเห็นอะไรมากกว่าการมองเเค่ภายนอก?”

“ผมคิดว่า​จริงๆแล้ว กฎข้อนี้มีไว้เพื่อฝึกฝนจิตใจของนักเรียน”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้​ ซูหรูหยานก็เบิกตากว้างด้วยความสนใจ

“อธิบายให้ฟังหน่อยซิ”

“วิทยาลัยชิงหลง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของพวกเรา”

“จุดหมายปลายทางของเรา คือสนามรบ”

“ในสนามรบ ไม่มีอะไรยุติธรรม”

“อสูรดุร้ายพวกนั้น ไม่มามัวพูดเรื่องถูกผิดกับเราหรอก”

“มีแต่ความแข็งแกร่งเท่านั้น ที่เป็นของจริง”

หลังจากเซียวซิงหยูพูดจบ แววตาของซูหรูหยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เด็กน้อยอย่างนาย กลับมีความคิดที่เกินวัยอย่างน่ากลัว~”

กฎข้อที่ 8…เป็นกฎที่ซูหรูหยานเขียนขึ้นมาเองกับมือ

กฎข้อนี้ดูไม่ยุติธรรมก็จริง

แต่ความจริง มันมีไว้เพื่อฝึกฝนอารมณ์และนิสัยของนักเรียนใหม่ ให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเข้าใจว่าความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญที่สุด

เพราะในสนามรบ ไม่มีอะไรยุติธรรม…มันมีแต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ที่จะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์​

อย่างเช่นในการประลองครั้งนี้ เซียวซิงหยูที่เป็นผู้ชนะ ดังนั้น​เขาคือผู้ที่ถูกต้อง

ส่วนหวังเยี่ยนที่เป็นฝ่ายแพ้ ก็จะกลายเป็น​ตัวตลก

“เห็นแก่ที่นายมีพรสวรรค์เเละมีเเนวคิดที่ดี ฉันจึงมีของขวัญ​จะให้”

หลังจาก​พูด​จบ, ซูหรูหยานก็หยิบแหวนออกมาจากลิ้นชัก

ตัวแหวนมีลักษณะเหมือนมังกรที่ขดตัวอยู่ ลายบนแหวนก็เหมือนเกล็ดมังกรที่ดูมีชีวิตชีวา

“นี่มัน…แหวนมิติ!”

เซียวซิงหยูตื่นเต้นมาก

แหวนมิติคืออุปกรณ์เก็บของที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

ปรมาจารย์อสูรมักจะต้องพกอาหารเสริมต่างๆของสัตว์อสูร รวมถึงผลึกอสูรที่ได้จากการต่อสู้

สิ่งของเหล่านี้ล้วนมีน้ำหนักมากและมีความหลากหลาย…รัฐบาลจึงประดิษฐ์แหวนมิติขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการพกพาของเหล่านี้​

แหวนมิติที่ซูหรูหยานให้เซียวซิงหยูเป็นแหวนคุณภาพปานกลาง มัรมีพื้นที่เก็บของเท่าขนาดโกดังโรงงานเท่านั้น​

อย่างไร​ก็ตาม, เซียวซิงหยูเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับหนึ่งดาว เขาจึงไม่ได้มีสมบัติล้ำค่ามากมาย

พื้นที่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

“ขอบคุณครับ ท่านอธิการบดีซู!”

“ไม่ต้องเกรงใจ นี่คือสิ่งที่​นายสมควรได้รับ”

ซูหรูหยานลุกขึ้นยืน เเละตบไหล่เซียวซิงหยูเบาๆ

“เอาล่ะ อีกสามวันจะมีการแข่งขันจัดอันดับนักเรียนใหม่”

“ฉันอยากรู้ว่านายจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน”

การแข่งขันจัดอันดับนักเรียนใหม่ เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นทุกปีโดยวิทยาลัยทั้งสี่

การแข่งขันนี้ จัดขึ้นเพื่อเหล่านักเรียนใหม่โดยเฉพาะ

จุดประสงค์ของการจัดการแข่งขันนี้ ก็คือการประเมินระดับพรสวรรค์ของนักเรียนใหม่ เพื่อที่จะหาเเนวทางฝึกฝนของพวกเขา​ได้อย่างเหมาะสม

ปีนี้นักเรียนใหม่ของวิทยาลัยชิงหลงมีทั้งหมด 600 คน

คนอย่างหวังเยี่ยน พรสวรรค์ไม่ได้โดดเด่นอะไร พลังวิญญาณเริ่มต้นแค่ 850, เเต่อาศัยสัตว์อสูรสายเลือดระดับตำนานที่พ่อหาให้ ถึงได้อวดเก่งได้

คนที่เก่งกาจจริงๆ คือคนรุ่นใหม่จากตระกูลใหญ่​ทั้งสี่ต่างหาก

เเละแชมป์การแข่งขันจัดอันดับนักเรียนใหม่ของวิทยาลัยชิงหลงปีที่แล้ว คือเย่ซวงหนิงจากตระกูลเย่ ซึ่ง​เป็น​หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่

หลังจากออกจากห้องทำงานอธิการบดี เซียวซิงหยูก็ถือเอกสารปึกใหญ่​อยู่ในมือ

ในเอกสารระบุข้อมูลของนักเรียนใหม่ทั้งหมด

“ดูเหมือนว่านักเรียนใหม่ปีนี้ จะมีคนเก่งๆซ่อนตัวอยู่เยอะเหมือนกันนะ”

“เเต่ก็ดีเเล้ว ยิ่งมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ฉันก็ยิ่งตื่นเต้น”

“หึๆ รอการแข่งขันจัดอันดับในอีกสามวันไม่ไหวแล้ว!”

……

หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในช่วงเช้า เวลาอาหารกลางวันก็มาถึง

เซียวซิงหยูมาที่หน้าโรงเรียน แต่เขาไม่เห็นเซียวรั่วเสวี่ย

เเต่ทันใดนั้น​ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล พี่สาว พี่ไม่มาส่งข้าวให้ผมเหรอ”

“เซียวหยู ที่พักเราไฟดับ ต้องรอถึงบ่ยกว่าจะมา นายหาอะไรกินเองก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้พี่เอาข้าวไปให้”

“โอเคครับพี่”

หลังจาก​วางสายแล้ว เซียวซิงหยูก็ลูบท้องที่กำลังร้องด้วยความหิวโหย

“วันนี้อดกินข้าวที่พี่สาวทำเลยแฮะ”

“ถ้าไปโรงอาหาร ตอนนี้คงเหลือแต่เศษอาหารแล้ว”

“ไปกินข้างนอกดีกว่า”

เซียวซิงหยูเดินมาที่ประตูหลังของวิทยาลัยชิงหลง เพราะตรงนี้มีร้านอาหารข้างทางอยู่

“จะกินข้าวไก่ตุ๋น หรือบะหมี่หลานโจวดีนะ”

“ร้านเสี่ยวชีก็ไม่เลว”

“เอาล่ะ ตัดสินใจแล้ว กินหม่าล่าทั่งดีกว่า​!”

………………..

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด