บทที่ 16: การล่าไวท์คริมสัน (1) การล่าเริ่มต้นขึ้น
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
บนดาวดวงใหม่ที่ไทร์เพิ่งรู้จากพิกซี่ว่า มันมีชื่อว่า “ซับเวิลด์” เขามีสิ่งใหม่ๆ ให้ทำมากมาย จนเวลาเหมือนผ่านไปแค่แวบเดียว
ตลอดสองเดือนนี้ ไทร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการล่า เขาโฟกัสกับเป้าหมายนี้แทบไม่สนใจอย่างอื่น
เมื่อเขาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง มันจะยากมากที่เขาจะหลุดออกจากความตั้งใจนั้น
ลมอุ่นพัดผ่านป่าแห่งกิทรานอีกครั้ง ตอนนี้ฤดูใบไม้ผลิได้สิ้นสุดลงแล้ว และดอกตูมแห่งฤดูร้อนก็เริ่มผลิบาน
ดอกไม้กลายเป็นผลไม้ และความเขียวขจีของใบไม้และพุ่มไม้ยิ่งชัดเจนและอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
ลมเหล่านี้พัดผ่านยอดไม้ที่บางเฉียบและเข้าสู่ถ้ำเล็กๆ ที่มีไฟแคมป์ลุกโชนอยู่
ขณะที่เปลวไฟลุกไหม้และแตกปะทุ เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังใกล้เข้ามาจากระยะไกลเรื่อยๆ จนใกล้เข้ามามากขึ้น
เงาร่างเลือนลางที่แบกร่างกิราเดียร์ตัวใหญ่มาก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ผมสีดำของไทร์ยาวลงมาถึงไหล่ตอนนี้ ทำให้เขาดูคล้ายกับทาร์ซาน
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เปรียบเทียบกับทาร์ซานได้ก็คือ ร่างกายของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
แม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน แต่ไทร์ก็เหมือนได้สร้างกล้ามเนื้อที่เทียบเท่าการฝึกแบบเคร่งครัดมา 2-3 ปีเลยทีเดียว
เขายังสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ร่างกายของเขาต้องปรับตัวตามค่าสถานะที่เพิ่มขึ้น
ไม่งั้นอาจจะไม่สมดุลกับร่างกายที่แข็งแรงเกินไป
จากเดิมที่สูง 5 ฟุต 8 นิ้ว ตอนนี้เขาสูงประมาณ 6 ฟุตแล้ว
‘เยี่ยมจริงๆ กริมมัวร์ช่างยอดเยี่ยม’ ไทร์หัวเราะเบาๆ กับโชคของเขาเอง เขาไม่ได้มีอะไรต้องบ่นเลย
ไทร์วางร่างกิราเดียร์ลงบนพื้น มันถูกผ่าและทำให้เลือดแห้งหมดแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็แค่แล่เนื้อและปรุงเท่านั้น แล้วไทร์จะลอกหนังมันออกด้วย
เพราะเขาอยากนำหนังของชาร์วูล์ฟไปทำเกราะที่มีสีเหลืองแซมลงไปบ้าง
หลังจากวางทุกอย่างลง เขานั่งบนขอนไม้แล้วเริ่มลับหอกที่มีปลายหอกเป็นฟันแหลม
หอกสามเล่มของเขาถูกเสริมด้วยฟันของจระเข้กลาสแบค ซึ่งเป็นฟันที่คมที่สุดในป่าแห่งกิทรานแถมมันยังทนทานมากอีกด้วย
‘เจ้ากลาสแบคอาจจะไม่ได้อยู่ในแรงค์เอเพ็กซ์เหมือนที่พิกซี่บอกว่าชาร์วูล์ฟอยู่ แต่ก็น่าจะอยู่ในแรงค์ที่สูงกว่าสัตว์ที่มีลูกแก้วสีเทาทั่วไป ลูกแก้วของมันไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีเขียว คงจะเป็นแรงค์ที่อยู่ระหว่างสีเทากับสีแดง’
หลังจากลับหอกทั้งสามเล่มเสร็จแล้ว ไทร์ก็ลุกขึ้นแล้วสะพายหอกไว้ด้านหลัง
“ตอนนี้... ถึงเวลาออกล่าไวท์คริมสันแล้ว” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก นี่คือสิ่งที่เขาฝึกฝนมาในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
‘ตอนนี้ฉันมีค่าความแข็งแกร่งถึง 30 แล้ว ฉันคิดว่าฉันมีโอกาสเอาชนะมันได้’
เขาเปิดสถานะของตัวเองขึ้นมาดู
┏━━━━━━สถานะ━━━━━━┓
ชื่อ: ไทร์ อีโวลิออน ธาโลนิส
สายเลือด: ออลไมตี้ ธาโลนิส + ไม่ทราบ
อายุ: 15 ปี
เลเวล: 39
พลังชีวิต: 21/21
ความแข็งแกร่ง: 30
ความอึด: 25/25
ความเร็ว: 24
ออร่า: --
[ค่าสถานะที่เหลือ: 0]
[แรงค์: --]
┗━━━━━━━━━━━━━━━┛
‘คราวนี้ฉันจะเล่นแบบปลอดภัย ไม่เหมือนตอนที่เจอกับชาร์วูล์ฟหรอก ตอนนั้นฉันจับมันได้เพราะมันมัวแต่พยายามทำตัวเป็นกบฏและโจมตีสัตว์ตัวอื่นแบบไร้เป้าหมาย มันไม่ได้โจมตีเพื่อหาอาหารหรือแม้แต่ความโกรธ แรงจูงใจของมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัตว์พวกนั้น แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือไวท์คริมสันต่างหาก
นี่ทำให้กระบวนการล่าของมันมีข้อบกพร่อง ซึ่งส่งผลให้การกระทำของมันเกิดข้อผิดพลาด ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ฉันคงอยู่รอดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ไวท์คริมสันควรจะมีระดับที่สูงกว่าชาร์วูล์ฟหลายเท่า ฉันจะไม่เสี่ยงเด็ดขาด’
ด้วยค่าสถานะในปัจจุบัน ไทร์รู้สึกมั่นใจมาก และเขารอก็รอมานานพอแล้ว
ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ใช้คาถาพันธะสัญญาวิญญาณเพื่อทำการฝึกสัตว์ร้ายตัวแรกของเขา
‘ฉันยังไม่ได้ใช้มันเลย แม้ว่าคาถาห้วงมิติจิตจะมีขีดจำกัดในการเก็บสัตว์ได้เพียง 2 ตัวก็ตาม แต่ฉันต้องการสัตว์ที่ดีที่สุดเท่านั้น แม้แต่ชาร์วูล์ฟยังไม่พอ... ฉันต้องการราชาเท่านั้น’ ไทร์ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่
เขาออกเดินไปยังทิศทางที่เขาเคยเห็นร่องรอยของสัตว์ร้ายมาก่อน
จนถึงตอนนี้ เขาตามรอยไวท์คริมสันมาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมันตัวเป็นๆ มาก่อน
แต่เขาได้เห็นผลลัพธ์อันน่าสะพรึงจาก “การสังหารหมู่” ที่มันสร้างไว้ เขาจึงใช้รอยกรงเล็บและรอยเท้าเป็นแนวทางเพื่อตามหามันอย่างช้าๆ
‘ฉันอาจจะได้เห็นมันตั้งหลายครั้งแล้ว แต่... ฉันคอยอยู่ในระยะที่มันมองไม่เห็นเพื่อปกป้องตัวเอง
และเพื่อรักษาช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นนี้ไว้’ ไทร์ยิ้มออกมาเมื่อคิดในใจ
เขาเดินเท้าต่อไปกว่า 15 ไมล์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาในตอนนี้
หลังจากนั้น เขามาถึงหน้าผาขนาดใหญ่ ป่าที่เขาเคยคิดว่ากว้างใหญ่มหาศาลจบลงที่หน้าผานี้
เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมขนาดมหึมา ที่เป็นป่าทึบหนายิ่งกว่าด้านล่างที่ความสูง 2,500 ฟุต ซึ่งทอดยาวไปจนสุดสายตา
จากที่ที่ไทร์ยืนอยู่ เขาเกือบจะเอื้อมมือไปแตะเมฆได้เลยในบางช่วง
เขามีวิธีลงไปง่ายๆ แต่ครั้งแรกที่เขาทำมันก็ไม่ได้ง่ายแบบนี้...
แน่นอนว่ามีเส้นทางที่มีระยะทาง 5 ไมล์ที่เขาใช้ลงไปโดยไม่ต้องเสี่ยงตกลงไป
แต่นั่นมันเสียเวลามาก และไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
เมื่อมาถึงขอบหน้าผา ไทร์ก็กระโดดออกไปในอากาศทันที
เขาร่วงลงมาพร้อมลมปะทะหน้า ริมฝีปากและผิวหนังของเขาถูกดึงไปข้างหลัง เหมือนนั่งรถไฟเหาะที่กำลังเร่งความเร็ว
เมื่อใกล้จะถึงพื้น เขาใช้คาถาก้าวพริบตาเพื่อเร่งความเร็วและลดแรงกระแทกกับพื้น ทำให้เขาลงจอดอย่างปลอดภัย
“ฮ่า~~ ไม่มีวันเบื่อเลยจริงๆ” ไทร์พูดออกมาพลางรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่ยังคงอยู่ในร่างกาย “แต่... วิ่งขึ้นกลับไปในระยะทาง 5 ไมล์นี่ไม่สนุกเท่าไหร่”
เขาเริ่มวิ่งเข้าสู่ป่าทึบซึ่งอันตรายยิ่งกว่าเดิม ต้นไม้มียอดที่หนาทึบจนแทบไม่เห็นแสงแดดลอดลงมา
ต้นไม้ที่นี่ดูบิดเบี้ยวและแน่นหนา รากไม้แผ่ขยายไปทั่วพื้นดิน
สัตว์ร้ายที่นี่แข็งแกร่งกว่าหมูป่าโบอาร์ที่แข็งแกร่งที่สุด ครึ่งหนึ่งของสัตว์ที่ไทร์พบในที่นี้มีลูกแก้วสีเขียวแทนที่จะเป็นสีเทา
หลังจากวิ่งมาราวครึ่งชั่วโมง ไทร์ก็มาถึงจุดที่เขาเคยเห็นรอยเท้าของไวท์คริมสันล่าสุด
เขาหยุดพัก สูดหายใจเข้าและติดตามเส้นทางของมันอย่างใจเย็น
แม้มันจะไม่แม่นยำตลอดเวลา แต่เขาต้องทำการไตร่ตรองหลายครั้งเพื่อหาทิศทางของมัน
อย่างไรก็ตาม คราวนี้เส้นทางที่สัตว์ร้ายเดินมานั้นสังเกตง่ายกว่าครั้งก่อนๆ
จากแค่รอยเท้า ไทร์ก็เห็นว่าขาของมันใหญ่กว่าหัวของเขา
รอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นดินเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงร่างกายที่ใหญ่โตของสัตว์ร้ายตัวนี้
เมื่อเขาเดินต่อไปอีกนิด ไทร์ก็สังเกตเห็นว่ารอยเท้าของสัตว์ร้ายหายไปทันที ราวกับมันหายตัวไปจากจุดนั้น
‘หือ? แปลกแฮะ’ เขามองไปรอบๆ ‘แม้ว่ารอยเท้าของมันจะหายากบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยหายไปเลยแบบนี้’
ซี้ดดด ~~
เสียงแหลมดังขึ้น และก่อนที่ไทร์จะรู้ตัว ลูกธนูก็พุ่งเข้าปักที่ไหล่ซ้ายของเขา
เขารู้สึกถึงแรงกระแทกมหาศาลที่แทบจะดันร่างของเขาล้มลงกับพื้น
ร่างกายของเขาเข้าสู่สภาวะการใช้สมาธิสูงสุด ในขณะที่หมุนตัวหันกลับไป
โชคดีที่ลูกธนูไม่ได้ปักลึกมาก เขาจึงดึงมันออกมาได้
“นี่มัน…ของที่มนุษย์สร้างขึ้น” ไทร์อุทานออกมาอย่างงุนงง
ฟิ้ววว
ฟิ้ววว
ฟิ้วววววว
ฟิ้วว