บทที่ 147 จ้าวซิงตกใจ ที่แท้ก็เป็นเขา! ผู้ครอบครองวิชาตุ๊กตาหญ้าที่ไร้เทียมทาน!
บทที่ 147 จ้าวซิงตกใจ ที่แท้ก็เป็นเขา! ผู้ครอบครองวิชาตุ๊กตาหญ้าที่ไร้เทียมทาน!
จ้าวซิงเดินตามตุ๊กตาหญ้าขึ้นมาจนถึงบริเวณที่เป็นพื้นราบกลางเขา ที่นี่มีพระราชวังตั้งอยู่ตรงหน้า ล้อมรอบด้วยพื้นที่กว้างซึ่งปลูกต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด ตั้งแต่ระดับสองจนถึงระดับสี่
สำนักเกษตรมีข้อดีตรงนี้ การสร้างพื้นที่กว้างใหญ่และทำการปลูกพืชนั้นค่อนข้างง่าย หากผู้เป็นศิษย์เกษตรมีฝีมือเพียงพอ แม้ว่าจะไม่ได้อาศัยอยู่ในที่พักหรูหรา แต่ขนาดพื้นที่ก็มักจะใหญ่เสมอ
เมื่อเดินตามทางหินไปยังด้านหน้า รอบ ๆ พระราชวังนั้นมีสวนที่ปลูกพืชไว้และตุ๊กตาหญ้ากำลังทำงานอยู่ หุ่นบางตัวถือจอบกำลังขุดดิน บางตัวถือเลื่อยกำลังตัดต้นไม้ และบางตัวก็แบกฟืนก้าวเดินอย่างรวดเร็วผ่านไป
เมื่อเข้าสู่ภายในกำแพงวัง บนลานฝึกมีตุ๊กตาหญ้าหลายตัวถืออาวุธเช่นดาบ หอก และกระบอง ฝึกฝนการโจมตีต่อสู้กันอย่างจริงจัง
บริเวณสระน้ำ มีตุ๊กตาหญ้ายืนตกปลาอยู่
เมื่อเดินผ่านระเบียงทางเดิน ตุ๊กตาหญ้าตัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินพร้อมกับหินสีทองในมือ
ที่ศาลาพักผ่อนในระยะไกลยังมีตุ๊กตาหญ้ายืนอ่านหนังสืออยู่
แม้ว่าจ้าวซิงจะเป็นคนที่เคยเห็นอะไรมามาก แต่เขาก็อดรู้สึกขนลุกไม่ได้เมื่อเห็นฉากนี้ เพราะตุ๊กตาหญ้าทุกตัวล้วนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหลิวเทียนหนิงทั้งหมด!
ไม่เพียงเท่านั้น ตุ๊กตาหญ้าบางตัวยังมีลักษณะแปลกประหลาด บางตัวมีแขนขาขาด บางตัวยังไม่มีหัวแต่ยังสามารถเดินไปมาได้ รูปร่างเหมือนกันก็จริง แต่บางตัวมีอารมณ์เย็นชา บางตัวแสดงออกถึงความสดใส บางตัวดูเหมือนบ้า หรือแม้กระทั่งดูเหมือนวิกลจริต
“ขุนนางฝ่ายเกษตรระดับห้า ผู้ซึ่งบรรลุถึงระดับพลังปราณบริสุทธิ์ การควบคุมตุ๊กตาหญ้าจำนวนมากได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หลิวเทียนหนิงผู้นี้จะต้องหลงใหลในวิชาตุ๊กตาหญ้าเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างตุ๊กตาทุกตัวให้มีรูปร่างเหมือนตนเองอีก...”
จ้าวซิงสงสัยว่าหลิวเทียนหนิงผู้นี้อาจจะมีปัญหาทางจิตเสียแล้ว
ผู้ที่เป็นอัจฉริยะหรือไม่ก็บ้า หรือไม่ก็เป็นอัจฉริยะที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง!
เมื่อเดินมาถึงพระราชวัง บนลานกว้างหน้าพระราชวังนั้นมีผู้คนอยู่ประมาณร้อยคนรวมตัวกันอยู่
การมาถึงของจ้าวซิงไม่ได้ดึงดูดความสนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับการสังเกตตุ๊กตาหญ้า
“สถานที่นี้ เรียกว่า ‘วังหมื่นวิชา’ ข้าใช้ตุ๊กตาหญ้าจำลองหมื่นวิชา ดำเนินไปไม่หยุดยั้งตลอดทั้งสี่ฤดู”
“บนลานแห่งนี้มีเคล็ดวิชาตุ๊กตาหญ้าระดับกลางสิบแปดบท ซึ่งไม่ได้อยู่ในวิชาที่ราชสำนักสนับสนุน”
“ท่านสามารถมาศึกษาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หรือตามไปดูการฝึกภายในพระราชวังก็ได้”
“หากต้องการคะแนนสะสม ต้องฝึกเคล็ดวิชาตุ๊กตาหญ้าระดับกลางให้เชี่ยวชาญถึงขั้นสี่”
“หากผ่านการทดสอบในด่านที่สาม จะได้รับคะแนนสะสมแปดร้อยคะแนน”
“ภายในหนึ่งเดือนจะมีการจัดอันดับการใช้วิชาตุ๊กตาหญ้า ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับห้าหมื่นคะแนนสะสม”
“ท่านมีคำถามอะไรหรือไม่?” ตุ๊กตาหญ้าถาม
“ไม่มีขอรับ” จ้าวซิงส่ายหน้า
“หากมีคำถาม สามารถมาสอบถามได้ที่นี่ หากต้องการเพียงแค่ถามทาง ให้มองหาหุ่นที่มีป้ายคำว่า ‘หลิว’ บนตัว”
“ขอรับ” จ้าวซิงยกมือคารวะ
จากนั้นตุ๊กตาหญ้าก็หมุนตัวกลับและเดินหายเข้าไปในกลุ่มตุ๊กตาหญ้าทั้งหลาย ไม่ทันไรจ้าวซิงก็แยกไม่ออกแล้วว่าหุ่นตัวไหนเป็นตัวที่พาเขามา
จ้าวซิงไม่ได้เริ่มศึกษาวิชาทันที แต่กลับเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ตุ๊กตาหญ้าส่วนใหญ่เคลื่อนไหวตามคำสั่งซ้ำ ๆ อย่างเช่น หุ่นที่ถือจอบจะขุดดินอย่างต่อเนื่อง หรือหุ่นที่รดน้ำจะทำการรดน้ำต้นไม้ไปเรื่อย ๆ นี่คือหุ่นที่ถูกกำหนดให้ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว แต่การควบคุมพลังธาตุทั้งห้าภายในตัวหุ่นนั้นกลับซับซ้อนอย่างยิ่ง
หุ่นบางตัวมีความเป็นอิสระสูง สามารถพูดคุย มองเห็น และได้ยินเสียงได้ด้วย หุ่นที่มีความสามารถเช่นนี้จะมีป้ายชื่อ ‘หลิว’ ติดอยู่บนตัว
“วังหมื่นวิชา…วังหมื่นวิชา…ที่แท้เขาก็คือหลิวปั้นเฟิง ผู้บ้าคลั่งแห่งยุคจักรพรรดิอู่ตี้”
"ตุ๊กตาหญ้าตัวตนเยอะขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะกลายเป็นคนบ้าคลั่ง เขาเริ่มสร้างตุ๊กตาหญ้าตัวตนตั้งแต่ตอนนี้แล้ว…" แววตาของจ้าวซิงปรากฏความตะลึง
เขาได้พบกับบุคคลในประวัติศาสตร์ที่คุ้นเคย
หลิวเทียนหนิงในปัจจุบันยังคงมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับที่เขาจำได้ แต่ความมืดหม่นและความคลุ้มคลั่งของเขายังไม่ปรากฏอย่างชัดเจน จ้าวซิงจึงไม่ได้จำได้ทันที
แม้เขาจะจำชื่อของหลิวเทียนหนิงไม่ได้ แต่ก็จำฉายาและลักษณะเฉพาะของเขาได้
เมื่อได้ยินชื่อ “วังหมื่นวิชา” จ้าวซิงจึงนึกออก
หลิวเทียนหนิงคือผู้ที่ใช้วิชาตุ๊กตาหญ้าจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วหล้า ในยุคของจักรพรรดิอู่ตี้ เขาดำรงตำแหน่งเป็น “ผู้ควบคุมเสบียง” ระดับสอง มีหน้าที่จัดหาสเบียงให้กับกองทัพทั้งสิบของกองกำลังป้องกันราชอาณาจักร
เขาไม่ได้เป็นเพียงขุนนางฝ่ายเกษตรที่รับผิดชอบในกองทัพเดียว แต่เสบียงของกองทัพทั้งสิบล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของเขา
นอกจากนี้ หลิวเทียนหนิงยังเป็น “ผู้ตรวจการณ์สามกองทัพ” ที่ได้รับมอบหมายให้ถือ"ไม้เท้าเก้าเงา" อันเป็นของล้ำค่า หากผู้บัญชาการฝ่ายเกษตรระดับสี่หรือสูงกว่ามีการทุจริต เขาสามารถลงโทษได้โดยทันที
ในช่วงสูงสุดของอำนาจ เขาดูแลกองทัพนับหมื่นนายซึ่งครอบคลุมอาณาเขตของสี่กองทัพสำรวจพื้นที่ชนเผ่า
วังเคลื่อนที่ของเขาถูกขนานนามว่า “วังหมื่นวิชา” และวิชาตุ๊กตาหญ้าของเขาก็ไร้ผู้เทียบเทียม
เขาคือผู้ที่ควบคุมหุ่นได้มากที่สุด ไม่มีผู้ใดในยุคนั้นที่จะสามารถเทียบเคียงได้
จักรพรรดิอู่ตี้จึงมอบหมายให้เขาดูแลพื้นที่และกองกำลังอย่างมหาศาล
“ในครั้งแรกที่มีการปราบชนเผ่าป่า หลิวเทียนหนิงเริ่มมีอาการบ้าคลั่ง และในช่วงหลังของการรบ มีขุนนางเกษตรที่เสียชีวิตจากน้ำมือของเขากว่าล้านคน และขุนพลที่ถูกสังหารโดยเขาก็มีมากกว่าสองร้อยคน”
ส่วนจำนวนผู้เล่นที่ถูกสังหารนั้นนับไม่ถ้วน จ้าวซิงเองก็เคยถูกตุ๊กตาหญ้าของหลิวเทียนหนิงสังหารมาแล้วหลายครั้ง
สาเหตุที่ถูกฆ่า? ส่วนใหญ่เป็นข้อหาที่จับผิดมั่ว ๆ หรือเป็นการถูกกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม เมื่อสิ้นสุดการรบครั้งแรก หลิวเทียนหนิงจึงได้รับฉายาว่า “หลิวปั้นเฟิง” ซึ่งในความเป็นจริงก็พิสูจน์ว่าเขามีปัญหาทางจิตอย่างแท้จริง
ภายหลังเขาถูกปลดจากตำแหน่งและถูกย้ายไปทำงานใน’สำนักเต๋าแห่งการสร้างสรรค์ ‘แต่ก็ทำงานไม่ปกติ บางครั้งก็สติเลื่อนลอย บางครั้งก็มีอาการบ้าคลั่ง ในที่สุดจักรพรรดิอู่ตี้ต้องส่งเขาไปอยู่ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลิงซานเพื่อรักษาตัวอย่างสงบ และแต่งตั้งหมี่ฝูขึ้นมาแทนที่
“หลิวเทียนหนิงต้องฝึกฝนเคล็ดวิชา ‘การเปลี่ยนแปลงฤดูกาล’ ร่วมกับการพัฒนาตุ๊กตาหญ้าตัวตนของเขาในระดับสูง ขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายเกษตรระดับห้า แต่ด้วยระบบสังคมและโชคชะตาของราชอาณาจักร คงทำให้เขาไปได้ไกลสุดเพียงระดับขั้นสี่ จิตวิญญาณ ยังไม่ถึงระดับขั้นสามวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เขาก็ยังพยายามควบคุมตุ๊กตาหญ้าจำนวนมากขนาดนี้…ใครจะไม่บ้าได้กัน”
แล้วตุ๊กตาหญ้าตัวตนคืออะไร?
ตุ๊กตาหญ้าตัวตน หรือที่เรียกว่าตุ๊กหญ้าแยกร่างหรือตุ๊กตาหญ้าหมื่นวิชา ในวิชาตุ๊กตาหญ้านั้นเป็นวิชาระดับสูง
คุณสมบัติเด่นของมันคือ การควบคุมที่มีความสามารถสูงและความสามารถในการขยายที่ไร้ขีดจำกัด
โดยใช้ตุ๊กตาหญ้าตรวจการ ตุ๊กตาหญ้าเคลื่อนไหวตามคำสั่ง และตุ๊กตาหญ้ามหาพลังเป็นพื้นฐาน ผู้ใช้สามารถสร้างหุ่นที่มีลักษณะคล้ายกับตัวตนของตนเอง สามารถพูด สังเกตการณ์ หรือแม้กระทั่งต่อสู้ได้
อะไรคือความสามารถในการควบคุมสูง? ตุ๊กตาหญ้าตัวตนสามารถทำได้หลายอย่างเหมือนเป็นร่างที่สองของผู้ใช้ ซึ่งวิชาตุ๊กตาหญ้าชนิดอื่นไม่สามารถทำได้
ความสามารถในการขยายคือ ตุ๊กตาหญ้าตัวตนสามารถผสานวิชาตุ๊กตาหญ้าทุกชนิดเข้าด้วยกันได้!
เช่น จ้าวซิงที่สามารถสร้างตุ๊กตาหญ้าเคลื่อนไหวตามคำสั่งและตุ๊กตาหญ้ามหาพลัง หากฝึกฝนต่อไปก็สามารถรวมสองวิชาเข้าด้วยกันเกิดเป็น “ตุ๊กตาหญ้าเคลื่อนไหวมหาพลัง” หรือจะรวมสามหรือสี่วิชาเข้าด้วยกันก็ได้
แต่การรวมวิชาตุ๊กตาหญ้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ทำได้เพียงสามหรือสี่ชนิด แต่ตุ๊กตาหญ้าหมื่นวิชานั้นด้วยโครงสร้างพลังธาตุทั้งห้าที่เลียนแบบร่างของผู้ใช้ ทำให้ในทางทฤษฎีสามารถผสานได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ตุ๊กตาหญ้าหมื่นวิชาคือสุดยอดของวิชาตุ๊กตาหญ้า โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการผสานวิชาได้ทั้งหมด และอาจถึงขั้นผสานสามจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน!
“หากร่างกายแห้งเหี่ยว แต่สามจิตวิญญาณสามารถย้ายเข้าสู่ร่างตุ๊กตาหญ้า ก็จะสามารถบรรลุถึงความเป็นอมตะ ไม่ตาย ไม่ดับ! อยู่ยงคงกระพันไปชั่วนิรันดร์!”
ความคิดของสำนักตัวตนมักกล้าหาญและบ้าบิ่นเป็นอย่างมาก ส่วนสายของวิชาตุ๊กตาหญ้านั้นก็เรียกได้ว่าเป็นพวกฝันเฟื่องแบบสุดโต่ง!
เมื่อไม่นับความคิดเพ้อฝันเหล่านี้ การควบคุม ‘ตุ๊กตาหญ้าตัวตน’ ก็มีภาระหนักหน่วงต่อจิตใจเป็นอย่างมาก เมื่อนานไปย่อมก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ต่อจิตวิญญาณ เพราะการควบคุมตุ๊กตาหญ้า ‘ตัวตน’ นับหมื่นนั้นจำเป็นต้องฝึกฝนวิชา ‘แยกจิตวิญญาณ’ เพื่อแบ่งจิตออกมาเสริมการควบคุมหุ่น
ยิ่งผสานวิชาเข้ากับตุ๊กตาหญ้าหมื่นวิชามากเท่าไร ความต้องการต่อวิญญาณชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้น ภาระทางจิตใจก็ยิ่งหนักขึ้นเท่านั้น"
"ในสมัยนั้น หลิวเทียนหนิงควบคุมตุ๊กตาหญ้าจำนวนมหาศาลเกินกว่าหลายสิบล้านตัวเสียอีก"
“เขาไม่ได้อยู่ในยุคฟื้นฟูที่วิชาเหนือธรรมชาติถูกปลดพันธนาการ ทำให้ไม่สามารถทำลายขีดจำกัดชั้นนั้น เพื่อเปลี่ยนจิตใจให้กลายเป็นจิตศักดิ์สิทธิ์และยกระดับจิตวิญญาณทั้งสามขึ้นมาได้ การพึ่งพาความคุ้มครองของวิหารจึงนำไปสู่ความบ้าคลั่งเป็นธรรมดา”
"หลิวเทียนหนิงน่าจะถูกเชิญมายังถ้ำสวรรค์สิบสุริยัน อาจจะยังถือว่าเป็นคนปกติอยู่ในตอนนี้…ล่ะมั้ง?"
“ข้าคงต้องหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลในชาตินี้ คงไม่ยอมถูกเขาฆ่าอีกแล้ว” จ้าวซิงหดคออย่างระแวง เพราะตอนนี้เขามีเพียงชีวิตเดียว ในขณะที่หลิวเทียนหนิงในยุคที่รุ่งเรืองสูงสุดได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิถึงขั้นที่สามารถสั่งประหารขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ได้โดยไม่ลังเล
…
หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวซิงก็เริ่มสำรวจวิชาตุ๊กตาหญ้าที่แสดงในลานฝึก
ก่อนหน้านี้ จ้าวซิงได้ฝึกวิชาตุ๊กตาหญ้าขั้นต้นที่เมืองกู่เฉิง ซึ่งอาศัยวัสดุเป็นหลัก เช่น ตุ๊กตาหญ้ามหาพลัง หากใช้แค่ก้านข้าวทั่วไปก็อาจไม่สามารถต่อกรกับคนที่แข็งแกร่งได้ แต่หากใช้ไม้ไผ่ที่แข็งแกร่ง ก็จะทำให้ตุ๊กตาหญ้ามีพลังมหาศาลเทียบเท่ากับนักสู้ชั้นดีได้
แน่นอน ตุ๊กตาหญ้ามหาพลังมีการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายและไร้เทคนิค การใช้วิชาตุ๊กตาหญ้าก็คือการใช้ปริมาณเข้าสู้ เน้นที่การ “กรูกันเข้าไป”
แต่ตุ๊กตาหญ้าขั้นกลางนั้นแตกต่างออกไป
ขั้นกลางให้ความสำคัญทั้งตัววิชาและวัสดุ การใช้วัสดุที่ดีย่อมเพิ่มศักยภาพสูงสุดให้กับวิชาและมีประสิทธิภาพตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่นเดียวกับตุ๊กตาหญ้าที่จ้าวซิงกำลังสังเกตอยู่ในตอนนี้
“ตุ๊กตาหญ้าล่องหน”
จ้าวซิงลองสัมผัสไปที่อากาศว่างเปล่า แม้เบื้องหน้าจะไม่มีอะไร แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความนุ่มของหญ้าแห้ง
“แม้จะใช้วัสดุธรรมดาขั้นหนึ่ง ตุ๊กตาหญ้าที่สร้างขึ้นก็ยังสามารถล่องหนได้ นี่แหละคืออานุภาพของวิชา”
“ตุ๊กตาหญ้าล่องหนนั้นโดยเนื้อแท้คือการฝึก ‘วิชาล่องหน’ ที่ใช้พลังธาตุทั้งห้าเพื่อซ่อนตัว”
"แต่การซ่อนตัวของคน ย่อมยากกว่าสิ่งไม่มีชีวิตมากนัก"
วิชาล่องหนที่มนุษย์ฝึกนั้นถือว่าเป็นวิชาขั้นสูง เพราะมนุษย์มีการสั่นสะเทือนของชีวิต การไหลเวียนเลือดลม และพลังงานปราณที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะซ่อนตัวอย่างไรให้หายไปจากสายตาได้?
แต่หากใช้ตุ๊กตาหญ้าเป็นตัวแทน ก็จะกลายเป็นเพียงวิชาขั้นกลาง เพราะตุ๊กตาหญ้านั้นมีเพียงการสั่นสะเทือนของพลังธาตุห้าธาตุเท่านั้น ทำให้หลอกลวงศัตรูได้ง่ายกว่า
“หากผสานตุ๊กตาหญ้าล่องหนเข้ากับตุ๊กตาหญ้าสอดแนม ซึ่งเป็นการผสานวิชาขั้นกลางกับขั้นต้น จะได้ตุ๊กตาหญ้าสอดแนมที่ทั้งล่องหนและไม่ต้องเสี่ยงภัยด้วยตัวเอง”
“หากสามารถผสานเข้ากับตุ๊กตาหญ้าวิ่งเร็วได้ การรวมสามวิชาจะทำให้เป็นตุ๊กตาหญ้าสอดแนมที่ดีที่สุด”
ตุ๊กตาหญ้าล่องหนเดินไปมารอบลานฝึก มันเดินไปตามสวนดอกไม้และลานดินรอบ ๆ เพื่อให้ผู้ฝึกได้ศึกษาและสังเกตการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน
ด้วยวิชาตรวจสอบชัดเจอและห้าธาตุสังเกตสรรพสิ่งของเขา จ้าวซิงสามารถมองเห็นตุ๊กตาหญ้าล่องหนอย่างชัดเจน รวมทั้งเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในของมัน
“มันปรับพลังธาตุทั้งห้าของตนให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์”
จ้าวซิงเดินตามตุ๊กตาหญ้าล่องหนไปเรื่อย ๆ หลังจากสังเกตได้ประมาณหนึ่งเค่อ ตุ๊กตาหญ้าล่องหนก็สลายตัวกลายเป็นเศษหญ้าแห้งหล่นลงบนพื้น แต่ไม่นานก็มีแสงสีทองจากพระราชวังตกลงมาที่เศษหญ้า
“ฟิ้ว~”
เศษหญ้าก็เริ่มประกอบตัวกันใหม่ และทีละนิด ๆ จนกลายเป็นตุ๊กตาหญ้าล่องหนที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง
จ้าวซิงดูเพียงครั้งเดียวก็เริ่มจับความเข้าใจได้บางส่วน
เนื่องจากวิชาตรวจสอบชัดเจอของเขาบรรลุถึงขั้นกลางสมบูรณ์แล้ว และห้าธาตุสังเกตสรรพสิ่งก็พัฒนาไปถึงขั้นกลางเช่นกัน ทำให้เขาสามารถเข้าใจถึงหลักการของตุ๊กตาหญ้าล่องหนได้ไม่ยาก ส่วนขั้นตอนการสานหุ่นนั้นกลายเป็นเรื่องรอง
“หลังจากผ่านด่านที่สาม จะมีการแข่งขันจัดอันดับ ตุ๊กตาหญ้าล่องหนนี้แม้ไม่มีความสามารถต่อสู้ แต่ก็ควรค่าแก่การเรียนรู้”
“หากเชี่ยวชาญวิชานี้ ก็จะทำให้การฝึกวิชาล่องหนของมนุษย์ง่ายขึ้น”
วิชาตุ๊กตาหญ้าที่ซวี่เหวินจงสอนใน《เคล็ดการถักตุ๊กตาหญ้าหลิว》ก็มีการสอนเกี่ยวกับตุ๊กตาหญ้าล่องหน แต่ตอนนั้นจ้าวซิงยังไม่สามารถฝึกได้ จึงจดจำวิธีไว้ในใจเท่านั้น
เมื่อกลับมาทบทวนอีกครั้ง จ้าวซิงก็เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างซวี่เหวินจงกับหลิวเทียนหนิง
ซวี่เหวินจงเป็นเพียงขุนนางฝ่ายเกษตรระดับเก้า เมื่อเขาฝึกวิชานี้จึงเน้นการสานจากภายนอกโดยทำตามอย่างแม่นยำเพื่อให้การหมุนเวียนธาตุห้าในหุ่นมั่นคง
แต่ตุ๊กตาหญ้าล่องหนของหลิวเทียนหนิงนั้นแสดงให้เห็นหลักการจากภายใน แม้จะมีการดึงหญ้าออกไปบางส่วน หุ่นก็ยังสามารถล่องหนได้ จ้าวซิงรู้สึกว่าแม้จะตัดแขนออกไป หุ่นก็คงยังคงสภาพล่องหนอยู่
ซวี่เหวินจงคงไม่สามารถทำได้แบบนี้ เพียงหญ้าหล่นไปเส้นหนึ่ง การล่องหนก็จะล้มเหลว ความแตกต่างนี้ไม่ได้เป็นเพราะความบกพร่องของซวี่เหวินจง แต่เป็นเพราะความแตกต่างในระดับความเข้าใจวิชาและวิถีเต๋าของทั้งสอง
ตอนนี้จ้าวซิงแน่ใจแล้วว่า หลิวเทียนหนิงเป็นคนตระกูลใหญ่แห่งแคว้นไท่เหอ และเป็นทายาทโดยตรงของหลิวจงไห่
【คุณได้สังเกตการฝึกตุ๊กตาหญ้า ได้รับความรู้เกี่ยวกับวิชาขั้นกลาง ‘ตุ๊กตาหญ้าล่องหน’】
【ตุ๊กตาหญ้าล่องหน: 1/9999】
【คุณสมบัติ: การเคลื่อนที่ตามพลังธาตุห้า ซ่อนตัวในสภาพแวดล้อม】
“ขึ้นมา!”
เมื่อตุ๊กตาหญ้าล่องหนสลายอีกครั้ง จ้าวซิงไม่รอให้แสงทองจากพระราชวังตกมา แต่กลับลงมือใช้วิชาด้วยตนเอง
“ฟิ้ว~”
เศษหญ้าก็ประกอบตัวเป็นหุ่นอีกครั้ง แต่หุ่นนั้นดูไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เพราะศีรษะเอียงไปด้านหนึ่ง และเท้าก็แบะออก
ถึงจะดูแปลก ๆ แต่หุ่นก็ยังคงล่องหนได้
“ถึงจะไม่งามนัก แต่ก็ใช้ได้”
“เดินไปสองก้าวสิ”
จ้าวซิงสั่งให้ตุ๊กตาหญ้าล่องหนเดิน หุ่นเดินโยกเยกไปมาอย่างช้า ๆ
“ยังมีจุดบกพร่องอยู่”
จ้าวซิงครุ่นคิด เพราะเมื่อหุ่นเดินจากสวนไปยังลานฝึก มีการหยุดชะงักเล็กน้อยในช่วงเปลี่ยนธาตุครึ่งวินาที ทำให้มีเงาเลือนรางปรากฏ หากมองอย่างละเอียดก็จะเห็นได้
“ลองอีกครั้ง”
จ้าวซิงสั่งให้ตุ๊กตาหญ้าล่องหนสลาย แล้วจึงหาวัสดุใหม่จากข้าง ๆ มาลองฝึกอีกครั้ง
ในวังหมื่นวิชา
หลิวเทียนหนิงมองไปที่มุมหนึ่งของลานฝึกด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“แค่ดูครั้งเดียวก็สามารถเรียนรู้ได้โดยเข้าใจแก่นแท้?”
“การใช้วิชาครั้งแรกถึงจะดูไม่งดงาม แต่ก็ได้ผล”
“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ทางวิชาตุ๊กตาหญ้าอย่างมาก”
สายตาของหลิวเทียนหนิงเฉียบแหลม เขาสามารถสังเกตได้ว่าจ้าวซิงมีพรสวรรค์ในวิชาตุ๊กตาหญ้า เพียงแค่เห็นการฝึกครั้งแรกก็สามารถตัดสินได้ เพราะการเรียนรู้ของจ้าวซิงนั้นเข้าถึงแก่นแท้ ซึ่งคนทั่วไปทำไม่ได้ มักเริ่มจากการเลียนแบบท่าทางภายนอกเท่านั้น
“อืม? เขากำลังทำอะไร?” หลิวเทียนหนิงยิ้มและส่ายหัวเบา ๆ
“เด็กคนนี้ ช่างซุกซนจริง ๆ”
เพราะจ้าวซิงใช้ตุ๊กตาหญ้าล่องหนไปดึงสายรัดเอวของคนอื่น!