บทที่ 139: เจ้าแน่ใจหรือ?
“เจ้าส้ม เจ้าแน่ใจหรือ?” มู่ไป๋ไป่ยิ่งอยากจะขุดคุ้ยข้อมูลที่ทำให้เจ้าแมวตัวนี้รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาจริง ๆ น้ำเสียงที่เธอพูดออกไปจึงแฝงไปด้วยความกดดัน
ใบหน้าอ้วนกลมของเจ้าส้มเริ่มกดต่ำลงเพราะน้ำเสียงของเด็กหญิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ในที่สุดมันก็ยอมประนีประนอมและพูดว่า “เจ้าอย่าไปบอกใครล่ะว่าข้าบอกเจ้า”
“ไม่ต้องห่วง ท่านพ่อรักข้ามาก เขาจะไม่มีวันทำอะไรข้าและข้าก็จะไม่ฟ้องท่านพ่อแน่นอน” มู่ไป๋ไป่ให้คำมั่นแก่อีกฝ่าย
พอเจ้าส้มได้ยินดังนี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเล่าให้อีกคนฟังเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างแคว้นเป่ยหลงกับแคว้นหนานซวนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังมีบางสิ่งบางอย่างที่แคว้นหนานซวนทำลับหลังแคว้นเป่ยหลงด้วย
หลังจากเด็กหญิงฟังคำอธิบายของเจ้าแมวอ้วนแล้ว เธอก็ถามขึ้นมาด้วยความสับสน “ในเมื่อท่านพ่อทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว ทำไมเขาถึงไม่จัดการให้เด็ดขาดล่ะ?”
เมื่อเจ้าส้มถูกถามด้วยคำถามนี้ มันก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ตัวมันเป็นเพียงแค่แมวซึ่งไม่มีความรู้เรื่องในราชสำนักมาก่อน แต่ถ้าพูดถึงอาหารอร่อยหรือวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เรื่องนี้มันรู้ดีที่สุด
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองแมวตัวอวบอ้วนที่อยู่ตรงหน้าและถอนหายใจเสียงดัง จากนั้นเธอก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้ตนอาจจะกังวลมากเกินไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมาถามเรื่องนี้กับเจ้าส้ม ใจจริงเธอแค่อยากรู้ความเห็นของผู้เป็นพ่อจากปากของมันต่างหาก
ทุกคนรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในราชสำนักนั้นมีการทุจริตและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างมู่เทียนฉงจะบอกคนอื่นว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ดังนั้นแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดก็ไม่อาจรับรู้ได้เช่นกัน
พอคิดเช่นนี้มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ดูเหมือนว่าเบาะแสของเธอจะขาดหายไปอีกแล้ว
“องค์หญิงหก พระองค์จะไปไหนเพคะ?” หลัวเซียวเซียวมององค์หญิงที่นั่งนิ่งอยู่สักพักแล้วจู่ ๆ ก็ผุดลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่บอกกล่าว นางจึงคิดจะติดตามไปด้วยความกังวล
เจ้าส้มเองก็หยุดเลียอุ้งเท้าของตัวเอง และลุกขึ้นมองดูเด็กน้อยที่กำลังเดินออกไป
“ข้ามีบางอย่างที่ต้องไปทำ” มู่ไป๋ไป่ตอบแบบขอไปที
แล้วหลัวเซียวเซียวกับเจ้าส้มก็รีบติดตามอีกฝ่ายไปทันที เนื่องจากเด็กหญิงไม่อยากปล่อยให้องค์หญิงไปไหนตามลำพัง นางจึงรีบไปเดินอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพูดว่า “องค์หญิงหก พาหม่อมฉันไปด้วยเถอะนะเพคะ”
มู่ไป๋ไป่เคยชินกับการมีหลัวเซียวเซียวอยู่ข้างกายจึงไม่ได้ปฏิเสธ แต่เมื่อนางเห็นว่าเธอกำลังตามหาเจ้าสัตว์ประหลาด นางก็รู้สึกประหลาดใจกับการตัดสินใจของคนตัวเล็ก
“องค์หญิงหก หม่อมฉันจำได้ว่าถนนสายนี้จะพามุ่งหน้าไปทางหนึ่ง” เด็กหญิงถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
มู่ไป๋ไป่ที่เห็นสีหน้าลังเลของหลัวเซียวเซียวก็พูดกับนางด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ข้ารู้ ข้าแค่อยากไปหาเจ้าสัตว์ประหลาด”
ทางด้านเจ้าส้มดูเหมือนจะคาดเดาได้เล็กน้อย มันสันนิษฐานว่าชายผู้สวมหน้ากากสีเงินน่าจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายมีแผนการที่จะจัดการกับเรื่องนี้อยู่แล้ว
“พระองค์เข้าใจใช่หรือไม่ว่ากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ไหน?” หลัวเซียวเซียวมึนงงกับการกระทำขององค์หญิงหกมาก
ตอนนี้จู่ ๆ มู่ไป๋ไป่ก็ไปหาคุณชายเซียวด้วยตัวเองซึ่งมันทำให้นางรู้สึกสับสนยิ่งนัก
“ข้าแค่มีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเขา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
มนุษย์เรายืดหยุ่นกันได้ อย่างน้อยเจ้าสัตว์ประหลาดก็มาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ไม่ใช่หรือ?
นอกจากปากที่ไม่ค่อยเป็นมิตรแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป
เมื่อหลัวเซียวเซียวได้ยินสิ่งที่มู่ไป๋ไป่พูด นางก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
นี่พระองค์พูดด้วยตัวเองว่าการไปพบคนอย่างคุณชายเซียวไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนั้นหรือ?
แต่ในขณะที่พวกเธอยังพูดกันไม่จบ ทั้ง 2 ก็มาถึงห้องที่เซียวถังอี้พักอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็ไม่ใช่วังหลวงที่กว้างขวางใหญ่โต ดังนั้นพวกเธอจึงมาถึงห้องพักของอีกฝ่ายเร็วมาก
“เจ้าสัตว์ประหลาด ท่านอยู่หรือไม่!?” มู่ไป๋ไป่ยืนอยู่ที่ประตูและเรียกคนในห้องเสียงดัง
หลัวเซียวเซียวรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเสียงตะโกนขององค์หญิง นางไม่คาดคิดว่าองค์หญิงจะยอมมาหาคุณชายเซียวโดยที่ไม่สงวนท่าทีแล้วยังเรียกอีกฝ่ายโดยตรง
ซึ่งแน่นอนว่าเซียวถังอี้ที่กำลังงีบหลับอยู่ข้างในต้องได้ยินเสียงของเด็กหญิง
เขาลุกจากเตียงและฟังเสียงของเจ้าตัวเล็กที่อยู่ข้างนอกประตู หลังจากรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็สวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไป
“ทำไมท่านถึงได้เปิดประตูช้านัก?” มู่ไป๋ไป่ตะโกนเรียกอยู่ด้านนอกประตูสักพักหนึ่งก่อนที่เด็กหนุ่มจะมาเปิดประตูซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
เซียวถังอี้ยังคงสับสนเมื่อจู่ ๆ ตนก็ถูกต่อว่า แต่แขกตัวน้อยที่ยังไม่ทันได้รับเชิญก็เดินเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว
นั่นยิ่งทำให้คนที่อยู่ในห้องตกตะลึงมากยิ่งขึ้น ก่อนจะรีบเดินตามหลังอีกฝ่ายไปและถามว่า “เจ้าตัวเล็ก เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”
ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เดินเข้ามา เธอก็มองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตากลมโต ซึ่งมันไม่สามารถหลบซ่อนความฉลาดเฉลียวของเธอได้ นั่นยิ่งทำให้เซียวถังอี้สงสัยว่าเด็กน้อยคนนี้มาพบเขามีเจตนาอะไร
“ท่านรู้เรื่องคนของแคว้นหนานซวนมากน้อยเพียงใด?” เด็กหญิงถามออกไปตามตรง
เบาะแสในการสืบสวนเกี่ยวกับคนของแคว้นหนานซวนขาดหายไป และคนเดียวที่เธอสามารถขอความช่วยเหลือได้ก็คือเจ้าสัตว์ประหลาด
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?” เซียวถังอี้เองก็แสดงท่าทีคล้ายกับเจ้าส้ม เขาไม่ได้ตอบออกมาทันทีและถามกลับ
มู่ไป๋ไป่ได้เตรียมตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดมีท่าทีเช่นนี้ เธอก็กระแอมในลำคอเล็กน้อยโดยที่ยกกำปั้นขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากบาง ก่อนจะพูดด้วยท่าทีเสแสร้ง “ข้ามาที่นี่เพื่อมาหาท่าน มันเป็นเรื่องสำคัญ”
หลังจากเซียวถังอี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ยินดังนี้ เขาก็มองเด็กน้อยตรงหน้าพร้อมกับเลิกคิ้วพูดว่า “หืม? ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าอะไรที่สำคัญมากถึงทำให้องค์หญิงหกต้องมาหาข้าด้วยตัวเอง”
เด็กหนุ่มเดาได้แล้วว่าที่คนตัวเล็กมาครั้งนี้เป็นเพราะอะไร นั่นอาจจะเป็นเพราะเรื่องของแคว้นหนานซวน
อย่างไรก็ตาม มู่ไป๋ไป่นิ่งเงียบไปหลายอึดใจ และเซียวถังอี้ก็ไม่คิดที่จะเร่งเร้านาง ในเวลานี้ทั้ง 2 จึงอยู่ในภาวะเงียบงัน
“ข้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับแคว้นหนานซวน” ท้ายที่สุดเด็กหญิงก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายจุดประสงค์ของการมาเยือนในครั้งนี้
ถึงอย่างไรเจ้าสัตว์ประหลาดก็ทั้งอายุมากกว่าและฉลาดกว่าเธอ เขาเป็นคนที่รู้อะไรมากมาย จึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะสามารถปลอบใจตัวเองยอมพูดคุยดี ๆ กับเขาสักครั้ง แม้ว่าในใจเธอจะรู้สึกไม่อยากเสวนากับอีกฝ่ายก็ตาม
“ท่านรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด?” พอมู่ไป๋ไป่เห็นว่าเซียวถังอี้ไม่ได้ปฏิเสธออกมาตามตรง เธอจึงถามออกไปอีกครั้ง
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของแคว้นเป่ยหลง เช่นเดียวกับการกระทำของมู่เทียนฉง
เธอรู้สึกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดกับมู่เทียนฉงมีความคล้ายคลึงกัน ในฐานะผู้ชาย เขาน่าจะอธิบายเหตุผลของการกระทำของพ่อเธอได้อย่างชัดเจน
“ข้าจะบอกเพียงว่าเกิดอะไรขึ้นในแคว้นหนานซวน ส่วนที่เหลือเจ้าต้องไปสอบปากคำเถ้าแก่ศาลาหมื่นอสูรด้วยตัวเอง” หากมู่ไป๋ไป่อยากจะถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขารู้ เซียวถังอี้เองก็ต้องการให้นางทำบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน
เด็กหญิงรู้ว่าตนไม่มีทางเลือก ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าเป็นการตอบตกลง “เอาเถอะ ทำตามที่ท่านว่าได้เลย”
เธอคิดว่าการสอบปากคำคนของแคว้นหนานซวนไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง
--------------------------------------------------
สวัสดีปีใหม่ 2568 นักอ่านทุกคนนะคะ~ วันที่ 10 ม.ค. 68 นี้เราเอา E-Book ไป๋ไป่เล่ม 6 มาเสิร์ฟล่ะ นักอ่านท่านใดที่รอเก็บ E-Book อยู่ สามารถเข้าไปจับจองกันได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยน้า