ตอนที่แล้วบทที่ 136: การเอาใจแลกใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 138: ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน

บทที่ 137: องค์หญิงหกผิดปกติหรือ?


อวี้เซิ่งยื่นจอกสุราในมือให้เซียวถังอี้และถามเขาในขณะที่รินสุราให้อีกฝ่ายไปด้วย “ท่านคิดว่าองค์หญิงหกคนนี้มีบางอย่างผิดปกติหรือ?”

เด็กหนุ่มที่กำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเหลือบตามองคนถาม ดวงตาของทั้ง 2 ประสานกัน แล้วเขาก็มองเห็นความสงสัยที่ฉายชัดในดวงตาของนักฆ่าหนุ่ม

ในความเป็นจริง ครั้งนี้เขากับเซียวถังอี้ออกเดินทางมาช่วยเหลือมู่ไป๋ไป่ หลังจากที่ได้เห็นความสัมพันธ์ของนางกับสัตว์พวกนั้น นั่นทำให้เขาเองก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้เขาเคยรู้สึกสงสัยในความรักที่มู่เทียนฉงมอบให้นาง

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือการกระทำหลาย ๆ อย่างที่ไม่สอดคล้องซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กไม่พึงมี

“ท่านอยากจะถามอะไรกันแน่?” เซียวถังอี้ไม่ได้ตอบออกไปตามตรง

อวี้เซิ่งรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “ท่านลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในศาลาหมื่นอสูรแล้วหรือ?”

เมื่อชายหนุ่มกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลาหมื่นอสูร เซียวถังอี้ก็ต้องยอมรับว่าเขาจำได้ขึ้นใจเช่นเดียวกับอวี้เซิ่ง เขายิ่งรู้สึกสนใจมู่ไป๋ไป่มากขึ้น เขาอยากจะรู้ว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้บ้าง มีสิ่งใดที่เขายังไม่รู้อีกหรือไม่

“ตามความเห็นของข้า แม้ว่าท่านจะรู้ว่าองค์หญิงหกแตกต่างจากเด็กทั่วไป แต่เราก็ไม่ควรพูดออกมาโดยตรง” อวี้เซิ่งไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเซียวถังอี้ในวันนี้

แต่วิธีการที่มู่ไป๋ไป่โต้ตอบก็ทำให้ชายหนุ่มต้องประหลาดใจเช่นกัน เด็กคนนี้มีเรื่องให้เขาประหลาดใจได้ตลอดเวลาจริง ๆ แล้วเขาก็รู้สึกว่านางดูเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่นางโต้เถียงกับเซียวถังอี้ นางไม่เสียเปรียบเลย ในสายตาของอวี้เซิ่ง นี่ไม่ใช่เพียงปาฏิหาริย์

“ท่านไม่ได้กำลังคิดว่าข้ารังแกเด็กใช่หรือไม่?” เด็กหนุ่มถามขณะที่มองอีกคนด้วยสายตาเย็นชา

ตามปกติแล้วอวี้เซิ่งชอบตามใจเจ้าตัวเล็ก แล้วตอนนี้อีกฝ่ายยังเอ่ยปากเตือนเขาเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้เป็นการหาเรื่องนางจนเกินไป

หลังจากนักฆ่าหนุ่มได้ยินดังนี้ เขาก็ส่ายหัวทันทีและรีบอธิบายกับเซียวถังอี้ว่า “ในฐานะองค์หญิง นางย่อมต้องมีความกล้าหาญและมีความคิดเป็นของตัวเอง ข้าว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

ดูเหมือนเขาจะไม่แปลกใจเลยที่เด็กซึ่งเกิดในราชวงศ์จะมีความคิดที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป

เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมู่ไป๋ไป่นั้นค่อนข้างแปลกประหลาด ทว่ามันก็ยังคงไม่เหมาะสมที่จะไปตั้งคำถามกับมู่ไป๋ไป่เรื่องความคิดและการกระทำของนาง

“ข้ารู้ว่าท่านกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ข้ามักจะรู้สึกอยู่ตลอดว่าเราควรมีวิธีการแก้ปัญหาคนของแคว้นหนานซวนมากกว่านี้” สิ่งที่เซียวถังอี้ทำก่อนหน้านี้นอกจากจะเป็นการทดสอบความสามารถของมู่ไป๋ไป่แล้ว เขายังมีลางสังหรณ์ว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถง้างปากคนพวกนั้นได้

ถ้าพวกเขาเป็นคนออกหน้าเอง พวกมันย่อมไม่ยอมเปิดปาก แล้วโอกาสในการสอบปากคำสำเร็จก็จะเป็นศูนย์

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้อวี้เซิ่งไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น ในตอนที่เขากำลังจะถามคำถามเพิ่มเติม อีกฝ่ายก็เอนตัวไปด้านหลังบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก ซึ่งมันทำให้เขาต้องยกสุราดับความโมโหในใจ

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พวกมู่ไป๋ไป่กับเจ้าส้มเดินออกมา เธอก็เอ่ยปากถามเจ้าตัวโตว่า “ตอนนี้เจ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

เมื่อหมาป่าสีเทาได้ยินคำถามของเด็กหญิง มันก็มีน้ำตาคลอหน่วย ในฐานะจ้าวอสูร มู่ไป๋ไป่มักจะปฏิบัติกับมันอย่างเท่าเทียมเสมอมา

“ข้าอาการดีขึ้นมากแล้ว” แม้ว่าร่างกายของเจ้าตัวโตจะยังไม่ฟื้นตัวดี แต่มันก็ไม่อยากบอกอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้นางต้องเป็นกังวลมากกว่าเดิม

“ดีเลย” หลังจากได้ยินคำตอบ มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน ก่อนที่เธอจะคุกเข่าลงลูบหัวหมาป่าสีเทา

เจ้าตัวโตเองก็ยื่นหัวเข้าหามือที่อ่อนโยนของคนตัวเล็กอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับส่งเสียงเบา ๆ ในลำคอ ถ้าหากมีใครมาเห็นภาพนี้ พวกเขาคงจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

ท้ายที่สุดแล้ว หมาป่าก็ถือว่าเป็นสัตว์ป่าดุร้าย ตามปกติแล้วดวงตาของพวกมันมักจะมีประกายแห่งความกระหายเลือดอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าตัวโตอยู่ต่อหน้ามู่ไป๋ไป่ ท่าทางของมันกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากจริง ๆ

หลัวเซียวเซียวที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย

แต่หลังจากที่ได้ติดตามองค์หญิงหกมาเป็นเวลานาน นางก็รู้สึกคุ้นเคยกับภาพเช่นนี้บ้างแล้ว

ในทางกลับกัน เจ้าส้มที่เห็นว่ามู่ไป๋ไป่เอาแต่สนใจหมาป่าสีเทา ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของมัน มันไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

มันหันไปมองเด็กหญิงสลับกับหมาป่าตัวโตด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้ายังจะเสแสร้งเป็นคนดีอยู่อีก มือเจ้าน่ะจับอะไรอยู่?!”

พอมู่ไป๋ไป่ได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของแมวส้มตัวอ้วน เธอก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว

เจ้าตัวโตเองก็ได้ยินเสียงของเจ้าส้ม มันจึงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน “เจ้าแมวอ้วน เจ้าไม่พอใจอะไร?”

ตอนนี้เจ้าส้มที่โมโหมากอยู่แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกเหยียบหางซ้ำ มันตอกกลับอีกฝ่ายทันที “แมวอ้วนอะไร! ข้านั้นทั้งสง่างามและมีเกียรติ หมาป่าธรรมดาอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร!”

“ช่างน่าขันยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่เจ้ารูปร่างอ้วนมากขนาดนี้ แต่ยังคิดถึงเพียงสถานะของตัวเอง” เจ้าตัวโตโต้กลับโดยไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ใด ๆ

เจ้าส้มเองก็ไม่ใช่แมวที่ยอมใครง่าย ๆ เมื่อมันได้ยินอีกฝ่ายพูดดังนี้ มันก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ จากนั้นสัตว์ 2 ตัวก็เถียงกันไปมาโดยที่ไม่มีใครยอมแพ้ใครเลย

มู่ไป๋ไป่ที่เห็นภาพตรงหน้าเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา แต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เธอจึงทำได้เพียงยกมือให้หลัวเซียวเซียวแล้วพูดว่า “เจ้าพามันไปรวมตัวกับคนอื่นก่อนเถอะ”

หลัวเซียวเซียวเองก็แทบทนฟังสัตว์ 2 ตัวนี้ร้องขู่กันอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ แต่เนื่องจากนางสนิทกับเจ้าส้มอยู่บ้าง ดังนั้นนางจึงอุ้มมันเพื่อเป็นการแยกทั้ง 2 ออกจากกัน

พอเจ้าตัวโตเห็นว่าแมวอ้วนถูกพาตัวออกไป มันก็เงียบลงทันที

“เจ้าเองก็รักษาตัวเองให้ดี ข้าจะไปดูสัตว์ตัวอื่นก่อน” มู่ไป๋ไป่กำลังคิดหาวิธีจัดการกับเหล่าสัตว์ทั้งหลายให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลามาคอยดูแลเจ้าตัวโตเพียงตัวเดียว

โชคดีที่หมาป่าสีเทาคุ้นเคยกับการอยู่เคียงข้างเธอบ้างแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก

“ท่านจ้าวอสูรไม่ต้องห่วง ข้าจะรักษาตัวเองให้ดีอย่างแน่นอน” เจ้าตัวโตสัญญากับเด็กหญิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หลังจากคนตัวเล็กได้ยินสิ่งที่หมาป่าพูด เธอก็รู้สึกเบาใจมากขึ้น ก่อนจะเดินไปหาสัตว์ตัวอื่น ๆ ที่ถูกแยกรักษาตัวอยู่ในศาลาหมื่นอสูร เนื่องจากสุขภาพของสัตว์พวกนี้อ่อนแอมาก เธอจึงยังไม่สามารถผ่อนคลายความระวังลงได้

เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้กับตัวเอง เถ้าแก่ศาลาหมื่นอสูรคนก่อนได้เลือกทำทุกอย่างที่ผิดกฎหมาย

“ท่านจ้าวอสูร” ยามที่มู่ไป๋ไป่ปรากฏตัวขึ้น พวกสัตว์ก็สัมผัสได้ทันทีและส่งเสียงทักทายเธอพร้อมกัน

จู่ ๆ สัตว์ป่าเหล่านี้ก็ส่งเสียงร้องพร้อมกันทำให้เกิดภาพที่น่าตกใจอยู่ไม่น้อย

เด็กหญิงจึงเผลอยกมือขึ้นปิดหูของตัวเอง ในขณะที่เธอมองไปยังสิงโตที่มีพลังเต็มเปี่ยมในกรงด้วยสายตาประหลาดใจ จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่มันแล้วถามว่า “เจ้าใกล้หายดีแล้วหรือยัง?”

สิงโตตัวเมียพยักหน้าทันที ก่อนที่มันจะเหลือบมองสิงโตตัวผู้แล้วพูดว่า “ทุกอย่างนี้พวกเราต้องขอบคุณท่านจ้าวอสูร ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงตายไปนานแล้ว”

พอได้ยินดังนี้มู่ไป๋ไป่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเธอก็หันไปมองหมีสีน้ำตาลและสัตว์ตัวอื่น ๆ แม้ว่าพวกมันจะยังไม่หายดีเหมือนเจ้าตัวโต แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด