บทที่ 11
สิบนาทีต่อมา บนทางหลวงใต้ท้องฟ้ามืดมิด SUV คันหนึ่งกำลังแล่นไปเรื่อย ๆ บนที่นั่งคนขับ เปียโตร ซึ่งสวมเสื้อยืดที่เน้นกล้ามเนื้อของเขา พักมือหนึ่งบนพวงมาลัย อีกมือหนึ่งพิงแก้มบนหน้าต่าง เขาฮัมเพลงที่ไม่มีใครรู้จักเบา ๆ พลางฟังเสียงฝนตกพรำข้างนอกซึ่งทำให้เขารู้สึกสบาย
ทันใดนั้น เสียงดังสองครั้งมาจากด้านหลัง เปียโตรขมวดคิ้วและมองเข้าไปในกระจกมองหลัง เห็นเงาสองร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยคลื่นพลังบางอย่าง วิ่งผ่านสายฝนมาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์
ก่อนที่เขาจะทันตอบสนอง เงาทั้งสองก็ไล่ตาม SUV ทันแล้ว
ปัง!
ประตูรถเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้วานด้าและเซอร์เกย์นั่งอยู่ภายในรถแล้ว เปียโตรไม่แปลกใจกับฉากที่ท้าทายตรรกะนี้ เขาหันไปหาน้องสาวที่นั่งถอดฮู้ดอยู่บนที่นั่งข้าง ๆ “เสร็จแล้วเหรอ? ไวนะ”
“นายคิดว่ากลุ่มคนธรรมดาพวกนั้นจะจัดการยากแค่ไหน?” วานด้าตอบ พร้อมเอนตัวพิงพนักเบาะและวางขาเรียวของเธอไว้บนแผงหน้าปัดพลาสติกอย่างสบาย ๆ
หลังจากการฝึกฝนปราณวารีอย่างเข้มข้นเป็นเวลาสองปี วานด้าก็ได้ปลุกพลังของเธอเอง นั่นคือเวทมนตร์แห่งความโกลาหล รวมพลังเหล่านี้เข้าด้วยกันทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของเธอแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่นับว่าแค่เซอร์เกย์คนเดียวก็สามารถจัดการคนพวกนั้นได้แล้ว
ด้วยคำแนะนำของลีออน เซอร์เกย์พัฒนาปราณเพลิงอย่างสมบูรณ์แบบ และหลังจากฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสองปี เขาก็สามารถรักษาอยู่ในสถาณะเพ่งจิตรวมปราณได้ตลอดเวลา
ตามปกติแล้ว ความเร็วของเซอร์เกย์ใกล้เคียงกับสองร้อยเมตรต่อวินาที และความเร็วนี้ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังและความเร็วเช่นนี้ เขาสามารถจัดการฐานไฮดราทั้งฐานได้ด้วยตัวเองเมื่อสองปีก่อน อย่างไรก็ตาม ฐานพวกนี้มักติดตั้งระบบทำลายตัวเอง ทำให้มีเพียงเปียโตรและวานด้าที่จะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยก่อนเกิดการระเบิด ดังนั้นลีออนจึงไม่ได้ให้พวกเขาเข้าร่วมการบุกฐานไฮดรา
“เร็วหน่อยสิ เปียโตร รถคันนี้ช้ากว่าหอยทากอีก” เซอร์เกย์บ่นจากเบาะหลัง วางดาบกางเขนของเขาลงอย่างไม่ใส่ใจ เขาอาจเริ่มหิวแล้วกระมังเพราะอยากกลับไปกินข้าวเต็มแก่
“ถ้านายรีบขนาดนั้น ทำไมไม่วิ่งกลับเองล่ะ?” เปียโตรตอบกลับ พลางกลอกตาแม้จะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็เหยียบคันเร่งแรงขึ้น รถ SUV พุ่งทะยานไปบนถนนมืดมิด ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น พวกเขาก็มาถึงป่าเล็ก ๆ ใกล้เทือกเขาอูราลและจอดรถ
หลังจากออกจากรถ เซอร์เกย์ เปียโตร และวานด้าต่างก็หยิบกล่องโลหะขนาดใหญ่มาคนละสองกล่อง แล้วเร่งความเร็วไปยังเทือกเขาอูราลจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
สิบ นาทีต่อมา พวกเขามาถึงบ้านของตนเอง บ้านไม้ที่เคยเรียบง่ายได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่ตลอดสองปีที่ผ่านมา มันถูกรีโนเวทและขยายให้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 400 ตารางเมตร มีสองชั้นโดยชั้นบนมีห้องนอนและชั้นล่างมีห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและห้องครัว นอกจากนี้ยังมีโกดังเก็บของอยู่หลังบ้าน
ก่อนที่ทั้งสามจะเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยและหัวเราะที่คุ้นเคยจากข้างใน พอเดินขึ้นบันไดและเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ถูกต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น
สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือพรมยาวที่ทอดจากประตูไปถึงห้องนั่งเล่น เพิ่มความรู้สึกเรียบง่ายและอบอุ่นให้กับบ้าน ผนังประดับด้วยหลอดไฟฟ้าและมีโคมไฟระย้าคริสตัลห้อยอยู่บนเพดาน การตกแต่งในห้องนั่งเล่นเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์แบบย้อนยุค ดูหนักแน่นและทำให้ห้องดูโอ่อ่า เตาผิงหินที่ยาวไปจนถึงหลังคาคือจุดเด่นของห้อง ด้านข้างมีโต๊ะอาหารกลมขนาดใหญ่ที่พอให้ทุกคนนั่งรับประทานอาหารร่วมกันได้ ส่วนครัวก็ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัย ผสมผสานความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว
ในห้องนั่งเล่นมีทีวี LCD ขนาดใหญ่และโซฟาหลายตัวที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและชวนให้นั่งพักผ่อน มีคนมากกว่าสิบคนนั่งอยู่บนโซฟา กำลังดูทีวีอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็พูดคุยและหัวเราะกันเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นบนหน้าจอ ทันทีที่วานด้า เซอร์เกย์ และเปียโตรกลับถึงบ้าน ทุกคนก็หันมาสนใจพวกเขาทันที
เด็กหญิงสองคนวัยสิบขวบที่นั่งขดตัวอยู่บนโซฟาหันกลับมามองด้วยตาโตแล้วส่งเสียงเชียร์พร้อมกับทักทายวานด้าและคนอื่น ๆ อย่างตื่นเต้น
“พี่วานด้า เซอร์เกย์ เปียโตร พวกพี่กลับมาแล้ว!”
“นี่ อลีน่า โพลีน่า มานี่สิพี่เอาขนมมาฝาก” วานด้ายิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กน้อยทั้งสองพร้อมกับวางกล่องโลหะที่เธอถืออยู่ลง หลังจากถอดรองเท้าแล้วใส่รองเท้าแตะนุ่ม ๆ วานด้าหยิบถุงขนมช็อกโกแลตออกมาสองถุงจากกระเป๋าแล้วเขย่ามันด้วยท่าทีเล่น ๆ
ดวงตาของเด็ก ๆ ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น แต่ในจังหวะที่พวกเธอกำลังจะกระโจนเข้าหาขนมนั้น เสียงของลีออนก็ดังขึ้นขัดไว้ทันที
“อลีน่า โพลีน่า พวกเธอเพิ่งกินไอศกรีมไปเมื่อกี้เองนะ งดช็อกโกแลตวันนี้ก่อนล่ะ จำไม่ได้เหรอว่าปีที่แล้วฟันผุร้องไห้น้ำตาไหลน้ำมูกเลอะไปหมด?”
พอได้ยินคำพูดของลีออน เด็กน้อยทั้งสองก็หันมองเขาด้วยท่าทางผิดหวัง วานด้าเองก็มองตามพวกเธอไปอย่างกระตือรือร้น
และที่นั่น ลีออนปรากฏตัวในครัว สวมเสื้อเชิ้ตลายตารางสีขาวดำ กำลังถือหม้อเหล็กซึ่งเขาวางลงบนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่โดยไม่สนใจความร้อน
โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิดอยู่แล้ว เมื่อวางหม้อลง ลีออนสังเกตเห็นความตึงเครียดที่ยังค้างอยู่รอบ ๆ วานด้าและเซอร์เกย์ราวกับมีกลิ่นอายของการต่อสู้หลงเหลืออยู่บนตัวพวกเขา คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรและแทนที่จะถาม เขากล่าวว่า “ได้ยินเสียงมา ก็เลยเดาว่าพวกเธอคงจะถึงที่นี่เร็ว ๆ นี้”
ลีออนตบมือเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน เชิญชวนให้ทุกคนเริ่มมื้อเย็น เสียงเชียร์ดังขึ้นจากกลุ่มที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ทุกคนลุกขึ้นจากโซฟา หยอกล้อและหัวเราะอย่างมีความสุขพลางมุ่งหน้าไปล้างมือในห้องน้ำ หลังจากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันในครัว คว้าอุปกรณ์รับประทานอาหาร และนั่งลงรอบโต๊ะ
วานด้า เซอร์เกย์ และเปียโตรก็เข้าร่วม ช่วยกันเปิดฝาครอบจานต่าง ๆ เผยให้เห็นอาหารหอมกรุ่นมากมาย
“ว้าว!!” ใบหน้าของทุกคนสว่างขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ลีออนหัวเราะและเริ่มตักอาหารให้ตัวเองเป็นคนแรก กระตุ้นให้คนอื่น ๆ ลงมือรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านไปสองปี เด็ก ๆ ที่เคยตัวเล็กต่างก็เติบโตขึ้นมาก
แม้แต่เด็กหญิงสองคนวัยสิบขวบก็มีความอยากอาหารมากกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปสองถึงสามเท่า มื้อนี้จึงจัดหนักด้วยอาหารจานใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหมูหันย่าง เนื้อแกะย่าง สเต็ก และไก่ตุ๋น หากพวกเขาไม่ได้ทำตามกลยุทธ์ “ปล้นคนรวยให้คนจน” ตลอดสองปีที่ผ่านมา คงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเลี้ยงดูครอบครัวขนาดใหญ่นี้ได้