บทที่ 11: ไฟ
หยาดน้ำตาไหลรินอาบใบหน้าของไทร์เหมือนสายน้ำตก
ริมฝีปากสั่นระริก ปลายจมูกเป็นสีแดง ดวงตาก็บวมเล็กน้อย
‘นั่นคือปู่ของฉัน… แต่ทำไมดูอ่อนเยาว์กว่าที่ฉันจำได้’
เขารู้สึกปวดแสบที่จมูก อาการที่มักเกิดหลังจากร้องไห้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผูกพันกับภาพที่เห็นเลย
‘ฉันกำลังร้องไห้?’ ไทร์มองน้ำตาบนใบหน้าด้วยความงุนงง
แม้ว่าในตอนนี้เขาอาจไม่ได้รู้สึกเชื่อมโยงกับความทรงจำเหล่านั้นในเชิงอารมณ์
แต่ร่างกายของเขากลับตอบสนองราวกับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเองยังไม่เข้าใจ
ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดในความทรงจำยังคงเลือนลางในสมองของเขา แต่จากสิ่งที่เขาสรุปได้คือ
‘คนพวกนั้นต้องการให้ปู่พาฉันและกริมมัวร์ไปยังสถานที่ที่ไม่มีออร่า บางทีนั่นอาจจะเป็นโลก?’
ตอนนี้ ไทร์ยังไม่มั่นใจนักเกี่ยวกับความทรงจำนี้
แม้ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจะดูเหมือนจริงสำหรับเขา แต่เขาก็เพิ่งจะใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
การจะเชื่อเรื่องราวเช่นนี้อาจต้องใช้เวลาทำใจสักพัก
แต่ถ้าเขาจะเชื่อ มันคงหมายความว่าสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นนั้นเป็นเรื่องที่เขาจะต้องจำไว้ไม่มีวันลืม
โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายที่มาจากปู่ของเขา
‘ฉันคือคนเดียวที่จะทำได้อย่างนั้นเหรอ?’ ไทร์หยุดคิด พลางมองขึ้นไปยังท้องฟ้าผ่านช่องแสงเล็กๆ ในพุ่มไม้ “ปู่ฝากภาระอะไรไว้ให้ฉันกันแน่?”
เขาปาดน้ำตาออกจากแก้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าแน่วแน่ “อะไรก็ตามที่ปู่ฝากไว้ ฉันไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องยอมรับมัน” เขาพึมพำ
"กริมมัวร์บอกว่านี่เป็นแค่ความทรงจำแรกเท่านั้น บางทีฉันอาจจะเข้าใจเรื่องในอดีตของตัวเองได้มากขึ้น
ถ้าฉันแข็งแกร่งขึ้นและปลดล็อกความทรงจำเหล่านี้ได้อีก"
เขาไม่รอช้า รีบเริ่มเก็บชิ้นส่วนจากสัตว์ต่างๆ ที่เขาฆ่าได้ทันที
ตอนนี้ไทร์มีเหตุผลในการแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม
เดิมทีเขาเพียงอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ล่าสัตว์เก่งขึ้น และเพิ่มโอกาสรอดในโลกนี้
แต่ตอนนี้เขาอยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปลดล็อกความทรงจำที่ยังไม่รู้ความหมาย
เพื่อเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาคือใครและสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบคืออะไร
นอกจากนี้ เขายังอยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะสามารถรักษาคำมั่นสัญญาใดๆ ก็ตามที่ปู่มอบไว้ให้กับเขา
เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นต้องการความแข็งแกร่งจริงๆ หรือไม่
แต่หากต้องทำตามความคาดหวังที่คนอื่นเคยมีต่อเขา มันก็คงต้องการพลังอย่างแน่นอน
หลังจากใช้เวลาไม่กี่นาที
ไทร์ก็เก็บลูกแก้วเล็กๆ จากสัตว์ทั้ง 4 ตัวที่เขาฆ่าได้ไว้ทั้งหมด ลูกแก้วทั้งหมดดูเหมือนกัน
มีสีเทาและเป็นเงาแวววาวเล็กน้อย เขาได้ลูกแก้วมา 5 ลูก รวมกับลูกแรกที่ได้จากหมาป่าดิน
หลังจากจัดการเรียบร้อย เขายืนกอดอกมองซากศพสัตว์ที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร
เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีสัตว์อื่นๆ มารุมซากศพใกล้ๆ ที่พัก
สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ที่สุดก็คือ...
เสียงท้องร้องดังก้องจนเขาสะดุ้งขึ้นมา
เขาต้องการอาหารมากที่สุด อะดรีนาลีนและความตื่นเต้นของเขาสูงเสียจนเขาลืมเรื่องอาหารไปหมด
เมื่อวานนี้ เขาได้มาเพียงใบไม้และดินถุงเดียว เขาจึงต้องทนหิวไปทั้งวัน
แต่ตอนนี้ เขามีทางเลือกสองทางอยู่ตรงหน้า
"มีเสือดาวนี่นะ..." ไทร์พูดพร้อมกับทำหน้าเบ้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองอีกทางเลือกหนึ่ง
"แล้วก็มีหมูป่าโบอาร์ ระหว่างสองตัวนี้ ฉันขอเลือกไม่กินเจ้าแมวยักษ์นักล่าจะดีกว่า…
มันดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ถึงยังไงมนุษย์ก็กินแต่พวกสัตว์กินพืชอยู่แล้ว ไม่ค่อยกินสัตว์นักล่าเท่าไหร่"
ไทร์ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการลากซากหมูป่าโบอาร์ไปใกล้ลำธารที่เขาเจอเมื่อวานนี้
จากนั้นใช้เวลาอีกสองชั่วโมงในการถลกหนัง ควักไส้ และแล่เนื้อให้พร้อมสำหรับการปรุงอาหาร
หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนที่ยากที่สุด... ส่วนที่เขากังวลมาตลอดทั้งวัน
เมื่อวานเขาลองก่อไฟแต่ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทำให้เกือบหนาวตายตลอดคืนที่เย็นเฉียบ อย่างน้อยก็รู้สึกอย่างนั้น
แต่คราวนี้เขามั่นใจมากขึ้น แม้เขาจะกังวลกับการจุดไฟมาตลอด
แต่ความกังวลนี้ได้หายไปหลังจากที่เขาฆ่าสัตว์พวกนั้นได้ โดยเฉพาะสไลม์
เขานำซากสไลม์ติดมาด้วย หลังจากตั้งกองไฟนอกถ้ำและวางเชื้อเพลิงไว้ด้านล่าง เขาก็ยกซากสไลม์ขึ้นไว้เหนือกองไฟ
โดยอาศัยมุมที่แสงแดดส่องผ่านยอดไม้ ไทร์สามารถปรับมุมให้แสงเข้มข้นของดวงอาทิตย์ผ่านทะลุผ่านร่างกายสะท้อนแสงของสไลม์ได้
เขาทำให้แสงนี้ส่องลงไปตรงเชื้อไฟอย่างพอดี
ในเวลาไม่กี่วินาที ควันไฟเริ่มลุกเป็นประกายบนเชื้อไฟอย่างรวดเร็ว เขารีบโยนซากสไลม์ทิ้งไปข้างๆ และเติมกิ่งไม้ลงในกองไฟ
เมื่อมั่นใจว่าไฟไม่ดับแน่นอนแล้ว เขาก็พุ่งขึ้นด้วยความดีใจพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“ไฟ! ฉันมีไฟแล้วเว้ย!!”
เขาค่อยๆ ย่างเนื้อหมูป่าโบอาร์บนหินเรียบๆ ร้อนๆ ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอาหารมื้อแรกบนดาวดวงใหม่นี้ในช่วงเย็น
เขาตัดเนื้อชิ้นบางๆ ด้วยหินแหลม ก่อนจะวางเนื้อลงบนลิ้นของตัวเอง
เขาหิวมานานจนรสชาติของมันแทบจะระเบิดอยู่ในปาก
เขากัดคำแรก—เนื้อหมูป่าแทบละลายในปาก น้ำจากเนื้อที่เข้มข้นและหอมอร่อยไหลซึมลงคอของเขา
ดวงตาของเขาปิดลง พ่นไอน้ำออกจากจมูกขณะที่เพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้อย่างเต็มที่
ทุกคำที่เขาเคี้ยวทำให้น้ำเนื้อไหลออกมามากขึ้น ทุกการขยับของลิ้นพาเขาเข้าสู่มิติใหม่ของรสชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เมื่อกลืนลงไป เขารู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง ราวกับว่าเนื้อหมูป่าโบอาร์นั้นช่วยเติมพลังให้กับร่างกายจากภายใน
เมื่อถึงเวลาค่ำมืด เขากินเนื้อไปแล้วกว่า 2 กิโล เรียกได้ว่าอิ่มจนพุงกาง
ท้องของเขาพองโตจนดูเหมือนหญิงตั้งครรภ์ นอนเอนหลังบนพื้นมองดวงดาวที่ส่องแสง
พลางเอามือจับท้องของตัวเอง เขาเรอเสียงดังลั่นด้วยความพอใจ
‘พรุ่งนี้ฉันจะฝึกตัวเองให้แข็งแกร่งอย่างสุดกำลัง การฝึกทางกายภาพเป็นสิ่งจำเป็น
แม้ว่าฉันจะเพิ่มค่าสถานะไปบ้างแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากให้ร่างกายเป็นเหมือนไม้ก้านผอมๆ หรอกนะ
ใครจะอยากดูแข็งแรงแต่กลับมีร่างกายอ่อนแอแบบนั้นล่ะ? และแน่นอน
ฉันต้องพุ่งเป้าไปที่การเพิ่มระดับสถานะก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยคาถาก้าวพริบตานี้
ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันจะทำในวันพรุ่งนี้จะง่ายกว่าวันนี้หลายเท่า’
ไทร์หยุดคิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมั่นใจ
‘การล่าเริ่มขึ้นแล้ว’