บทที่ 11 เปลี่ยนตัว
บทที่ 11 เปลี่ยนตัว
เขาได้ทำการค้นหาหมู่บ้านอย่างละเอียดและรวบรวมสิ่งของที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดมาจัดไว้ในที่เดียว
แน่นอนว่าด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาตอนนี้ที่มีเกือบสองร้อยคนแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้เพียงออกคำสั่ง
[อืม ฉันหวังว่าจะมีมากกว่านี้ เพราะนี่คือดินแดนของพ่อมดแห่งความมืด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถือว่าดี]
หลังจากรวบรวมข้าวของส่วนตัวและของมีค่าแล้ว เขาได้ค้นบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านและพบสิ่งที่ดูเหมือนเป็นทรัพยากรที่ใช้ในการปฏิบัติการ รวมถึงสกุลเงินและโลหะมีค่า
เขาไม่รู้มากเกี่ยวกับมูลค่าของสกุลเงินนี้ แต่โดยทั่วไปหากเป็นเหรียญทองคำ มันต้องเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร
“อืม นี่เป็นทองคำจริงๆ เหรอ” เขาถามออกมาเพราะไม่เคยแตะทองคำมาก่อนในชีวิต
เขาขูดแท่งทองเล็กน้อยด้วยเล็บเพื่อยืนยันว่ามันเป็นทองคำจริงๆ
เมื่อเขารู้สึกดีใจแล้วก็ไปค้นของอย่างอื่นเพิ่ม
เขาตัดสินใจที่จะติดตั้งอาวุธและชุดเกราะให้กับซอมบี้ลูกสมุน
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคืออุปกรณ์เวทย์ที่พ่อมดแห่งความมืดใช้
มีตั้งแต่ไม้เท้าและเสื้อคลุมไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถช่วยเหลือในการเพิ่มความแข็งแกร่ง
ชุดคลุมที่ตัดเย็บอย่างประณีตนั้นไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมอุณหภูมิเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันร่างกายได้อีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องสนใจอุณหภูมิเป็นพิเศษก็ตาม
“ฉันก็ต้องหารชุดคลุมมาใส่ด้วย เพาะฉันคงเดินไปมาโดยมีร่างกายเป็นกระดูกไม่ได้หรอกใช่ไหม”เขาครุ่นคิด
เขาหาเสื้อผ้าลินินและชุดเกราะหนังหนาคลุมไหล่ ในที่สุดเขาก็สวมชุดคลุมครบเซ็ตทั้งตัว
“เอาล่ะ มันก็ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วล่ะ” เขาสรุปด้วยความพอใจกับรูปลักษณ์ของตัวเอง
จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ และสังเกตเห็นอันเดตตัวหนึ่งที่ดูดีที่สุด และเรียกมัลคอล์มมาเพื่อขอเปลี่ยนสิ่งของ
“คุณเอาสิ่งของจากอันเดตตัวนี้แล้วเอาสิ่งของที่มีมาให้ฉัน เพราะดูเหมือนว่าของที่คุณมีจะดีที่สุด” เขาสั่งพลางแลกเปลี่ยนสิ่งของกับมัลคอล์ม
ด้วยไม้เท้าหัวกะโหลกที่ประดับด้วยอัญมณีในมือ เขาทดลองเคาะพื้นทำให้เปลวไฟสีดำกลืนกินพื้นที่ ส่งผลให้พวกอันเดดซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย ต่างจมลงไปในพื้นดินทีละตัว
จากนั้นเขาก็เดินสำรวจหมู่บ้าน
ตอนที่เขามาถึงที่นี่ครั้งแรกมันเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไร้ซึ่งจิตวิญญาณใดๆ
เขาเดินช้าๆ เพื่อชมทิวทัศน์
ขณะเดินผ่านบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านที่เขาเคยพัก เขาสังเกตเห็นอาคารที่ดูเหมือนจะใช้เป็นศาลากลางหมู่บ้าน
วูบ
เปลวไฟสีดำปะทุขึ้นทุกที่ที่เขาเดินผ่านไป เผาผลาญหบ้านไปทั้งหมด
เมื่อเขามาถึงจุดศูนย์กลาง เท้าของเขาก็หยุดลง
มันเป็นสถานที่ที่เหล่าซอมบี้ที่ถูกทำลายไปรวมตัวกันอยู่ โดยมีศพที่ดูเหมือนชาวบ้านเดิมนอนอยู่รอบๆ
เขาสามารถทำพวกเขาให้เป็นอันเดตได้ แต่พวกเขาค่อนข้างอ่อนแออย่างมาก มันจึงไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก
เขาสบตากับซอมบี้ตัวเดียวที่รอดชีวิต มันเป็นชายหนุ่มที่ช่วยเขาเอาชนะเจอราฟในโกดังก่อนหน้านี้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับความเสียหาย แต่เขาก็สามารถจำมันได้ในแวบแรก
เขาสบตากันมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ แล้วหันหน้าออกไป ไม่นานเปลวเพลิงสีดำก็กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
มันปรารถนาที่จะปกป้องคนที่รักและในที่สุดก็แก้แค้นได้สำเร็จ และตอนนี้ถึงเวลาที่จะไปอยู่กับครอบครัวในปรโลกแล้ว
วูบ
หมู่บ้านทั้งหมดถูกไฟไหม้
เขาก็ออกจากหมู่บ้านที่กำลังลุกไหม้และมุ่งหน้าไปยังป่าทางทิศตะวันออก
….
ณ ใจกลางทวีปของโลกทูเทริก้า หญิงสาวคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพเจ้าในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารโรเซเลีย
เธอหลับตาและประสานมือไว้ทำการอธิษฐาน
แสงอ่อนๆ เริ่มแผ่ซ่านไปรอบๆ หญิงสาวผมสีเงิน
เมื่อแสงสว่างเริ่มลดลง หญิงสาวก็ลืมตา ลุกจากที่อย่างช้าๆ โค้งคำนับเทพเจ้าด้วยความเคารพ และออกจากวิหารด้วยความระมัดระวัง
บาทหลวงในชุดขาวที่รออยู่หน้าประตูก้มศีรษะขณะที่เธอเดินผ่านไป
"นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์"
“บิชอปมาร์ติน ฉันขอให้คุณแจ้งคนอื่นๆ หน่อยได้ไหม?”
หญิงสาวชื่อว่าลีเอสต้า เป็นนักบุญแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ เธอจ้องมองไปทางทิศตะวันตกอย่างแน่วแน่
“อะไร... มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” มาร์ตินถามออกมา
“เราตรวจพบสัญญาณการฟื้นคืนชีพของราชาอมตะในทิศตะวันตก”
“ราชาอมตะ... เข้าใจแล้ว ข้าจะเรียกประชุมทันที” มาร์ตินกล่าวอำลาด้วยท่าทีเคร่งขรึมและรีบออกเดินทาง
ชื่อของราชาอมตะผู้เคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งทวีปเมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้น มีความหมายพ้องกับความอันตรายอันยิ่งใหญ่
“ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก!”ลีเอสต้ากำหมัดแน่นและเม้มริมฝีปากอย่างมุ่งมั่น
ฮันส์เชื่อว่าการปกปิดพลังแห่งความมืดของเขานั้นเพียงพอแล้ว แต่พลังของลีเอสต้านั้นเกินกว่าที่เขาจะสามารถจินตนาการได้
และแล้วกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปก็เริ่มรับรู้ถึงการมีอยู่ของฮันส์และเริ่มสืบหาเขา
….
“อืม...วันนี้พอแค่นี้แหล่ะ ฉันจะไปกินซุปข้าว”
ไฮนซ์เตรียมตัวกลับบ้านหลังจากออกกำลังกายเสร็จ เขามุ่งหน้าตรงไปที่ร้านข้าวต้มใกล้ๆ
เขาไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเมนูมากนัก
“ขอข้าวต้มถั่วงอก ข้าวต้มซุนเด และข้าวต้มหัววัวอย่างละหนึ่งจาน และกรุณาเตรียมซุปเนื้อรสเผ็ดและซุปกระดูกวัวมาด้วย และขอหมูทอดจานใหญ่พิเศษด้วย”
เขาสามารถสั่งออกมาตามใจชอบ
ด้วยความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้น เขาจึงพบความสุขในการลองชิมอาหารหลากหลายชนิด
แม้โดยปกติเขาจะแสดงความอดทนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขารู้สึกดีเป็นพิเศษและสั่งอาหารอย่างใจกว้าง
'อืม...ราคาทองคำตอนนี้เท่าไรนะ?'
ตลาดดูผันผวนและดูเหมือนว่าราคาทองคำจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
เขาเพลิดเพลินกับซุปข้าวของที่ไฮนซ์ห่อมากฝากขณะท่องอินเทอร์เน็ต
หลังจากคำนวณอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจอย่างมาก
'ข้าวต้มร้านนี้อร่อยมาก'
แม้ว่าขณะนี้ฮันส์กำลังเดินป่าอยู่ในป่าทางทิศตะวันออกและไม่สามารถนำแท่งทองคำกลับมาได้ในทันที แต่มันก็ถือว่าอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว
จากนั้นเขาก็กินหมูทอดที่ห่อมากับน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อยเบนความสนใจ เขาพิจารณาสถานการณ์ของฮันส์
นับตั้งแต่ที่กลายเป็นเดมิลิช เขาก็แผ่ออร่าที่น่าหวาดกลัวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าพลังแห่งความมืดของเขาจะถูกซ่อนไว้ ผลกระทบก็ลดลงอย่าง และเขาสร้างความกลัวเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากันมนุษย์เท่านั้น แต่ดูเหมือนออร่าจะไม่ได้ผลมากนักเมื่อใช้กับสัตว์ร้าย
การต่อสู้กับสัตว์ร้ายนั้นช่วยคลายความเบื่อหน่ายของเขาได้อย่างมาก
'และด้วยการทำเช่นนี้ ฉันสามารถเพิ่มจำนวนของอันเดต ได้เช่นกัน'
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่ฮันส์ออกมาจากหมู่บ้าน
เขาสงสัยว่ามีเมืองอยู่ทางทิศตะวันออกจริงหรือไม่ และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ควรเชื่อคำพูดของมัลคอล์ม
'ฉันได้จัดการกับคนเลวๆ ไปหลายคน ดังนั้นกรรมาของฉันควรจะเพิ่มขึ้นสักหน่อยสิ'
จากนั้นเขาจึงเปิดร้านร้านค้ากรรมาดู
[ร้านกรรมา]
[การเสริมทักษะพิเศษ (600,000)]
[การปรับปรุงสถานะ – ดูรายละเอียด]
[กรรมาที่มีอยู่ - 792,208]
เขาคาดหวังอยู่เล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าจำนวนกรรมาจะสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจเช่นนี้
‘ฉันคิดว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันตรวจสอบน่าจะมากกว่า 400,000 นิดหน่อย... แปลว่าการทำเช่นนี้มีส่วนให้ได้รับกรรมาอย่างมากหรือว่ามีเหตุผลอย่างอื่นอีกนะ?’
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่คิดไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอื่นใดอีก
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าพวกเขาเป็นคนชั่วมากเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อจะทำเช่นนี้ได้ฉันควรเสริมทักษะพิเศษของตัวเอง”
[พลังจิตของคุณเกินขีดจำกัดแล้ว คุณได้รับทักษะ 'ดัชนีแห่งการตรัสรู้']
หลังจากที่เขาเสริมทักษะพิเศษของเขาแล้ว ข้อความก็ปรากฏขึ้นโดยแจ้งว่าเขาได้เรียนรู้ทักษะใหม่หลังจากปวดหัวเล็กน้อย
มันเป็นทักษะที่จะช่วยป้องกันไม่ให้จิตใจของเขาถูกอิทธิพลจากสิ่งเร้าภายนอก และป้องกันการโจมตีทางจิตใจ
และที่สำคัญเขายังได้รับร่างอวตารอีกต่างหนึ่ง
“ฉันมี ‘สมุนไพรแห่งจิตใจ’ ของตัวเองอยู่แล้ว แต่สิ่งนี้ใช้ได้กับอวตารเท่านั้น จะดีกว่าถ้ามีทักษะที่สามารถใช้ได้กับร่างกายหลัก”
ตอนนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ว่าถึงเวลาที่จะให้ไฮนซ์ออกโลงแล้ว
'เนื่องจากฮันส์นั้นเป็นตัวตนที่ยากที่จะทำงานร่วมกับผู้คน ฉันจะส่งไฮนซ์ไปและใช้ตัวตนใหม่นี้เพื่อทำกิจกรรมภายนอก'
จากนั้นฮันส์ก็สังเกตเห็นร่องรอยของมนุษย์ในระหว่างทาง
….
ฮันส์กำลังขี่โครงกระดูกเสือขนาดใหญ่ที่ทำจากกระดูก ควบไปตามเส้นทางในป่า
ในระหว่างที่ฝ่าป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย เขาก็ได้ต่อสู้และฆ่าพวกมันไปเป็นจำนวนมาก และได้เปลี่ยนสัตว์ร้ายที่โจมตีเขาให้กลายเป็นซอมบี้และใช้พวกมันเป็นพาหนะ
'ขี่เร็วกว่าและมีสไตล์มากกว่าอีกด้วย!'
เนโครแมนเซอร์ขี่โครงกระดูก—นี่คือความฝันของเหล่าเกมเมอร์!
ดูเหมือนว่าการล่าและสร้างกองกำลังทหารม้าอันเดดจะเป็นเรื่องดี
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อย…
'ไม่สบายตัวเลย การขี่อยู่บนหลังโครงกระดูกเช่นนี้ไม่สบายตัวเลย!'
เพราะอย่างไรก็ตาม พวกมันก็เป็นเพียงอันเดตที่มีแต่กระดูกเท่านั้น
ทุกๆครั้งที่มันควบ การโคลงเคลงและแกว่งไกวไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
และเมื่อไม่มีอานก็ทำให้ไม่สบายตัวเลย
'ถ้าฉันลื่นไปและเท้าของฉันติดอยู่ระหว่างซี่โครงคงจะเสียหน้าอย่างมาก ฉันควรหาอันเดดประเภทอื่นมาเป็นสัตว์ขี่หรือไม่?'
ขณะที่เขาเดินไปตามทางในป่าโดยจมอยู่กับความคิด ต้นไม้ก็ค่อยๆ น้อยลง และในไม่ช้าเขาก็รู้ได้ว่าเขาได้มาถึงขอบป่าแล้ว
[...ตรงนั้น]
มัลคอล์มขี่หมาป่าโครงกระดูกแล้วเดินเข้าใกล้และชี้ด้วยกระดูกนิ้วไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
เมื่อเขาหันไปมองทางนั้นก็เห็นกำแพงเมืองอยู่ไกลๆ
[โอ้... มีเมืองอยู่จริงๆ ใช่มั้ย มัลคอล์มไม่ได้โกหก]
เขาพึมพำกับตัวเองแล้วหันไปมองมัลคอล์มที่กำลังขี่หมาป่าโครงกระดูกข้างๆ เขา จากนั้นเขาก็เกิดความรู้สึกคันไม้ค้นมือและเดินหนีไป
ในขณะที่เดินทางผ่านทิศตะวันออกเป็นเวลาหลายวันแล้ว ถ้าไม่มีอะไรทำเขามักจะจู่โจมมัลคอล์มทุกครั้งที่มีโอกาส
แม้ว่ามัลคอล์มจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวในอดีตของเขาได้ แต่การกระทำของเขาก็ไม่ได้หายไปเฉยๆ
'แต่อันเดดพวกนี้ไม่มีความเจ็บปวดหรืออารมณ์ใดๆ ดังนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก'
เขาละสายตาจากมัลคอล์มแล้วมองไปที่กำแพงเมืองที่อยู่ไกลออกไป
[เอาล่ะ ฉันจะไปต่อเอง พวกคุณรออยู่ตรงนี้แหละ]
อย่างไรก็ตาม หากเขาถูกพบเห็นอยู่นอกป่าพร้อมกับพวกอันเดตก็อาจเกิดการเข้าใจผิดได้
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบเร่งผ่านเขตป่า ดังนั้นจากนี้ไปเขาจะเคลื่อนไหวคนเดียว
ตอนนี้เขาจึงเคลื่อนที่เข้าไปใกล้กำแพงเมืองให้มากที่สุด โดยไม่ออกจากป่าแต่เดินตามขอบๆไป
ฮันส์ไม่สามารถเข้าไปในปราสาทได้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนสลับตัวกับไฮนซ์หลังจากไปถึงบริเวณใกล้เคียงแล้ว
แต่ยังเหลือเวลาอีกวันหนึ่งก่อนที่เขาจะได้ใช้การเคลื่อนย้ายระหว่างโลกได้อีกครั้ง
….
<ข้อมูลส่วนบุคคล>
-ชื่อ : ไฮนซ์
-คุณสมบัติทั่วไป: "สมุนไพรแห่งจิตใจ" "การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว" "ดัชนีแห่งการตรัสรู้"
-คุณลักษณะเฉพาะบุคคล: “ความแข็งแกร่ง”
- คุณสมบัติที่โดดเด่น: อวตารที่สองของฮันซองฮยอน
อิทธิพลของ “ความแข็งแกร่ง” ทำให้ความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจของเขาเพิ่มมากขึ้น
ไฮนซ์ลืมตาขึ้นหลังจากการเคลื่อนย้ายเสร็จสิ้น
กำแพงเมืองที่ฮันส์ค้นพบปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
มันอยู่ไกลพอสมควร แต่เดินสักชั่วโมงก็เพียงพอ
แล้วพอเขาหันศีรษะไปมองฮันส์ เขาก็ผงะถอยโดยไม่รู้ตัว
‘ว้าว รูปลักษณ์ของเขาดูน่ากลัวมาก…’
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันส์ต้องเผชิญหน้ากับอวตารใหม่หลังจากที่เขาได้กลายเป็นอันเดด และออร่าที่กดดันก็ยิ่งใหญ่มากกว่าที่เขาคาดไว้มาก
ออร่าที่น่าหวาดกลัว ความสามารถพื้นฐานของเดมิลิชที่เป็นอันเดตระดับสูง และกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาทั้งหมด
เขานั่งอยู่บนเสือโครงกระดูก ถือไม้เท้ารูปกะโหลก และดวงตาที่เป็นแสงสีน้ำเงิน โครงกระดูกของอวตารฮันส์นี้เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ
'ถ้าเจอเขากลางดึกฉันคงฉี่ราดแน่'
ขนาดเขายังมองฮันส์เป็นแบบนี้ และคนอื่นจะมองฮันส์อย่างไร
แค่เห็นฮันส์เพียงแวบเดียวก็อาจทำให้เกิดบาดแผลทางใจได้
หลังจากรวบรวมความคิดแล้ว เราเริ่มจัดเตรียมการแยกทางกัน
ไฮนซ์เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและชุดเกราะหนังจากอีกโลกที่ฮันส์เตรียมไว้ และเขายังมีแพ็คอาวุธและค่าเดินทางมากมายอีกด้วย
ฮันส์ถือสิ่งของที่มีประโยชน์หลายอย่างรวมถึงแท่งทองคำและโลหะมีค่าไว้ในมือ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะเรียกสิ่งของเหล่านี้มายังโลกได้หรือไม่
จากนั้นไม่นาน ไฮนซ์ก็เดินไปที่ประตูเพียงลำพัง….
…………………………