ตอนที่ 9: เธอทั้งอ่อนหวานและดื้อรั้น
ในรถ หลี่ลี่คอยหันมองไปทางหานซานด้านหลังอยู่บ่อยครั้ง
หลังจากหลี่ลี่หันไปเป็นครั้งที่ห้า ในที่สุดหานซานก็เอ่ยขึ้นว่า "มองอะไรอยู่?"
หลี่ลี่รีบหันกลับไป
เขาทำทีเป็นพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดบนแล็ปท็อปเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ “ได้ยินว่ามีหนึ่งในนักบินฝึกหัดที่เพิ่งรับเข้ามาเป็นผู้หญิงครับ”
หานซานตอบสั้น ๆ ว่า “อืม”
เสียงตอบเย็นชาของหานซานทำให้หลี่ลี่ถอนหายใจในใจ เขาได้ยินมาว่านักบินฝึกหัดคนนั้นสวยมาก
ถ้าผู้หญิงสวยขนาดที่เป่ยจ้านยังชื่นชมไม่สามารถทำให้คุณหานประทับใจได้ แล้วจะมีใครที่ดึงดูดสายตาเขาได้อีก? หรือคุณหานจะชอบผู้ชาย?
หลี่ลี่อดไม่ได้ที่จะมองตัวเองในกระจกมองหลัง เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาและดวงตากลมโตสวยตามธรรมชาติ ผิวของเขาก็ขาวเรียบเนียนอีกด้วย
เขาคือหนุ่มหล่อของแท้
หรือว่าคุณหานจะชอบคนแบบเขา?
ผู้ช่วยรู้สึกถึงความอันตราย เขาขยับตัวอย่างไม่สบายใจและพูดเสียงเบา “คุณเป่ยบอกว่านักบินฝึกหัดสวยมากนะครับ”
ใบหน้าของซ่งซีปรากฏขึ้นในความคิดของหานซาน
‘เธอสวยไหม?’
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่ลี่ก็ได้ยินหานซานพูดบางอย่างที่ไม่เข้ากับบุคลิกเย็นชาของเขา “เธอมีผมลอนยาวถึงเอว”
นั่นไม่ใช่คำชมแน่ ๆ!
หลี่ลี่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาแอบมองหานซานอีกครั้ง ก็พบว่าในสายตาของเขามีแววรังเกียจอยู่
หานซานเกลียดผู้หญิงที่มีผมยาวสวย!
แต่หลี่ลี่ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร
หานซานเป็นเหมือนปริศนาที่ยากจะเข้าใจ ตั้งแต่ที่หลี่ลี่ทำงานให้เขามาหลายปีแล้ว เขาก็ยังไม่รู้เรื่องราวของหานซานมากนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือหานซานเคยอยู่ในกองทัพ และต้องปลดประจำการก่อนกำหนดเพราะได้รับบาดเจ็บ
หานซานพักอยู่ในเพนต์เฮาส์แบบดูเพล็กซ์ ชั้นแรกเป็นพื้นที่ใช้สอย ส่วนชั้นสองเป็นห้องนอนและห้องทำงานส่วนตัวของเขา
ห้องนอนของเขาตกแต่งด้วยโทนสีดำและเทา ทั้งห้องดูมืดหม่น แต่มีหน้าต่างบานใหญ่ยาวเต็มผนังด้านหนึ่งที่ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น
ห้องน้ำในห้องนอนมีพื้นที่อาบน้ำที่ทำด้วยกระจกใส ชายหนุ่มยืนอยู่ใต้ฝักบัว ปล่อยให้น้ำร้อนไหลลงมาบนร่างกายสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา
เขากุมเส้นผมด้วยสองมือ ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว หานซานลืมตาขึ้นทันที น้ำกระเซ็นเข้าตาสีฟ้าเทาของเขา
เขาปิดน้ำและหยิบผ้าขนหนูมา พันรอบเอวอย่างหลวม ๆ
หานซานเดินไปยังห้องทำงานและหยิบหนังสือ Ordinary World* ออกจากชั้นหนังสือ เขาเปิดหนังสือและหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมา เป็นรูปผู้หญิงในเครื่องแบบทหารที่อุ้มเด็กเล็กไว้ เธอยิ้มมองกล้องอย่างอ่อนโยน
หานซานจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวในภาพด้วยความรักอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเก็บหนังสือกลับเข้าที่
...
ในขณะเดียวกัน ซ่งซีก็กลับมาถึงบ้านพอดีกับเวลาอาหารเย็น
เย็นวันนั้น มู่เหมียนและตู้ถิงถิงมีนัดไปร่วมงานเลี้ยง ทั้งคู่กลับถึงบ้านเร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อมากินอะไรรองท้องก่อนออกไปงาน
เพราะอายุมากขึ้น พวกเขาไม่สามารถดื่มเหล้าโดยท้องว่างได้อีกแล้ว
ตู้ถิงถิงถือชุดราตรีสองชุดไว้ในมือ เมื่อเธอเห็นซ่งซีเดินเข้าบ้าน เธอถามว่า “ซ่งซ่ง วันนี้ไปไหนมาจ๊ะ? ป้าจางบอกว่าหนูไม่ได้กินข้าวกลางวันที่บ้าน”
ซ่งซีไม่ได้ตอบคำถามของตู้ถิงถิง แต่ชี้ไปที่ชุดผ้าไหมสีกรมท่าที่ไม่มีแขน “แม่ใส่ชุดนี้สวยกว่าค่ะ”
ตู้ถิงถิงถือชุดราตรีขึ้นมาเปรียบเทียบกับตัวเอง เมื่อเห็นว่าชุดดูดี เธอยิ้มออกมา “ฉันว่าชุดสีฟ้าอ่อนสวยกว่า แต่ทั้งเธอกับพ่อชอบชุดสีกรมท่า ถ้างั้นแม่จะใส่ชุดสีกรมท่าก็ได้”
ตู้ถิงถิงกำลังคิดว่าจะใส่สร้อยคอแบบไหนดีถึงจะเข้ากับชุด แต่แล้วก็ได้ยินซ่งซีพูดขึ้นว่า “แม่คะ วันนี้หนูไปสัมภาษณ์งานมาค่ะ”
ตู้ถิงถิงวางชุดพาดไว้ที่แขน แล้วหันไปมองซ่งซี “ลูกไปสัมภาษณ์งานเหรอ? ตำแหน่งอะไรจ๊ะ? แล้วไม่เข้าไปทำงานที่เฉาหยางแล้วเหรอ?”
ซ่งซีส่ายหน้า
“หนูยังอยากเป็นนักบินอยู่ค่ะ”
ในขณะที่ทั้งสองคุยกัน มู่เหมียนก็เดินลงบันไดมาในชุดสูทลายทางสีกรมท่าเข้ม ดูหล่อเหลาและเต็มไปด้วยพลัง
มู่เหมียนได้ยินการสนทนาของพวกเขาและรู้ว่าซ่งซีแอบไปสัมภาษณ์งานมา เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“ลูกโตแล้วนี่นะ คงมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว” มู่เหมียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ซ่งซีรู้ดีว่าเขากำลังโกรธ
ซ่งซีไม่ตอบอะไร เพียงแค่นั่งฟังเงียบ ๆ ตู้ถิงถิงที่สังเกตเห็นท่าทางที่ดูเชื่องและอ่อนน้อมของลูกสาว รู้สึกปวดใจ “ที่รัก ซ่งซ่งโตแล้วนะคะ เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางอาชีพของตัวเอง”
มู่เหมียนรักและเอาใจตู้ถิงถิงมาก แม้ว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่เคยแสดงความโกรธกับเธอ
เขาเดินไปนั่งที่โซฟา มองไปที่ซ่งซี
ซ่งซีดูสงบนิ่งและว่าง่าย แต่ภายใต้ท่าทีอ่อนโยนและสุภาพนั้น แท้จริงแล้วเธอซ่อนความดื้อรั้นและมุ่งมั่นไว้อย่างเต็มเปี่ยม
“ช่างเถอะ” มู่เหมียนยอมรับความจริง “แล้วสัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ซ่งซีรีบตอบ “หนูผ่านสัมภาษณ์แล้วค่ะ หนูเริ่มงานได้ทุกเมื่อ”
คำตอบของเธอทำให้ตู้ถิงถิงประหลาดใจ เธออดกังวลไม่ได้ว่าซ่งซีอาจถูกกลั่นแกล้งหากไปทำงานที่อื่น แต่ในตอนนั้นเธอก็คิดแผนขึ้นมาได้ “สายการบินอะไรจ๊ะ? เดี๋ยวแม่ถามพ่อดูว่ามีคนรู้จักที่นั่นไหม จะได้แนะนำตัวให้รู้จักกัน”
ซ่งซีตอบว่า “ซีอุสแอร์ไลน์ ค่ะ” แล้วคิดได้จึงเสริมว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูเลือกเดินทางนี้เอง หนูก็พร้อมจะเผชิญความลำบาก”
ตู้ถิงถิงยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย “แต่ลูกยังเป็นมือใหม่ งานแบบนี้มันมีความซับซ้อนเยอะนะ แม่กลัวว่า...”
มู่เหมียนแทรกขึ้นมา “พอเถอะ เธอเลือกเส้นทางนี้เอง ถ้าเธอต้องเจอกับความลำบากบ้างก็ต้องยอมรับ คุณอาจปกป้องเธอได้ตอนนี้ แต่คุณจะปกป้องเธอไปตลอดไม่ได้หรอก”
คำพูดของมู่เหมียนทำให้ซ่งซีรู้สึกโล่งใจ แต่ตู้ถิงถิงกลับหันไปมองมู่เหมียนอย่างตำหนิ
“เอาล่ะ แม่กับพ่อจะไปงานเลี้ยงคืนนี้แล้วนะ ส่วนชิวเอ๋อก็ไปงานวันเกิดเพื่อน เธอไม่กลับมากินข้าวเย็น งั้นเรากินข้าวกันเถอะ”
“ค่ะ”
หลังมื้ออาหาร ตู้ถิงถิงและมู่เหมียนขึ้นรถไปงานเลี้ยงกันโดยจับมือกันอย่างรักใคร่
ซ่งซีเองก็นั่งอยู่บนโซฟาและเปิดแอป WeChat ขึ้นมา เธอเห็นว่ามู่ชิวโพสต์รูปถ่ายจากงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พร้อมแคปชันอวยพรวันเกิด
ในกลุ่มวัยรุ่น มู่ชิวดูสวยงามโดดเด่นมาก
ซ่งซีจำได้ลาง ๆ ว่าในชีวิตก่อน มู่ชิวเคยเป็นลมหมดสติเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวในงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน
หรือว่าจะเป็นคืนนี้?
ซ่งซีกำลังคิดทบทวนเรื่องนี้อยู่เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น
ซ่งซีไม่ทันมองหมายเลขผู้โทรและรับสายทันที เสียงสุภาพนุ่มนวลของเหยียนเจียงดังขึ้น “ซ่งซ่ง กำลังทำอะไรอยู่?”
ซ่งซีรู้สึกเคลิบเคลิ้มเมื่อได้ยินเสียงของเหยียนเจียง
เหยียนเจียง...
ในชีวิตก่อน เหยียนเจียงเป็นเพียงคนเดียวที่ร้องไห้หนักหน้าห้องฉุกเฉินหลังจากที่ซ่งซีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
/////
1 Ordinary World เป็นชื่อของนวนิยายจีนที่มีชื่อว่า 平凡的世界 (Píngfán de Shìjiè) เขียนโดย หลู่เย่าปิง (Lu Yao) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1980-1990